วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 862 คุณเป็นของผม

ดังนั้นจึงดึงเขาเงียบๆ แล้วกล่าวว่า “ท้องของฉันรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย คุณไปห้องน้ำเป็นเพื่อนฉันหน่อย ”

หลินซงจึงหันหน้ามา พยักหน้า แล้วมองไปที่ประธานชีแวบหนึ่ง พึมพำเสียงเบา

จากนั้น บอกกับกู้ซือเฉียนพวกเขาทั้งสองว่า ให้พวกเขารอตัวเองอยู่ที่เดิม จึงหันหลังเดินไปทางห้องน้ำกับจิงจิง

หลังจากรอเขาจากไปแล้ว ประธานชีก็จากไปด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

ครั้งนี้ แม้แต่คำลากับกู้ซือเฉียนก็ไม่มีอีกเลย เห็นได้ชัดว่ามีความโกรธเล็กน้อย

แต่ว่า กู้ซือเฉียนก็ไม่ใช่คนประเภทที่ขี้ใจน้อย

ไม่เพียงแต่ไม่ถือสา ยังกำชับอย่างใจดีว่า“ประธานชีค่อยๆเดินนะครับ”

ทำให้ประธานชีที่กำลังรีบจ้ำอ้าวก้าวเท้าจากไปตัวแข็งทื่อ จนเกือบจะสะดุดล้ม

เฉียวฉีอดหัวเราะไม่ได้ เขาหันกลับไปถลึงตาใส่เขาอย่างโกรธเคือง “ทําไมต้องแกล้งกัน ?”

กู้ซือเฉียนเลิกคิ้ว “ผมไม่ได้แกล้ง ผมกำชับเขาด้วยความจริงใจ ไม่ว่าอย่างไร อายุปูนนี้แล้วความอยากเอาชนะยังแรงกล้าขนาดนี้ เอาไม่ได้ ”

เฉียวฉีส่ายหัวอย่างจนปัญญา

“คุณยังกล้าพูดว่าคนอื่นเขาอยากเอาชนะ หลังจากวันนี้ เกรงว่าทุกคนล้วนจะรู้ว่าความอยากเอาชนะของคนสูงแค่ไหน”

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ กู้ซือเฉียนก็หัวเราะขึ้นมา

ทันใดนั้นก็หันหน้าไปหาเธอ แล้วก้มหน้ากล่าวว่า“ความปรารถนาที่จะชนะสูงสุดของผม ก็คือจะต้องได้ตัวคุณ สุดขอบฟ้าสิ้นมหาสมุทร ไม่ตายไม่สิ้นสุด”

เฉียวฉีตะลึงงัน

ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาในพริบตา

ตอนที่ชายหนุ่มก้มหน้า เงาร่างที่สูงใหญ่บดบังเธอไปทั้งตัว ด้านหน้าเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเขา

ในใจของเธอประหม่าเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอย่างไร

ขาก็รู้สึกอ่อนแรงเล็กน้อย กำลังจะถอยหลัง ปรากฏว่าถูกชายหนุ่มใช้แขนคว้าไว้ รั้งไปข้างหน้า ทันใดนั้น ร่างทั้งร่างก็ตกไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา

กู้ซือเฉียนโอบกอดเธอ ลูบหัวเธอเบาๆ แล้วกล่าวว่า“เฉียวฉี คุณเป็นของผม เป็นของผมคนเดียว”

เฉียวฉีได้ฟังเสียงพึมพำเกือบถอนหายใจของเขาอยู่ใกล้ๆแล้ว หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ

ช่วงเวลานี้ ความรู้สึกที่กู้ซือเฉียนมีให้เธอนั้น เธอรู้ดี

ชายหนุ่มไม่ได้หลบเลี่ยงหรือปกปิดความปรารถนาที่จะครอบครองเธอแม้แต่น้อย ราวกับจะกลืนกินสติสัมปชัญญะของเธอทีละก้าวๆ

เฉียวฉีก็รู้ว่า การหลบหนีแบบนี้ของตัวเองไม่ใช่ทางออก

แต่ว่านอกจากหลบหนีแล้ว เวลานี้ เธอไม่อาจให้คำตอบอื่นใดเลย

ทันใดนั้น ทั้งสองก็เงียบไป

จนกระทั่งข้างหูมีเสียงหยอกล้อดังขึ้น“ว้าว ไม่เจอกันแค่ครู่เดียวทำไมพวกคุณกอดกันแล้วหรือ?”

เฉียวฉีตกใจ เงยหน้าขึ้น ก็เห็นหลินซงกับจิงจิงกำลังเดินจากทางห้องน้ำมาทางนี้

เธอหน้าแดงก่ำ รีบผลักกู้ซือเฉียนออก ราวกับเป็นขโมย

กู้ซือเฉียนนั้นนิ่งมาก มองเขาแวบหนึ่ง แล้วถามว่า“คันอีกแล้วหรือ?”

หลินซงยิ้ม ดวงตามองไปมาระหว่างเฉียวฉีกับกู้ซือเฉียน ในใจก็รู้หมดแล้วว่าอะไรเป็นอะไร

เดินเข้ามา ตบไปที่ไหล่กู้ซือเฉียน แล้วยิ้มกล่าวว่า“ โอเค ผมก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย หากคุณไม่อยากจะฟังผมไม่พูดก็ได้ ”

แม้ปากว่าไม่พูด แต่ท่าทางขยิบตาขมวดคิ้วนั้นแสดงออกมาหมดแล้ว

กู้ซือเฉียนขี้เกียจถือสาเขา ไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาให้เซ็นชื่อ

เมื่อเซ็นเสร็จแล้ว อีกฝ่ายนำแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ที่ประมูลได้ซึ่งห่อเรียบร้อยแล้วมาส่งมอบให้เขา

ก่อนจากไป ยังกล่าวอย่างใจดีว่า“สิ่งของล้ำค่า ขอให้คุณชายกู้ระวังความปลอดภัยด้วย ”

กู้ซือเฉียนพยักหน้า

จากนั้นคนทั้งกลุ่มก็จากไป

หลินซงกับจิงจิงช่วงบ่ายยังมีธุระ ย่อมไม่ไปกับพวกเขาอยู่แล้ว

ทั้งสองนั่งรถ กลับไปในปราสาทโดยตรง

ขณะนี้เป็นเวลาบ่ายโมงกว่า ทั้งสองต่างรู้สึกหิวแล้ว เมื่อกลับถึงบ้าน ลุงโอก็เข้ามารับหน้า เห็นเพียงบนโต๊ะได้จัดอาหารกลางวันไว้เรียบร้อยแล้ว

ถึงอย่างไรของก็ถึงมือแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ต้องรีบร้อนดู นั่งลงกินให้อิ่มท้องก่อนแล้วค่อยว่ากัน

อาหารมื้อหนึ่ง ทั้งสองต่างทานอย่างรวดเร็ว

หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว ให้คนรับใช้เก็บห้องอาหาร แล้วทั้งสองก็ขึ้นไปชั้นบนด้วยกัน

ลุงโอไม่รู้ว่าพวกเขาขึ้นชั้นบนไปทำไม แต่ว่าเห็นท่าทางทั้งสองกะหนุงกะหนิงดีกัน ในใจก็ดีใจมาก

ดังนั้น หลังจากเก็บข้าวของเสร็จแล้ว ก็หั่นผลไม้จานหนึ่งแล้วนำขึ้นไปให้ทั้งสอง

เวลานี้ ในห้องหนังสือชั้นบน

กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีนั่งบนโซฟา เห็นลุงโอเข้ามา เฉียวฉีลุกขึ้น รับจานผลไม้มา

ลุงโอยิ้มกล่าวว่า“งั้นผมออกไปก่อน ไม่รบกวนคุณสองคนคุยงานกันแล้ว ”

เฉียวฉีพยักหน้า หลังจากรอเขาจากไปแล้ว ปิดประตูห้อง ถึงยกจานผลไม้เดินเข้าไป

เธอใช้ส้อมจิ้มผลไม้เข้าปากหนึ่งชิ้น พยักหน้า “อืม หวานจริง คุณลองสักชิ้นไหม ?”

กู้ซือเฉียนเงยหน้า สายตาคู่นั้นจ้องมองเธอลึกๆ

ทันใดนั้น ริมฝีปากบอบบางขยับ“ดี”

เฉียวฉีไม่ได้คิดอะไรมาก ใช้ส้อมจิ้มผลไม้ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ยื่นไปที่ปากของเขา

กู้ซือเฉียนก็กินจากมือของเธอ

ก็ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ คางของเขาบังเอิญไปสัมผัสกับนิ้วมือของเธอ

ชายหนุ่มที่อายุสามสิบแล้ว แม้ว่าเพิ่งจะโกนหนวดไปเมื่อเช้า แต่ตอนนี้ก็มีตอผุดขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว

ถูไปบนนิ้วมือของคน รู้สึกจั๊กจี้ และมีกลิ่นพิเศษของชายหนุ่มชนิดหนึ่ง

หัวใจเฉียวฉีสั่นสะท้าน

ร่างกายก็สั่นขึ้นมาเล็กน้อย

แต่ชายหนุ่มยังคงราวกับไม่สังเกตเห็นอะไร หลังจากกินเสร็จแล้ว หยิบกล่องนั้นออกมา วางลงบนโต๊ะ แล้วกล่าวว่า “คุณเปิดหรือผมเปิด?”

เฉียวฉีดึงมือกลับ สงบสติอารมณ์ แล้วแสร้งทำเหมือนกับไม่รู้สึกอะไร แล้วกล่าวว่า“คุณเปิด ”

กู้ซือเฉียนพยักหน้า เปิดกล่องออก

ชิ้นหยกสีขาวเปล่งประกายระยิบระยับโปร่งแสงวางอยู่ในนั้นอย่างแน่นิ่งๆ

แม้ว่าทั้งสองจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นของสิ่งนี้ แต่ว่าห่างมาสี่ปีแล้ว ได้พบเจออีกครั้งก็ยังอดที่จะตกตะลึงกับมันไม่ได้

เฉียวฉีเดินเข้าไป หยิบหยกชิ้นนั้นขึ้นมา

กำแผ่นหยกไว้ในมือ แล้วมีความรู้สึกเย็นทะลุหัวใจออกมา อาศัยแสงไฟ สามารถมองเห็นลวดลายรางๆที่สลักไว้อย่างชัดเจน บอกว่าเป็นตัวอักษรก็ไม่เหมือนตัวอักษร เหมือนสัญลักษณ์พิเศษบางอย่างมากกว่า

ขอบทั้งสี่ด้านถูกขัดเกลาอย่างมันวาว แต่ว่า แผ่นหยกที่กว้างเพียงสามนิ้ว กำอยู่ในมือ ราวกับกำก้อนน้ำแข็ง

แต่ว่าทำให้คนรู้สึกสบายกว่าความเยือกเย็นของน้ำแข็งเล็กน้อย มันเหมือนกับมีชั้นน้ำเย็นๆ ไหลซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่ร่างกาย

เฉียวฉีอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอ

ต้องบอกว่า ต่อให้มองข้ามข่าวลือที่แปลกประหลาดของหยกชิ้นนี้ไป ต่อให้มองแค่ผิวเผิน มันก็เป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด

กู้ซือเฉียนนั่งอยู่ตรงนั้น มองดูเธอมองดูหยกในมืออย่างเงียบๆ

ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงถามขึ้นว่า“มองเห็นเบาะแสอะไรไหม?”

เฉียวฉีมองดูอย่างตั้งใจ แล้วส่ายหัว

กู้ซือเฉียนยื่นมือไป“ ให้ผมดู ”

เฉียวฉีนำแผ่นหยกส่งไปให้เขา

แผ่นหยกที่โปร่งแสงอยู่ในฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มแล้วทำให้ดูเล็กลง ใต้แสงไฟ ลวดลายรางๆบนหยกนั้นราวกับมีชีวิตชีวามากขึ้น

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset