จำเป็นต้องรู้ก่อนว่า กู้ซือเฉียนนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมากในแวดวงนี้ เกือบจะถึงจุดที่ว่าไม่มีใครรู้จักเขา
ณ ที่แห่งนี้ เมื่อพูดถึงคุณชายสามกู้ จะมีใครจะไม่สนใจเขาได้?
แต่คนคนนี้มีปัญหาอยู่เรื่องหนึ่ง คือข้างกายของเขาไม่เคยมีผู้หญิงอยู่เคียงข้างมาก่อน และเขาเองก็ไม่ได้คลุกคลีกับผู้หญิง
ข่าวลือนี้มันเกินจริงขนาดไหน?
มันเกินจริง ถึงขนาดที่ว่าบางคนบอกว่าเขาชอบผู้ชาย
อย่างไรซะ สำหรับคนคนหนึ่งที่มีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง แถมยังเป็นชายที่เก่งกาจเช่นนี้ แต่กลับไม่เคยมีหญิงอยู่ข้างกายเลย ก็เป็นไปได้ที่ต้องถูกสงสัยเรื่องรสนิยมทางเพศ
ยิ่งกว่านั้น เพราะเมื่อก่อนตอนที่เฉียวฉีกับกู้ซือเฉียนคบกัน ทั้งคู่ก็ไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน และตอนนั้นเฉียวฉีก็ยังอยู่ในกลุ่มหงส์แดงอยู่ จึงไม่ง่ายเลยที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาต่อสาธารณะ ดังนั้น นอกจากบางคนที่สนิทกับกู้ซือเฉียนมากๆ แล้ว โลกภายนอกก็ไม่เคยมีใครรู้ ว่าเขาเคยมีแฟนด้วยซ้ำ
เพราะอย่างนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ข่าวลือแปลกๆ จะกลับมาอีกครั้ง
แต่ในเวลานี้ กู้ซือเฉียนผู้ซึ่งไม่เคยสนิทชิดเชื้อกับผู้หญิงมาก่อน กลับกำลังเอาอกเอาใจหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ มันหมายความว่าอะไร?
สีหน้าของทุกคนดูแปลกๆ อยู่พักหนึ่ง
แต่กู้ซือเฉียน ทำตัวราวกับว่าเขาไม่เห็นมัน และทำสิ่งที่ทำอยู่ต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะคิดว่าไม่มีอะไร แต่เฉียวฉีก็ไม่สามารถทนต่อการจ้องมองของผู้คนรอบตัวเธอได้
เมื่อกู้ซือเฉียนตักอาหารให้เธออีก ในที่สุดเธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำออกมาว่า “พอแล้ว! ฉันไม่เอาแล้ว”
ในขณะเดียวกัน เขาเงยขึ้นอย่างเงียบๆ และเหลือบมองสายตาของคนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะ
ตามคาด…
เธอกัดฟันกรอด และรู้สึกว่าการที่กู้ซือเฉียนทำเช่นนี้ เหมือนกับการจุดไฟเผาเธอให้เธอรู้สึกแย่ลง
แต่ชายผู้นั้นยังไม่รู้ตัว เมื่อเห็นเธอปฏิเสธ เขาจึงถามอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ชอบกินเหรอ? เมื่อก่อนคุณชอบกินอันนี้ที่สุดนี่? ไม่ลองชิมน้ำซุปดูสักหน่อยล่ะ?”
เฉียวฉีทนไม่ไหวอีกต่อไป
ผู้ชายคนนี้ ตั้งแต่เมื่อครู่แล้วที่จู่ๆ ก็สารภาพรักในห้องรับรอง ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนจากเมื่อก่อน
ถึงแม้เมื่อก่อนเขาจะค่อนข้างเย็นชา แต่ก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควรและมีเหตุผล และเขาจะไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกประหม่า
แต่ตอนนี้เขา…
กลายเป็นคนอ่อนโยนแถมยังขี้อ้อนขนาดนี้ได้ยังไง?
เธอทำอะไรไม่ถูก และพูดได้เพียงว่า “กู้ซือเฉียน คุณเชื่อไหมถ้าคุณยังทำแบบนี้ต่อไปนะ ฉันจะเอาอาหารถ้วยนี้ราดใส่หัวคุณเลยคอยดู”
พูดจบ เธอยังมีการแยกเขี้ยวขู่เขาด้วย
กู้ซือเฉียนเลิกคิ้วขึ้น ไม่เพียงแต่เขาไม่รู้สึกทุกข์ใจแล้ว แต่เขายังขดมุมปากยิ้มอย่างมีความสุข
“โอเค ถ้างั้นฉันไม่ตักให้แล้วก็ได้”
หลังจากนั้น เขาก็หันกลับไป และกินแต่ของตัวเองจริงๆ
เมื่อเห็นอย่างนี้เฉียวฉีก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
แต่ถึงแม้เขาจะอยู่เฉยๆ แบบที่ควรจะเป็นแล้ว แต่สิ่งที่ทำลงไปก่อนหน้านี้
คนอื่นๆ จะไม่คิดว่าเพียงเพราะกู้ซือเฉียนไม่ได้ตักอาหารให้เธอแล้ว หมายถึงไม่มีอะไรระหว่างพวกเขา
ในทางตรงกันข้าม เนื่องจากการสนทนาที่กระซิบกระซาบไม่กี่ประโยคระหว่างพวกเขาทั้งสองเมื่อครู่ ที่ดูค่อนข้างสนิทสนมกัน ก็เป็นการยืนยันสถานะความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองให้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก
ดังนั้น ไม่เพียงแต่สายตาของทุกคนจะไม่เป็นอย่างที่เฉียวฉีหวังไว้ ว่าคงจะกลับมาเป็นปกติ แต่ยิ่งกลับกลายเป็นว่าพวกเขายิ่งซุบซิบกันอย่างออกรสออกชาติมากขึ้น
มีคนสองสามคนที่โต๊ะ ที่ตอนเช้าร่วมเล่นเกมและดื่มกับเฉียวฉี
ซูเจ๋อชื่อก็อยู่ด้วย
เมื่อทุกคนเห็นเธอใกล้ชิดกับกู้ซือเฉียนแบบนี้ ยกเว้นซูเจ๋อชื่อที่รู้เรื่องมาก่อนแล้วนั้น คนที่เหลือต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา
ก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดอยู่เลยว่า ยังมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์กับสาวงามคนนี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า เธอคนนี้มีเจ้าของอยู่แล้ว และเธอก็ยังเป็นแฟนของกู้ซือเฉียนอีกด้วย?
ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินว่า มีผู้หญิงคนนี้อยู่ข้างๆกู้ซือเฉียน?
เป็นผลให้ คนกลุ่มนี้อดไม่ได้ที่จะซุบซิบขึ้นมา
มีคนถามว่า “คุณชายกู้ คุณและคุณเฉียว…สนิทกันเหรอ?”
เฉียวฉีก้มหน้าลงรับประทานอาหาร แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
แต่เห็นกู้ซือเฉียนหันไปมองเขา ยิ้มเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ใช่”
เมื่อชายคนนั้นได้ยิน ดวงตาของเขาเป็นประกาย และเขาก็ยื่นมือออกมาทำท่าหัวใจ “พวกคุณเป็น…”
กู้ซือเฉียนกำลังจะพูด เขาเพิ่งจะอ้าปาก
เฉียวฉีขมวดคิ้ว ไม่อยากให้คนเหล่านี้เข้าใจผิด ดังนั้นจึงพูดว่า “ไม่ใช่! พวกคุณอย่าคิดเองเออเองสิ ฉันกับเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันสักหน่อย”
กู้ซือเฉียนที่กำลังจะอ้าปากพูดก็สำลักคำพูดนั้นลงไปในลำคอของเขา
เขาเหลือบมองเฉียวฉี จากนั้นก็หันหน้ากลับ และพูดอย่างสงบท่ามกลางสายตาที่ประหลาดใจของทุกคน “วันนี้เธออารมณ์ไม่ดี พวกคุณอย่าถือสาเลย ฉันและเธอ… “
เขาหยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ฉันกำลังพยายามจีบเธออยู่”
วี๊ดวิ่ว~~~
มีเสียงโห่ร้องดังระงมสลับกันไปมาดังอยู่พักหนึ่ง เฉียวฉีหันหน้ามา และมองเขาอย่างเกรี้ยวกราด
กู้ซือเฉียนยักคิ้ว และส่งยิ้มกลับมาให้เธอหนึ่งที
เฉียวฉีโกรธจริงๆ แล้ว!
ข้าวก็ไม่มีอารมณ์จะกินแล้ว เธอวางตะเกียบลง และลุกออกไป
เมื่อกู้ซือเฉียนเห็น เขาก็ไม่กินต่อแล้ว โยนตะเกียบทิ้ง และกึ่งขอโทษกึ่งทำวางท่ากับผู้คนบนโต๊ะ “เธอโกรธแล้ว ฉันจะไปดูหน่อยแล้วกัน พวกคุณกินกันต่อเถอะ”
พูดจบ เขาก็เดินตามเธอไป
กลุ่มคนบนโต๊ะมองหน้ากัน ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เดิมทีคิดว่า กู้ซือเฉียนเป็นคนที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงจริงๆ แต่ตอนนี้ดูแล้วก็สงสัย ว่าไม่ใกล้ชิดตรงไหน
นี่มันหลงหัวปักหัวปำโดยแท้เลย
เพียงแต่พวกเขาเข้าใจอะไรเร็ว เขาคนนั้นหมกมุ่นอยู่กับคนคนเดียว ซึ่งแตกต่างจากพวกเขา ที่รายล้อมไปด้วยบรรดาสาวงาม ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของคนเจ้าชู้
ทุกคนพากันซุบซิบกันสักพัก แล้วก็หยุดพูดถึงประเด็นนี้ และไปคุยเรื่องอื่นต่อ
ส่วนอีกด้านหนึ่ง
เฉียวฉีรีบร้อนออกไป และกู้ซือเฉียนก็ไล่ตามมาจากด้านหลัง
หลังจากที่ตามทัน เขาไม่ได้ดึงเธอไว้ หรือคุยกับเธอ แต่เพียงเดินช้าๆ ตามมาข้างหลัง
เดิมเฉียวฉีต้องการจะสลัดเขาทิ้งไป แต่ก็ไม่มีทางเลี่ยงเนื่องจากอาการบาดเจ็บของตัวเอง จึงไม่กล้าเดินเร็วเกินไป ชายคนนั้นตามติดเหมือนกับปลาสเตอร์แปะแผลเหนียวๆ ที่ติดแน่นไม่ยอมหลุด
ในท้ายที่สุด เธอทำได้เพียงประนีประนอมด้วยการหยุดเดิน และหันหน้าไปมองที่เขา
ภายใต้แสงที่ตกกระทบลงมา หญิงสาวหน้าแดงด้วยความโกรธ จ้องมาที่เขา แล้วถามว่า “คุณตามฉันมาทำไม?”
กู้ซือเฉียนยืนเอามือไพล่หลัง ร่างสูงตระหง่านยืนอยู่บริเวณที่มีแสงสาดส่อง และในแวบแรก เขาดูเหมือนชายผู้สูงศักดิ์ที่ออกมาเดินเล่นก็ไม่ปาน
เขามองมาที่เธอ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ใครบอกว่าฉันตามเธอมา? บ้านเธอไม่ได้เป็นคนสร้างถนนสักหน่อย เธออยากจะไปไหนก็ไปสิ จะมาสนใจทำไมล่ะ?”
“นี่คุณ!”
เฉียวฉีจ้องไปที่เขา เห็นได้ชัดว่า ชายผู้นี้กำลังทำตัวเป็นนักเลงชัดๆ
ตัวเขาเองก็เป็นนักเลงโต ถ้าเขาอยากเล่นบทนักเลงจริงๆ ใครจะเอาชนะเขาได้?
ดังนั้น เฉียวฉีจึงยอมแพ้!
เธอเยาะเย้ย “โอเค ทางนี้เป็นทางไปบ้านของคุณ คุณก็ไปสิ ฉันจะกลับก็ไม่ได้เหรอ?”
พูดเสร็จ ก็หันหลังเดินกลับ
แต่ใครจะไปคาดคิดว่า กู้ซือเฉียนจะยังตามกลับมาด้วยอีก
เฉียวฉีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอันธพาลเช่นนี้ เธอก็จนปัญญา
ในใจก็สงสัยว่า เมื่อก่อนกู้ซือเฉียนเป็นคนที่จะต้องรักษาภาพพจน์ตัวเองอย่างมาก ทำไมตอนนี้เขาถึงกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักอายแบบนี้ได้?
ขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้อย่างสับสน เมื่อเงยหน้าขึ้นไป เธอก็เห็นหลินซงพร้อมกับสาวสวยคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างสูงสง่ากำลังเดินมาทางนี้
“ซือเฉียน เฉียวฉี พวกคุณกำลังจะไปไหนกัน?”
เมื่อเขาเห็นเฉียวฉีและกู้ซือเฉียน ก็วิ่งไปทักทายพวกเขาด้วยความตื่นเต้น