คำพูดเหล่านี้ดูเหมือนจะทำให้กู้ซือเฉียนรู้สึกระคายเคือง
ดวงตาของเขาถมึงทึงขึ้นมาทันที และเงาของเหยื่อก็ปรากฏขึ้นมาในแววตา
“เฉียวฉี ก่อนหน้านี้ผมคิดว่า ถ้าผมบอกเรื่องนี้กับคุณไปแล้ว คุณจะเข้าใจผม แต่ทำไมคุณถึงคิดกับผมแบบนี้ล่ะ? คุณคิดว่าการที่ผมทำแบบนี้คนอื่นจะดูถูกผม? และแม้แต่คุณเองก็จะดูถูกผมด้วยเหมือนกันอย่างนั้นหรือ?”
เฉียวฉีตอบกลับไปว่า “ใช่ ฉันดูถูกคุณ กู้ซือเฉียนคนก่อน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนหลายใจ แต่เขาก็ยังถือว่าเป็นคนซื่อตรง แม้ว่าเขาจะมีกลยุทธ์ทางธุรกิจ แต่เขาก็ไม่เคยหลอกใช้ความรู้สึกของผู้หญิง”
“แต่ในตอนนี้ คุณจะทำลายหลักการของคุณเอง เพียงเพราะคุณอยากที่จะกำจัดหนานมู่หรง ด้วยการส่งหลินเยว่เอ๋อร์ไป กู้ซือเฉียน คุณยังมีหัวใจอยู่รึเปล่า? คุณคิดว่าคนที่ปฏิบัติต่อคุณด้วยความจริงใจ หัวใจของพวกหล่อนมันไร้ค่า และคุณก็สามารถทำลายมันยังไงก็ได้ตามอำเภอใจอย่างนั้นหรือ? คุณทำให้ฉันผิดหวังมากเลยนะ!”
สีหน้าของกู้ซือเฉียน ค่อยๆ เย็นชาขึ้นมาทีละนิดๆ
เขามองตรงไปที่เฉียวฉี ราวกับว่าเขากำลังมองคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จัก
เขาค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้น จากนั้นก็ขยับออกห่างจากเธอทีละนิดๆ
หลังจากที่ผ่านไปเนิ่นนาน เขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า “เดิมทีแล้วในใจของคุณ ผมเป็นคนอย่างนั้นเองหรือ?”
เฉียวฉีจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาที่เจ็บปวดของเขา และความจริงแล้วหัวใจของเธอก็เจ็บปวดมากเช่นกัน
เธอไม่รู้ว่า เพราะอะไรกันแน่ ที่ทำให้กู้ซือเฉียนในอดีตที่เธอเคยรู้จักเปลี่ยนแปลงไปเหมือนอย่างวันนี้ไปได้
เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่มีความเป็นแม่พระ และก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ทำธุรกิจมาก่อน
ก่อนหน้านี้เธอเคยเห็นคนอื่นทำวิธีการเช่นนี้ และเธอก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก แต่เมื่อเป็นกู้ซือเฉียนที่ต้องการจะทำมัน เธอก็อดที่จะรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาไม่ได้ มันอาจจะเป็นเพราะในใจของเธอ เขามักจะแตกต่างจากคนอื่นเสมอ
ดูเหมือนร่างของเขาจะจมลงไปในโคลน แต่ความจริงแล้ว ส่วนลึกในจิตใจของเขาเป็นคนใจกว้าง และก็เต็มไปด้วยแสงสว่าง
เขาไม่มีทางที่จะให้คนอื่นไปทำเรื่องสกปรกแบบนี้หรอก
อย่างเช่น การหลอกใช้ความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีต่อเขา เพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง
นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำอย่างแน่นอน
เพราะอย่างนั้น หลังจากที่เฉียวฉีได้รับรู้เรื่องนี้ เธอก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา
และในเวลานี้ หัวใจของเธอมันก็รู้สึกเหนื่อยล้ามากเหลือเกิน
เธอพูดกับกู้ซือเฉียนออกไปว่า “ฉันไม่รู้ว่าคุณจะเป็นคนอย่างนี้ แต่เรื่องที่คุณหลอกใช้ให้หลินเยว่เอ๋อร์เพื่อที่จะโค่นล้มหนานมู่หรงเรื่องนี้ฉันไม่เห็นด้วยจริงๆ กู้ซือเฉียน คุณไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วหรือ? คุณต้องหลอกใช้หล่อนด้วยอย่างนั้นหรือ?”
กู้ซือเฉียนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ผมให้หนานมู่หรงมาเจอหล่อนแล้ว”
และในตอนนี้เฉียวฉีก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันที
เจอกันแล้ว นั่นก็หมายความว่า หล่อนได้เข้าไปอยู่ในสายตาของหนานมู่หรงแล้ว
เขาเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของภรรยาของเขาที่เสียชีวิต นั่นก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะปล่อยผู้หญิงที่ดูคล้ายคลึงกับภรรยาของเขาที่เสียชีวิตไป
เพราะอย่างนั้นแล้ว แม้ว่าเขาจะรู้อยู่เต็มอกว่านี่เป็นกับดักที่กู้ซือเฉียนวางเอาไว้ แต่เขาก็ยังจะกระโดดเข้ามาโดยที่ไม่คิดที่จะลังเลเลยแม้แต่น้อย
กู้ซือเฉียน!
ต้องบอกเลยว่า แม้ว่าวิธีการนี้ เฉียวฉีจะคิดว่ามันสกปรก แต่ก็เป็นวิธีการที่ดีที่สุดไม่ใช่หรือ?
ในเวลานี้เฉียวฉีไม่สามารถบอกออกไปได้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร เธอจึงทำได้เพียงแค่แค่ส่ายหน้า และพูดออกไปได้เท่านั้นว่า “ถ้ามันเป็นอย่างนั้น มันก็เป็นเรื่องของคุณ เรื่องนี้คุณตัดสินใจไปแล้ว สิ่งที่ฉันพูดออกไปมันก็ไม่มีความหมายอะไร กู้ซือเฉียน หลังจากนี้ต่อไป คุณไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องนี้มาบอกฉัน ฉันไม่อยากฟัง”
หลังจากที่พูดจบ เธอก็หันหลังเดินจากไปทันที
กู้ซือเฉียนมองตามแผ่นหลังของเธอไป ดวงตาของเขามันดูหม่นหมองลงเล็กน้อย
“เพราะอย่างนั้นคุณก็เลยไม่ยอมกลับมาคบกับผมใช่ไหม?”
เฉียวฉีหยุดอยู่กับที่ในทันที
เธอหันกลับไปมองเขา และใจของเธอก็เกิดความรู้สึกสับสนและขมขื่นมากมายขึ้นมา
ราวกับว่ามีหมอกควันลอยวนอยู่ในทางเดินที่ว่างเปล่า
“มันผ่านไปแล้ว ตอนนี้คุณก็ไม่ใช่คุณคนเดิมกับเมื่อสี่ปีก่อนอีกแล้ว และตอนนี้ฉันก็ไม่ใช่ฉันคนเดิมกับเมื่อสี่ปีก่อนแล้วเหมือนกัน และในเมื่อเราไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว เราจะมาพูดเรื่องกลับมาคบกันได้อย่างไร? บอสกู้เป็นคนเฉลียวฉลาด มีวิธีการใหญ่โตเป็นของตัวเอง ฉันก็เป็นเพียงแค่คนที่โง่เขลา และไม่เหมาะสมที่จะยืนอยู่เคียงข้างคุณ เพราะอย่างนั้นได้โปรดคุณอย่าสนใจฉันอีกเลย”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็รีบร้อนเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของกู้ซือเฉียนมืดมนลงราวกับน้ำที่อยู่ลึกลงไปถึงก้นบึ้ง
หลังจากที่ผ่านไปเนิ่นนาน เขาก็ได้ยินเสียงปิดประตูดัง “ตึง”
และในไม่ช้าคนอื่นๆ ในปราสาท ก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เดิมทีพวกเขาทั้งสองคนก็ดูเหมือนจะคืนดีกันแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากที่คุณชายหลินกลับไปในวันนี้ บรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งสองมันก็เปลี่ยนไป
จากความสนิทสนมเหมือนอย่างตอนแรก กลับแปลเปลี่ยนกลายเป็นความตึงเครียดในปัจจุบัน
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทุกคนรู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาอาหารเย็น ก่อนหน้านี้ทั้งยังสองคนยังนั่งติดกันอยู่เลยตอนช่วงอาหารกลางวัน แต่ตอนนี้พวกเขากลับนั่งกันคนละฝั่ง
คนหนึ่งนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ส่วนอีกคนนั่งอยู่หางโต๊ะ โดยมีที่นั่งขั้นกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองคนมากกว่า 10 ที่ นั่นจึงทำให้คนรับใช้ต้องยกจานอาหารย้ายไปย้ายมาแทบตาย
และสุดท้าย กู้ซือเฉียนก็ออกคำสั่ง ให้พวกเขายกจานอาหารที่เฉียวฉีโปรดปราน ไปวางไว้ข้างเธอ
เฉียวฉีไม่ได้ปฏิเสธมัน เธอทำเพียงแค่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาเพียงเท่านั้น
หลังจากที่กินไปได้สองสามคำอย่างรีบร้อน เธอก็วางช้อนและเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองทันที
กู้ซือเฉียนมองดูจานอาหารของเธอที่เธอไม่ได้แตะต้องมันมากนัก ด้วยแววตาที่ดูลึกล้ำ
ส่วนหลินเยว่เอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา และหล่อนก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของพวกเขาทั้งสอง หล่อนจึงถามออกไปเสียงเบาว่า “ซือเฉียน มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกคุณทั้งสองคนรึเปล่า?”
กู้ซือเฉียนไม่ได้หันไปมองหล่อน และก็ไม่แม้แต่จะตอบกลับอะไรไปด้วยเช่นกัน
หลังจากที่เขารับประทานอาหารเสร็จ เขาก็ลุกออกไปทันที
และภายในห้องอาหารแห่งนี้ก็เหลือเพียงแค่หลินเยว่เอ๋อร์คนเดียวเท่านั้น
เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของกู้ซือเฉียน หล่อนก็ไม่ได้สนใจมันเลยแม้แต่น้อย หล่อนยักไหล่อย่างเฉยเมย และยังคงก้มหน้าก้มตากินต่อไป
หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ หล่อนก็เดินกลับไปที่ตึกรอง
และเมื่อเฉียวฉีตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็ได้ยินว่า กู้ซือเฉียนพาหลินเยว่เอ๋อร์ออกไปข้างนอกแล้ว
เธอรู้ว่า เขากำลังพาหล่อนไปเจอกับหาหนานมู่หรง
เธอไม่สามารถบอกได้ว่าในใจของเธอรู้สึกอย่างไร
เธอรู้เพียงแค่ว่า ตราบใดที่กู้ซือเฉียนได้ตัดสินใจอะไรไปแล้ว นั่นก็ไม่มีทางที่ใครจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรเขาได้
เพราะอย่างนั้น เธอก็เลยไม่ได้คาดหวังเอาไว้เลยว่า คำพูดของเธอมันจะสามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเขาได้
แต่ทำไม การที่ได้เห็นเขาตัดสินใจพาหลินเยว่เอ๋อร์ออกไปข้างนอกอย่างเด็ดขาดแบบนั้น ในใจของเธอมันถึงได้รู้สึกผิดหวังและเศร้าเสียใจแบบนี้ล่ะ?
เฉียวฉีรู้ว่า ตัวเองไม่ได้เป็นผู้หญิงที่มีจิตใจบริสุทธิ์ผุดผ่องอะไรขนาดนั้น แล้วอีกอย่างหลินเยว่เอ๋อร์ก็ยังเอาแต่มาสร้างปัญหาให้เธอหลายครั้งหลายครา และเธอก็ไม่สามารถพูดออกไปได้เต็มปากว่าเธอไม่ชอบหล่อน
แต่เธอแค่รู้สึกเห็นอกเห็นใจหล่อน
ใช่แล้ว มันคือความเห็นอกเห็นใจ
ในฐานะที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน เธอรู้ว่า ผู้หญิงบนโลกใบนี้ มักจะได้รับความทุกข์ทรมานจากการดูหมิ่นและความไม่เป็นธรรมที่ตัวเองไม่สมควรได้รับมากมาย
แม้ว่าหล่อนมักจะชอบสร้างปัญหาให้เธอ และถึงแม้ว่าความรู้สึกของหลินเยว่เอ๋อร์ที่มีต่อกู้ซือเฉียนมันจะไม่ได้สะอาดบริสุทธิ์
แต่มันก็เพราะเหตุนี้ หล่อนถึงได้ถูกคนอื่นหลอกใช้ส่งไปเป็นตัวแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ไม่ใช่หรือ?
หล่อนก็เป็นสิ่งมีชีวิตคนหนึ่ง ไม่ใช่เครื่องมือที่จะโยนทิ้งไปเมื่อไหร่ก็ได้
แต่ทำไมกู้ซือเฉียนที่ไม่เคยทำเรื่องสกปรกแบบนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เขากลับทำเรื่องแบบนี้ได้ล่ะ?
บางที มันก็มีอีกสิ่งหนึ่ง
นั่นก็คือ เมื่อเฉียวฉีมองไปที่หลินเยว่เอ๋อร์ เธอก็รู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังมองเห็นตัวเอง
ในตอนนั้น เธอรักกู้ซือเฉียนมาก เธอเชื่อเขา รักเขาอย่างสุดหัวใจ และความรู้สึกที่เธอมีต่อเขามันก็บริสุทธิ์และจริงใจ