ทันใดนั้น อยู่ ๆ ประตูห้องด้านนอกก็มีคนเปิดเข้ามา
และเพราะว่าเฉียวฉีไม่คิดว่าจะมีใครมาหาเธอในเวลานี้
เธอก็เลยอาบน้ำโดยที่ไม่ได้ปิดประตูห้องน้ำ
ก็ถึงอย่างไรทั้งห้องก็มีแค่เธออยู่คนเดียว ปกติแล้วถ้า เสี่ยวเยว่จะเข้ามาหาเธอ อย่างน้อยหล่อนก็ยังเคาะประตูก่อน ใครจะไปนึกว่าอยู่ ๆ จะมีคนพลวดพลาดเข้ามาแบบนี้?
ดังนั้น เธอก็เลยไม่ได้เตรียมใจป้องกันอะไรไว้เลย
แล้วก็ตามคาด ในนาทีนั้นมีคนเปิดประตูเข้ามาจริง ๆ
ประสาทสัมผัสในการฟังของเธอก็ถือว่าไวมาก ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก พร้อมกับเท้าของอีกฝ่ายกำลังค่อย ๆ ก้าวเข้ามาในห้อง เธอก็รู้สึกตัวทันที
เมื่อเธอลืมตาขึ้นวินาทีต่อมาเธอก็สบตาเข้ากับกู้ซือเฉียนอย่างจัง
“กรี๊ด…..!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงคำรามของชายหนุ่ม
“ออกไป!”
ซึ่งนั่นเป็นการพูดกับคุณหมอที่ตามหลังเขามา
อันที่จริง คุณหมอยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไปในห้องด้วยซ้ำ เธอไม่รู้เลยสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นสีหน้าของกู้ซือเฉียนประกอบกับเสียงกรีดร้องที่ได้ยินเมื่อครู่ คิดไปคิดมา เธอก็พอจะเข้าใจสถานการณ์แล้ว
คุณหมอเลยรีบก้าวถอยหลังทันที จากนั้นกู้ซือเฉียนก็ก้าวเข้าไปในห้อง พร้อมกับปิดประตู
เฉียวฉีรู้สึกโมโหจนแทบจะเป็นบ้า
เพราะห้องน้ำของเธอมันตรงกับประตูทางเข้าพอดี ดังนั้น พอเขาก้าวเข้ามาซึ่งไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากเขาก็จะเห็นเธอเปลือยหมดทั้งตัวแล้ว
เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เธอจึงรีบกรีดร้องว่า “คุณยังจะกล้าเข้ามาอีกเหรอ? รีบ ออกไปเลยนะ!”
คาดไม่ถึงกู้ซือเฉียนเพียงแค่เดินเข้ามาจนถึงขอบประตูห้องน้ำ จากนั้นก็เอื้อมมือเข้ามาปิดประตูห้องน้ำให้เธอ
เฉียวฉี???
เอาเถอะ เธอเข้าใจเขาผิดไปเอง
ใบหน้าของเธอเหยเกเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงหัวเราะเยาะจากชายหนุ่มที่อยู่ด้านนอกตามมาติด ๆ
“กลางวันแสก ๆ แช่น้ำก็ไม่ต้องปิดประตูรึไง? ใจคุณนี่มันได้จริง ๆ”
ซึ่งน้ำเสียงของเขามีความโกรธแฝงอยู่ด้วย
ในสายตาของคนภายนอกอาจจะดูเหมือนว่าเขากำลังตำหนิเฉียวฉีอยู่ แต่มีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ดี ว่าสิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดคืออะไร ถ้าเมื่อครู่เขาไม่เข้ามาเห็นพอดี คุณหมอก็คงจะเดินเข้ามาด้วย พอถึงตอนนั้นจะไม่เห็นเธอเปลือยได้ไง?
เฮ้อ….ถึงแม้ว่าคุณหมอจะเป็นผู้หญิงก็เถอะ แต่ยังไงก็ไม่ได้อยู่ดี
ในยุคนี้ ใครจะไปรู้ล่ะว่าหล่อนชอบผู้ชายหรือผู้หญิง
ชายหนุ่มกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ แต่เฉียวฉีกลับกำลังโมโหจนแทบทนไม่ไหว
ขณะที่กำลังลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า เธอก็บ่นเขาไปด้วยว่า “ยังมีหน้ามาว่าฉันอีกเหรอ? ห้องก็ห้องของฉัน จะปิดประตูรึเปล่ามันเกี่ยวกับคุณตรงไหน? ใครบอกให้คุณเข้ามาในห้องแบบสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ล่ะ? จะเข้าห้องคนอื่นไม่ใช่ว่าจะต้องเคาะประตูก่อนรึไง? สรุปแล้วมารยาทน่ะมีไหม?”
หญิงสาวระเบิดอารมณ์ใส่เขาราวกับยิงปืนใหญ่
สีหน้าของกู้ซือเฉียนแลดูมืดครึ้มเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็ยังอดทนต่อไป ไม่ต่อปากต่อคำกับเธอเพิ่ม
เขาทำเพียงแค่พ่นลมหายใจเย็น ๆ ออกมา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “คนหวังดีกลายเป็นว่าดูเหมือนประสงค์ร้ายงั้นเหรอ”
ประโยคนี้ ถึงแม้เขาจะพูดมันออกมาเบา ๆ แต่ด้วยประสาทสัมผัสการฟังของเฉียวฉีแล้วนั้น
ยิ่งเธอได้ยินแบบนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกโกรธขึ้นไปอีก
“คุณยังพอมีเหตุผลอยู่บ้างรึเปล่า? ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม เวลาเข้าห้องคนอื่นก็ต้องเคาะประตูก่อนสิถูกไหม? ตัวเองไม่เคาะประตูก่อนแล้วยังจะมาโทษคนอื่นว่าไม่ปิดประตูห้องน้ำอีก คนอย่างคุณนี่ทำไมถึงได้ไร้เหตุผลขนาดนี้?”
เธอพูดออกมาด้วยความโกรธ และในวินาทีนั้นเอง อยู่ ๆ เท้าของเธอก็เกิดลื่นขึ้นมา
“กรี้ด…..!”
แล้วก็มีเสียงกรีดร้องขึ้นอีกครั้ง
“ปัง” ตามมาติด ๆ ด้วยเสียงกระแทกพื้นหนัก ๆ
ราวกับมีอะไรบางอย่างถูกทุ่มลงกับพื้น
พอกู้ซือเฉียนได้ยินเสียง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ในตอนนั้นเขากำลังจะผลักประตูเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่ามือยังไม่ทันแตะลูกบิด อยู่ ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดของหญิงสาวที่เพิ่งจะต่อว่าเขาไป สุดท้ายเขาก็เลยต้องเก็บอาการเหล่านั้นกลับคืนมา
พร้อมกับรีบถามอย่างร้อนรนว่า “คุณเป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น?”
“ด้านในไม่มีเสียงตอบกลับ”
เขาขมวดคิ้วแน่น ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในตอนที่ตัดสินใจว่าจะเปิดเข้าไปดู ก็มีเสียงอันอ่อนแรงของหญิงสาวจากด้านในตอบกลับมาพอดี
“ฉันไม่เป็นไร”
เฉียวฉีเปล่งเสียงออกมาอย่างเบาแรง ราวกับว่าเธอสัมผัสกับอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอเจ็บปวด เสียงที่พยายามฝืนข่มอารมณ์ไว้ลอยออกมาเบา ๆ ว่า “อย่าเข้ามานะ ฉันไม่เป็นไร”
แต่ทว่า ประโยคที่เปล่งออกมา สู้ไม่พูดเลยยังจะดีเสียกว่า
เพราะพอเธอพูดมันออกมากู้ซือเฉียนจะไม่ได้ยินน้ำเสียงที่เจ็บปวดและพยายามอดกลั้นอารมณ์ของเธอได้อย่างไร?
เขาพอจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะรีบผลักประตูเดินเข้าไปด้านใน
ภายในห้องน้ำ มีไอน้ำบาง ๆ หมุนวนเป็นเกลียว
มองปราดเดียว เขาก็เห็นร่างบางของหญิงสาวล้มลงนอนกองอยู่กับพื้น ในตอนนั้นเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย
เฉียวฉีก็พอจะเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาจะเข้ามา แต่ว่าตัวเธอตอนนี้ขยับไม่ได้จริง ๆ แถมยังไม่มีแรงพอที่จะต่อว่าเขาต่ออีกด้วย เธอจึงทำได้แค่ก้มหน้าก้มตาลงอย่างหมดหนทาง
เธอไม่สามารถหาคำอะไรมาอธิบายความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ได้เลยจริง ๆ
ส่วนกู้ซือเฉียนเขาก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าผู้หญิงที่ดูฉลาดอยู่ตลอดอย่างเธอ ที่แท้ก็มีวันที่ทำตัวซุ่มซ่ามอยู่เหมือนกัน
เขาเดินเข้าไปดึงผ้าเช็ดตัวด้านข้างลงมา ก่อนจะเอาไปห่อตัวเธอไว้ จากนั้นก็คุกเข่าลงด้านข้างพร้อมกับอุ้มเธอขึ้นมา
เฉียวฉีรีบซุกหน้าเข้าไปในอ้อมกอดเขาทันที
ในตอนนี้ เธอไม่ได้พยายามเข้มแข็ง ไม่ได้ขัดขืนเขา เพราะเธอรู้ดีว่า สภาพของเธอตอนนี้พยายามเข้มแข็งหรือขัดขืนไปยังไงก็ไร้ประโยชน์
ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงที่มีร่างกายแข็งแรงมาตลอดอย่างเธอ อยู่ ๆ วันหนึ่งขาจะเป็นตะคริวหลังอาบน้ำ แล้วก็ลื่นล้มแบบนี้ล่ะ?
ตอนนี้ ขาขวาทั้งข้างของเธอขยับไม่ได้เลยสักนิด เลิกคิดไปได้เลยว่าเธอจะยืนเองได้
กู้ซือเฉียนเห็นท่าทางของเธอแบบนี้ ในใจเขากลับรู้สึกมีความสุข
หลังจากที่อุ้มเธอออกมาจากห้องน้ำแล้ว เขาก็ค่อย ๆ วางเธอลงบนเตียง หญิงสาวรีบมุดเข้าไปซ่อนตัวใต้ผ้าห่มทันที
ร่างบางที่ขาวสะอาดพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ทำให้นัยน์ตาของชายหนุ่มเบิกกว้างขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ก็เพียงครู่เดียว หลังจากนั้นก็ถูกเธอห่อหุ้มเอาไว้ จนมองไม่เห็นอะไรทันที
กู้ซือเฉียนไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ พอมั่นใจแล้วว่าตัวเธอปลอดภัยดี ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เขาจึงออกไปตามคุณหมอเข้ามา
คุณหมอเองก็ไม่รู้ว่าด้านในเกิดอะไรขึ้น เธอได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังลอดออกมา ในหัวก็จินตนาการเรื่องราวออกไปมากมาย ตอนนี้พอเดินเข้ามาในห้อง เลยเกิดอาการหน้าแดงเล็กน้อย
เฉียวฉีเองก็อดที่จะรู้สึกเกรงใจไม่ได้ พอเห็นคุณหมอเดินเข้ามา เธอก็เพิ่งจะเข้าใจ ว่าเป็นเพราะกู้ซือเฉียนเห็นเท้าของเธอบวม เขาเลยตามหมอมาตรวจให้ แบบนี้เธอก็เลยผ่อนคลายลงได้
คุณหมอตามกู้ซือเฉียนเข้ามา เบื้องหน้าของเธอคือหญิงสาวที่ได้รับบาดเจ็บ
เฉียวฉีเหยียดขาข้างที่บาดเจ็บออกมานอกผ้าห่ม หลังจากที่คุณหมอตรวจเรียบร้อยแล้ว เธอก็พูดขึ้นว่า “ไม่เป็นอะไรมากนะคะ แค่ทำงานหนักเกินไปหน่อย แค่ทายาอาการก็จะดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ว่าต่อไปก็ยังต้องระวังอยู่นะคะ ตอนนี้กระดูกเพิ่งจะอาการดีขึ้น พยายามอยู่นิ่งให้มากที่สุด ปล่อยให้มันหายเองจะดีกว่าค่ะ”
เฉียวฉีพยักหน้ารับ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “รบกวนคุณหมอแล้วนะคะ”
คุณหมอมองหน้าเธอ ก่อนจะยิ้มอย่างเขินอายแล้วตอบกลับว่า “ไม่รบกวนหรอกค่ะ”
พูดเสร็จเธอก็หยิบยาออกมา
กู้ซือเฉียนไม่ได้ให้คุณหมอทายาให้เฉียวฉีแต่เขาเพียงแค่ถามถึงวิธีใช้ยา จากนั้นก็ให้คนออกไปส่งคุณหมอ
หลังจากที่คุณหมอออกไปแล้วกู้ซือเฉียนก็นั่งลงตรงขอบเตียง
เฉียวฉีเห็นท่าแบบนั้น เธอเลยรีบหดขากลับเข้ามาใต้ผ้าห่มทันที แต่ยังไม่ทันที่ขาจะเข้ามาถึงด้านใน กลับถูกชายหนุ่มจับข้อเท้าเอาไว้เสียก่อน
“หลบอะไร?”
นัยน์ตาของชายหนุ่มเคร่งขรึม เขาจ้องมองเธออย่างเย็นชา และในวินาทีต่อมา เขาก็เอาขาของเธอวางพาดไว้บนต้นขาของเขา