วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 856 อยากให้เธอยิ้ม

เพราะว่าเรื่องแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลึกซึ้ง เพราะงั้นกู้ซือเฉียนก็เลยไม่เคยคุยเรื่องนี้กับ หลินซงเลยสักครั้ง

หลินซงเองก็ไม่เคยรู้ว่าเมื่อสี่ปีครึ่งที่ผ่านมา การต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างกลุ่มหงส์แดงกับกลุ่มมังกรสาเหตุก็เป็นเพราะของสิ่งนี้

ดังนั้น พอได้เห็นคนที่ไม่ชอบเข้าร่วมงานแบบนี้อย่างกู้ซือเฉียนมาปรากฏตัวที่นี่ เขาเลยพูดติดตลกว่า “ซือเฉียนพอมีคนที่ชอบแล้วก็เปลี่ยนไปนะ เมื่อก่อนเอาแต่อยู่บ้านไม่ยอมออกไปไหน ตอนนี้ถึงขั้นมีกะจิตกะใจมาเข้าร่วมงานประมูลแล้ว? แต่ก็อย่างว่าวันนี้มีแต่ของดี ๆ ทั้งนั้นเลย ได้ยินมาว่าเครื่องประดับชิ้นนั้นเป็นของที่เพิ่งค้นพบใหม่ล่าสุด เป็นชิ้นที่พระราชินีแห่งราชวงศ์ยุโรปเคยสวมเลยนะ คงจะหรูหราน่าดู นายคอยดูได้เลย”

ซือเฉียนเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วพร้อมกับตอบเสียงเย็นว่า “ฉันไม่ได้สนใจของแบบนั้น”

หลินซง มีท่าทีกระวนกระวายขึ้นมาทันที “เฮ้อ ฉันไม่ได้หมายถึงว่านายสนหรือไม่สน…….”

“ฉันก็ไม่ได้สนใจ” เฉียวฉีรีบตอบกลับ

ราวกับหลินซงโดนตอกหน้ากลับมาในครั้งเดียว

เขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะชี้ไปทางเฉียวฉีแล้วพูดว่า “ฉันว่าเธอนี่บื้อจริง ๆ เลย ผู้หญิงที่ไม่สนใจเครื่องประดับเก่าแก่อย่างเธอ ไหนบอกสิว่าเธอจะสนใจอะไรได้อีก?

ฉันจะบอกอะไรให้ ไม่ต้องไปเห็นใจซือเฉียนหรอก แล้วก็ไม่ต้องช่วยเขาประหยัดเงินด้วย อย่างที่คนโบราณเขาว่า เงินทองของชายหนุ่มถ้าเธอไม่ช่วยเขาใช้เดี๋ยวก็มีผู้หญิงคนอื่นมาช่วยเขาแทน เพราะงั้นเธอก็อย่าซื่อบื้อให้มาก ระวังต่อไปจะมีปีศาจที่ไหนมาหลอกเอาเงินซือเฉียนไปจนหมด ถึงตอนนั้นสักแดงเดียวก็ไม่เหลือให้เธอใช้แล้วนะ”

เฉียวฉีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเล็กน้อย พอได้ยินเขาพูดแบบนี้

เธอตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “หลินซงนายคงเข้าใจผิด ที่ฉันบอกว่าไม่สนใจ ไม่ได้หมายถึงพวกเครื่องประดับอัญมณี แต่ฉันหมายถึงฉันไม่สนใจพวกของที่เขาสวมให้คนตายต่างหากล่ะ”

หลินซงชะงักไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะเพิ่งนึกขึ้นได้

งานประมูลในวันนี้ ไม่ได้มีแค่ของที่สวมให้คนตายนี่

เขาเลยยิ้มออกมาแห้ง ๆ ก่อนจะตอบว่า “ดูท่าแล้วฉันคงจะเข้าใจผิด เธอพูดถูก ของที่คนตายเขาใส่กันมันจะไปหายากตรงไหน อยากได้ก็แค่ให้ทำใหม่”

เฉียวฉีไม่ได้พูดอะไรต่อ หลินซงจึงหันกลับมาอีกทาง เพื่อพูดกับ จิงจิงแทน

เธอนั่งเงียบ ๆ อยู่ตรงนั้นสักพัก ก่อนจะรู้สึกมีใครบางคนมาสะกิดเบา ๆ ที่ข้อศอก

พอหันไป ก็เห็นกู้ซือเฉียนเอียงหน้าเข้ามากระซิบเบา ๆ ว่า “เมื่อครู่ผมก็หมายความอย่างนั้นเหมือนกัน ของที่คนตายเคยสวมใส่ ไม่ว่ามันจะราคาแพงมากขนาดไหน มันมักจะนำพาความโชคร้ายมาด้วย ถ้าผมจะมอบมันให้คุณ แน่นอนว่าต้องทำขึ้นใหม่เท่านั้น ใช้วัสดุเดียวกันไปเลย ดูสิว่ามันจะสู้ของที่ขุดขึ้นมาจากดินได้รึเปล่า?”

เฉียวฉีเหลือบมองเขาเพียงแวบเดียวโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

แต่ในแววตาเธอกลับมีรอยยิ้มขบขันเบา ๆ ปนอยู่

เมื่อกู้ซือเฉียนถูกเธอมองด้วยสายตาแบบนั้น ก็หายใจติดขัดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเขาคิดผิดไปเองรึเปล่า แต่เขารู้สึกว่า สายตาที่หญิงสาวมองมาทางตนนั้น คล้ายจะเป็นสายตาที่ล่อลวงเขา

เฉียวฉีหันมาหาเขาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่นิ่งเรียบว่า “คุณควรเรียนรู้เรื่องไร้สาระพวกนี้จากหลินซงให้น้อยลงหน่อยนะ”

คนดี ๆ คนหนึ่ง ทำไม่อยู่ ๆ ถึงได้เปลี่ยนมาเป็นคนพูดจาเล่นลิ้นแบบนี้ได้นะ?

จะให้ของเธอ? ใครจะอยากให้เขาให้ของกัน?

ถึงแม้เธอจะพูดแขวะเขาแบบนั้น แต่ลึก ๆ ในใจกลับรู้สึกหอมหวานราวกับมีน้ำผึ้งผุดขึ้นมาก็ไม่ปาน

เมื่อก่อนเฉียวฉีก็เคยคิดว่า เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะชอบของอะไรแบบนี้ เพราะยังไง เธอก็ไม่เหมือนกับผู้หญิงธรรมดาทั่วไป

แต่ตอนนี้เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม พอได้ยินชายหนุ่มพูดแบบนี้ พร้อมกับน้ำเสียงที่คล้ายกับกำลังเอาใจเธอ มันกลับทำให้เธอรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

เธอหลับตาลงช้า ๆ แอบถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

เฉียวฉีนะเฉียวฉี คำพูดที่อ่อนหวานจากผู้ชายมันคือกับดักที่อันตรายที่สุดในโลกเลยนะ เธอห้ามไปติดกับเขาเด็ดขาด

กู้ซือเฉียนกลับไม่รู้เลยว่าในใจของหญิงสาวนั้นคิดอะไรอยู่

เขาเห็นเพียงแค่ใบหน้าที่ซับซ้อน กับท่าทางที่พูดไม่ออกของเธอ ในใจก็แอบสงสัยว่าเธอคงจะไม่เผลอหวั่นไหวไปกับคำพูดของเขา แล้วก็ไม่อยากยอมรับความจริง เลยทำให้มีท่าทีสับสนแบบนี้รึเปล่า?

เขาคิดเข้าข้างตัวเองอยู่เงียบ ๆ ดูท่าแล้ว วิธีที่เขาใช้ตอนนี้ก็ถือว่าได้ผลอยู่สินะ

อย่างน้อย แค่ได้ผลกับเธอก็พอแล้ว

ชายหนุ่มมัวแต่นึกชื่นชมตัวเองอยู่ในใจ จนดูไม่ออกเลยว่า มีใครบางคนกำลังเริ่มระวังกระสุนปืนเคลือบน้ำตาลของเขาแล้ว

สิบนาทีผ่านไป งานประมูลก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

คนที่มาร่วมงานวันนี้ล้วนเป็นคนที่มีชื่อเสียงและมีอำนาจ และเพราะว่าตั๋วเข้างานนั้นมีจำกัด ทำให้คนที่มีฐานะไม่สูงพอก็จะไม่สามารถเข้าร่วมงานนี้ได้

ตอนที่เริ่มงานประมูล ทั่วทั้งห้องโถงตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงแค่พิธีกรสาวสวมชุดแดงขึ้นมาบนเวที เธอเริ่มแนะนำการประมูลคร่าว ๆ ก่อน จากนั้นจึงเริ่มอธิบายกฎการประมูลคร่าว ๆ แล้วจึงก้าวออกไป

งานประมูลก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

ของชิ้นแรกที่ถูกนำขึ้นประมูลก็คือ กำไลสีเขียวมรกตชั้นดีของจักรพรรดิคู่หนึ่ง

ว่ากันว่ากำไลคู่นี้ถูกสืบทอดมาจากราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ถือเป็นโบราณวัตถุที่มีค่ามาก

แม้ว่าคนส่วนใหญ่ที่มาในวันนี้จะเป็นคนมีชื่อเสียงและคนที่มีอำนาจ ซึ่งพวกเขาต่างก็มาเพื่อแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์กันอยู่แล้ว แต่ก็ยังคงมีคนส่วนน้อยบางส่วนที่ยังไม่เชื่อว่าบนโลกใบนี้จะมีการฟื้นคืนชีพคนตายให้กลับมาได้จริง ๆ

เพราะเหตุนี้พวกเขาถึงได้มาร่วมงาน ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะว่ามีเครื่องประดับโบราณอื่น ๆ อยู่ด้วย ดังนั้น เมื่อกำไลข้อมือถูกเปิดออกมา ก็มีคนเริ่มประมูลทันที

เฉียวฉีและกู้ซือเฉียนไม่ได้สนใจของพวกนี้อยู่แล้ว เพราะงั้น ทั้งคู่เลยไม่ได้ร่วมสนุกไปกับการประมูลด้วย

ต่างกับหลินซงเขาถามจิงจิง ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซ้ำไปซ้ำมาว่าชอบรึเปล่า พอหญิงสาวส่ายหน้า เขาถึงไม่ได้เสนอราคาออกไป

กู้ซือเฉียนนั่งอยู่ด้านซ้ายเฉียวฉีนั่งอยู่ตรงกลาง ส่วนด้านขวาเป็นหลินซง

และเพราะว่าที่นั่งมันใกล้กันมาก เพราะงั้นทุกอย่างที่หลินซงพูด เธอจึงได้ยินเกือบทั้งหมด

เธอได้ยินเขากระซิบกับจิงจิง เบา ๆ ว่า “จิงจิงถ้าเธอถูกใจอันไหนบอกพี่ได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ ครั้งล่าสุดที่เธอมางานวันเกิดแล้วให้ของขวัญที่มีค่ามากกับพี่ พี่ดีใจมากเลยนะ จะว่าไปแล้ว พี่ก็ควรจะมีของขวัญคืนให้เธอเหมือนกันด้วยใช่ไหม?

อีกอย่าง เธอดูผู้ชายหลายคนที่มางานวันนี้สิ พวกเขาต่างพากันประมูลของให้กับหญิงสาวข้างกายของพวกเขาทั้งนั้น ถ้าพี่ไม่มีอะไรให้เธอเลย มันคงจะดูเหมือนพี่ใจแคบเกินไป

เพราะงั้น เธอก็คิดเสียว่าเพื่อหน้าตาแล้วก็เกียรติยศอันจอมปลอมของพี่แล้วกัน อย่าได้เกรงใจพี่เลยนะ ขอร้องล่ะ”

พอเขากลับมาพูดติดตลกจิงจิง เลยหลุดขำออกมาเบา ๆ

“คุณชายหลินนี่เหมือนกับข่าวลือ…….จริง ๆ สินะ มีเงินแต่ไม่มีที่ให้ใช้”

หลินซงถึงกับยิ้มออกมาอย่างเก้อเขิน

เนื่องจากตระกูลหลินมีรากฐานที่ค่อนข้างลึกในพื้นที่แห่งนี้ ธุรกิจส่วนใหญ่เป็นของครอบครัวเขา ไม่ว่าจะไปกินข้าว สถานบันเทิง หรือช้อปปิ้ง ก็ล้วนแต่เป็นธุรกิจของตระกูลหลินทั้งนั้น

เพราะงั้น ที่โลกภายนอกจึงมีข่าวลือที่ว่าหลินซงเป็นนายน้อยของพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งมีเงินแต่ไม่มีที่จะใช้ เพราะสถานที่ที่ใช้เงินทั้งหมดครอบครัวของเขาเป็นคนเปิด

พอถึงตอนนี้ จิงจิงกลับเอาคำพูดนี้มาหยอกล้อเขา ทำเอาเขาถึงกับไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว

ทันใดนั้นเฉียวฉีก็พูดแทรกขึ้นมา

เธอแค่นหัวเราะออกมาเบา ๆ “น้องจิงจิง อย่างเขาน่ะไม่ได้เรียกว่ามีเงินแต่ไม่มีที่ใช้ เขาเรียกว่าเป็นพวกมีใจแต่ไม่มีความกล้าต่างหาก เห็นกันชัด ๆ อยู่แล้วว่าอยากจีบสาวตรงหน้า แต่คำคำเดียวก็ไม่กล้าพูดออกมา ได้แต่ใช้ของแทนความรู้สึก อยากให้เธอยิ้มตอนที่เธอรับมันเท่านั้นล่ะ”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset