วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 842 เกิดความขัดแย้ง

คำพูดที่ว่าเชื่อผมนะ มันเหมือนเหมือนเป็นกำปั้นที่ทุบลงมาที่ใจของเฉียวฉีอย่างแรง

มันทำให้หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดไปหมด ราวกับว่าเธอติดอยู่ในก้อนสำลี และหายใจไม่ออก

เธอหันหน้าหนีไปทางอื่น และดวงตาของเธอก็ค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นสีแดง

“คุณจะให้ฉันเชื่อคุณได้อย่างไร?”

ใช่สิ เธอจะเชื่อเขาได้อย่างไร?

บาดแผลเหล่านั้นที่เธอเคยได้รับ ถึงแม้ตอนนี้เธอจะไม่ได้สนใจมันอีกแล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะสามารถลืมมันได้

แม้ว่าบาดแผลเหล่านั้นมันจะหายดีแล้ว แต่ก็ยังคงมีรอยแผลเป็นที่ฝังลึกอยู่ข้างใน เขาจะสามารถลบมันออกไปพร้อมกับบาดแผลเหล่านั้นได้อย่างนั้นหรือ?

แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม น้ำตาของเธอมันถึงได้ไหลออกมาแบบนี้

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งคู่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องพูดอะไรออกมา พวกเขาก็สามารถเข้าใจกันและกันได้

เมื่อกู้ซือเฉียนมองไปที่หยดน้ำตาที่ใสราวกับคริสทัล เขาก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกใครบางคนชกเข้าอย่างจัง มันรู้สึกตื้อและรู้สึกเจ็บปวดไปหมด

เขาค่อยๆ ยื่นมือออกไป ทีละน้อยๆ เพื่อเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอ

เสียงของเขาที่เปล่งออกมามันแหบแห้งราวกับเสียงของเชลโล

“ผมรู้ เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คุณไม่สามารถปล่อยมันไปได้ ดังนั้นคุณต้องเข้าไปพัวพันกับมัน และตามสืบคนเหล่านั้น แต่เฉียวฉี คนเราต้องมองไปข้างหน้าเสมอ ให้โอกาสผมสักครั้งเถอะนะ และคุณก็ให้โอกาสตัวเองด้วย หลังจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเรากลับมาดีกันก่อน เรื่องในอดีตเราก็ค่อยๆ กลับมาพูดกันอีกที ดีไหม?”

จู่ๆ เฉียวฉีก็เงยหน้าขึ้นไปมองเขา

ในเวลานี้ เธอหยุดร้องไห้แล้ว และในดวงตาคู่นั้นก็มีเพียงความดื้อรั้นที่ฉายชัดออกมาเพียงเท่านั้น

จู่ๆ เธอก็ถามเขาออกมาว่า “ทำไมต้องหลังจากพรุ่งนี้ด้วยล่ะ? พรุ่งนี้คุณจะทำอะไร? คุณเป็นคนไม่ชอบเรื่องที่ยุ่งยากวุ่นวาย แต่จู่ๆ ก็ขอร้องให้หลินซงช่วยเชิญไปงานแต่งงานของหนานมู่ฮ๋วย แล้วคุณก็อยากจะพาหลินเยว่เอ๋อร์ไปด้วย คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”

เมื่อสักครู่นี้ เธอไม่ได้ตอบสนองอะไรกลับไป แล้วเธอก็เข้าใจผิดคิดว่าเขาจะพาหลินเยว่เอ๋อร์ไปด้วย เพราะเขาเป็นคนยอมรับออกมาเองว่าหลินเยว่เอ๋อร์เป็นผู้หญิงของเขาในตอนนี้

แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็คิดขึ้นมาได้ว่า กู้ซือเฉียนไม่ใช่คนแบบนั้น

เขายังรักเธออยู่รึเปล่า เรื่องนี้เธอไม่สามารถรับประกันได้ แต่เรื่องที่เขาไม่ชอบหลินเยว่เอ๋อร์ ใครๆ ก็มองออก

ไม่อย่างนั้น ก่อนหน้านี้ที่เธอมีเรื่องขัดแย้งกับหลินเยว่เอ๋อร์หลายต่อหลายครั้ง และตอนที่หลินเยว่เอ๋อร์ใช้วิธีการที่ต่ำช้าแบบนั้นกับเธอ เขาก็คงจะไม่ยืนข้างหล่อน และห้ามปรามเธอแบบนั้นหรอก

จากประสบการณ์และเหตุผลของเฉียวฉีมันก็สามารถบอกเธอได้ว่า กู้ซือเฉียนกำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเธออยู่

ความจริง กู้ซือเฉียนก็ปิดบังอะไรบางอย่างกับเธอจริงๆ

หลังจากที่เขาคิดไปคิดมาแล้ว จู่ๆ เขาก็ผลักวีลแชร์ของเธอ เข้าไปในห้อง

เฉียวฉีตกใจไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ร้องตะโกนออกมา “กู้ซือเฉียน คุณจะทำอะไร?”

เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ถึงได้ช่วยผลักวีลแชร์ให้เธอเข้ามาในห้องดีแบบนี้

แต่ถึงอย่างนั้น กู้ซือเฉียนก็ไม่ยอมให้โอกาสเธอพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่เขาผลักวีแชร์ของเธอเข้ามาในห้องแล้ว เขาก็กดล็อกประตูทันที

เฉียวฉีมองดูปฏิกิริยาทั้งหมดนี้ของเขา “…”

เธอรู้สึกโกรธมาก แต่เธอก็ยังต้องยิ้มออกไป

หลังจากที่กู้ซือเฉียนปิดประตูแล้ว เขาก็หันกลับมา และเดินตรงมาที่เธอ จากนั้นเขาก็นั่งยองๆ ลงไปกับพื้น

เขาจ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของเธอ และพูดออกมาว่า “เฉียวฉี เรื่องนี้ผมสามารถบอกคุณได้ แต่คุณต้องสัญญากับผมก่อนนะว่าหลังจากที่คุณได้ฟังมันแล้ว คุณจะไม่โกรธ”

ความจริงตอนที่เขาบอกเฉียวฉีก่อนหน้านี้ เธอก็ไม่ได้โกรธเขานานแล้ว

แต่เมื่อได้มาเห็นท่าทางของเขาในตอนนี้ เธอก็เลยไม่อยากจะปล่อยเขาไปง่ายๆ

เพราะอย่างนั้น เธอจึงแสร้งทำเป็นโกรธ และพูดออกไปว่า “คุณก็ลองพูดออกมาก่อนสิ”

กลังจากที่กู้ซือเฉียนคิดไปคิดมาแล้ว เขาก็เริ่มเปิดปากพูดอธิบายออกมา

“ความจริงเหตุผลที่ผมยังเก็บหลินเยว่เอ๋อร์เอาไว้ เพราะผมบังเอิญไปสืบค้นเจอเรื่องอะไรบางอย่างเข้า”

“เรื่องอะไรเหรอ?” เฉียวฉีถามออกไปอย่างสนอกสนใจ

กู้ซือเฉียนพูดต่อออกไปว่า “คุณรู้จักหนานมู่หรงใช่ไหม?”

เฉียวฉีพยักหน้าเป็นการตอบรับ

หนานมู่หรงเป็นน้องชายของหนานมู่ฮ๋วยและพวกเขาทั้งคู่ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นหัวใจสำคัญของตระกูลหนาน

กู้ซือเฉียนยังคงพูดต่อ “ตอนนี้กลุ่มมังกรได้แยกย้ายกันไปแล้ว แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ยังคงทำงานให้กับครอบครัวเราอยู่ และเมื่อไม่นานมานี้ตระกูลหนานก็กำลังแย่งชิงธุรกิจกับเรา บางทีในอนาคตพวกเราอาจจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกต่อไป แต่อาจจะกลายเป็นคู่แข่งหรือไม่ก็เป็นศัตรูกันก็ได้”

“และธุรกิจส่วนใหญ่ทางนั้น ก็ถูกควบคุมโดยหนานมู่หรง เขาเป็นผู้นำที่มีความสามารถมากที่สุดในหมู่คนรุ่นใหม่ของตระกูลหนาน และด้วยมั่งคั่งทางการเงินของตระกูลหนานไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ก็พูดได้เลยว่าไม่มีใครสามารถหยุดยั้งพวกเขาเอาไว้ได้”

“และเพื่อกันเอาไว้ดีกว่าแก้ ผมก็เลยแอบส่งคนไปตามสืบเขา และก็พบว่าเขาเคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ภรรยาของเขาเสียชีวิตตอนที่คลอดบุตร”

“เขาถูกมองว่าเป็นคนที่ลุ่มหลงในความรัก ตั้งแต่ที่ภรรยาของเขาเสียชีวิตไป เขาก็ไม่เคยแต่งงานใหม่อีกเลย เห็นได้ชัดว่าในใจของเขายังคงคิดถึงภรรยาของตัวเองอยู่เสมอ และหลินเยว่เอ๋อร์ ก็ดูคล้ายกับภรรยาของเขามาก”

เฉียวฉีรู้สึกตกตะลึงขึ้นมาทันที และเธอก็ไม่อยากจะเชื่อมันเลยแม้แต่น้อย

“คุณพูดถึงเรื่องอะไร หลินเยว่เอ๋อร์ดูคล้ายกับภรรยาของเขาอย่างนั้นหรือ”

“ใช่”

กู้ซือเฉียนพยักหน้าตอบรับกลับมาด้วยความมั่นใจ “ไม่เพียงแค่คล้ายกัน นอกจากอายุที่แตกต่างกัน ก็พูดได้เลยว่าพวกหล่อนมีความล้ายคลึงกันทุกส่วนเลยทีเดียว”

เฉียวฉียิ่งรู้สึกตกใจมากขึ้นไปอีก

เธอถึงกับส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว

“มันจะเป็นไปได้อย่างไร? พวกหล่อนไม่ได้มาจากประเทศเดียวกันซะหน่อย แล้วอีกอย่างก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกัน ทำไมถึงได้…”

กู้ซือเฉียนพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เหตุผลที่เฉพาะเจาะจงผมก็ไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกัน แต่ตอนที่หนานมู่หรงได้เจอกับหลินเยว่เอ๋อร์ครั้งก่อน เขาแสดงท่าทางออกมาว่าเขาสนใจหล่อนมาก เฉียวฉี นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเรา เราจะพลาดมันไม่ได้”

ดวงตาของเฉียวฉีหม่นแสงลงในทันที

จากนั้นเธอก็เงยหน้าไปจ้องมองที่เขาด้วยแววตาสงสัย

“คุณคิดที่จะทำอะไร?”

“ผมพูดกับหลินเยว่เอ๋อร์แล้วว่า ผมจะส่งตัวหล่อนให้ไปอยู่ข้างกายของเขา และหล่อนก็ตกลง หลังจากนี้ หล่อนจะเป็นสายสืบที่ทรงพลังมากที่สุดของเรา”

เฉียวฉีหัวเราะออกมาทันที และรู้สึกที่อยากจะพูดเสียดสีเขาออกไป

ในตอนนี้ กู้ซือเฉียนยังคงจับมือของเธอเอาไว้อยู่ เธอสะบัดมือของเขาออก จากนั้นก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า “กู้ซือเฉียน คุณทำแบบนี้ได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าคุณแตกต่างจากผู้ชายพวกนั้น แต่ทำไมคุณถึงได้กลายเป็นเหมือนกับพวกเขา คุณหลอกใช้ผู้หญิง เพื่อความสำเร็จของตัวเอง!”

“คุณเคยคิดบ้างรึเปล่าว่า คุณกำลังหลอกใช้หลินเยว่เอ๋อร์เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากหนานมู่หรง และคุณก็ยังส่งให้หล่อนไปเป็นสายลับ คุณไม่เพียงแต่หลอกใช้หนานมู่หรงแล้วเท่านั้น แต่คุณยังหลอกใช้หลินเยว่เอ๋อร์ด้วย คุณหลอกใช้ความรู้สึกของพวกเขาทั้งสองคน”

“ฉันรู้ว่า หลินเยว่เอ๋อร์ชอบคุณมาก และรักคุณมากเช่นกัน หล่อนเต็มใจที่จะไปบุกน้ำลุยไฟเพื่อคุณ และหล่อนก็สามารถทำทุกอย่างเพื่อคุณได้ไม่ว่าสิ่งนั้นมันจะเป็นสิ่งหล่อนอยากจะทำมันหรือไม่ก็ตาม แต่กู้ซือเฉียน คุณเคยคิดบ้างไหม? ว่าทำไมหล่อนถึงทำแบบนี้ หล่อนกำลังคิดอะไร และคุณจะสามารถให้สิ่งที่หล่อนต้องการได้รึเปล่า?”

กู้ซือเฉียนยังคงนิ่งเงียบ และไม่ได้พูดอะไรออกมา

เฉียวฉียังคงพูดต่อออกไปอีกว่า “ถ้าคุณเป็นแบบนี้ ถึงแม้ว่าคุณจะชนะ แต่ก็ไม่ชัยชนะที่ใสสะอาด ก่อนหน้านี้คุณไม่เคยทำสิ่งที่น่ารังเกียจแบบนี้มาก่อนเลยไม่ใช่หรือ? แต่ทำไมตอนนี้คุณถึงได้ทำแบบนี้ล่ะ?”

กู้ซือเฉียนเงยหน้าขึ้น และมองตรงไปที่เธอ ดวงตาของเขาที่เคยอ่อนโยนมันก็ค่อยๆ เยือกเย็นลงขึ้นมาเรื่อยๆ

เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ที่คุณพูดแบบนี้ แสดงว่าคุณไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมทำใช่ไหม?”

เฉียวฉีตอบกลับไปทันทีอย่างไม่เสียเวลาคิดเลยแม้แต่น้อย “ไม่เพียงแต่จะไม่เห็นด้วย แต่ฉันยังดูถูกวิธีการของคุณอีกด้วย”

“พฤติกรรมแบบนี้ของคุณ มันแตกต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉานที่อยู่ในคราบของมนุษย์ล่ะ!”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset