คนคนนั้นจ้องมองดูเขา แต่ไม่พูดอะไรสักคำ
กู้ซือเฉียนยิ้มเย็นชา
เมื่อฉินเยว่เห็นเช่นนั้น จึงหยิบแส้ขึ้นมา เฆี่ยนตีไป กล่าวด้วยเสียงโกรธว่า“คุณชายถาม แกไม่ได้ยินหรือ?ยังไม่ตอบอีก!”
คนคนนั้นถูกเฆี่ยนจนร้องโหยหวนออกมา หลังจากเสียงร้องโหยหวนผ่านไปแล้ว ยังคงเป็นสายตาที่เกลียดชังสุดๆ จากนั้น“ถุย”หนึ่งเสียง ถุยคราบเลือดมาทางกู้ซือเฉียน
แววตาเฉียวฉีเย็นชา
กระดูกแข็งจริงๆ
กู้ซือเฉียนพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า“แกไม่พูดก็ไม่เป็นไร เพราะว่าขอเพียงเป็นเรื่องที่ฉันต้องการรู้ ฉันจะต้องมีวิธีอยู่แล้ว ”
เขาหรี่ตาเล็กน้อย แล้วกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาว่า“ฉันจำได้ แกมาอยู่กับฉันตอนอายุสิบสามปีใช่ไหม?”
อีกฝ่ายไม่พูดอะไร
กู้ซือเฉียนพูดต่อ“ปีนั้น ครอบครัวของแกเพราะถูกคนของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรังแก ทำให้น้องสาวแกตาย แม่ก็ป่วยหนัก แกไม่มีเงินซื้อยา และก็ไม่มีเงินส่งเธอไปโรงพยาบาล อายุน้อยๆต้องวิ่งไปชกมวยใต้ดิน ต้องการจะใช้ความสามารถของตัวเองช่วยแม่”
“ฉันไปเจอแกโดยบังเอิญ ช่วยแกขณะที่แกถูกอีกฝ่ายตีจนลมหายใจรวยริน ฉันให้เงินแกไปรักษาแม่ของแก สอนวิชาให้แก เพื่อต่อไปจะไม่ถูกคนอื่นตีจนตาย”
“ตอนที่แกหมดหนทาง ยังให้งานแก และให้มาทำงานที่นี่ ไม่ต้องกังวลเรื่องกินอยู่ ยังมีเงินให้อีก ดังนั้นฉันไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมแกถึงหักหลังฉัน?”
เขาพูดจบ มองดูเขาด้วยดวงตาแน่วแน่
คนคนนั้นถูกเขามองแวบหนึ่ง จู่ๆก็หัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าบ๊อง
เสียงหัวเราะนั้นเหมือนงูพิษที่เย็นชา พ่นพิษและปีนขึ้นจากสันหลังของคน ทำให้คนรู้สึกรังเกียจเป็นพิเศษ
เฉียวฉีขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ชอบคนตรงหน้านี้มากขึ้น
เธอรู้ว่า คนข้างกายกู้ซือเฉียน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่เขาคัดเลือกมาเอง
คัดเลือกเอง ส่งคนฝึกอบรมเอง สุดท้ายกลายเป็นผู้กล้าที่ภักดีต่อเขาคนเดียวเท่านั้น
เมื่อก่อนเธอเคยเป็นคนที่ผ่านมาเช่นนี้ จะไม่หักหลังเขาเด็ดขาด
ดังนั้น แล้วทำไม?
เธอก็สงสัยมาก
และเวลานี้ อีกฝ่ายหัวเราะขึ้นมาอีก หัวเราะไปด้วย พูดไปด้วยว่า“ให้งานฉันทำหรือ?ให้เงินฉันหรือ?
ฮ่าฮ่า…….ใช่ คุณให้แล้ว แต่เงินพวกนั้นไม่ใช่เงินที่เราขายชีวิตมาหรือ? เราก็แค่เอาชีวิตของตัวเองแลกกับเงิน คุณกลับทำหน้าสูงส่ง ทำเหมือนกับคุณให้พวกเราอย่างนั้น ทำไม? ”
เมื่อเขาพูดคำนี้ออกมา ไม่เพียงแต่เฉียวฉี แม้แต่กู้ซือเฉียนกับฉินเยว่ต่างขมวดคิ้วขึ้นมา
กู้ซือเฉียนกล่าวเสียงเคร่งขรึม“แล้วไง?แกจึงเลือกจะเข้าข้างพวกเขาหรือ? เอาระเบิดมาวางไว้ในห้องนอนของฉันหรือ?”
คนคนนั้นยิ้มเย็นชา “ใช่ ฉันไปพึ่งพาพวกขา เพราะว่าพวกเขาไม่เพียงแต่รับปากว่าจะให้เงินฉัน ยังรับปากว่าจะให้ตำแหน่งเหนือคนหมื่นด้วย ”
“ทุกคนต่างรู้ คุณเป็นคนช่วยพวกเรา เราอยู่ข้างกายคุณ มีให้กินให้สวมใส่ มีบ้านหลังใหญ่อยู่ ยังมีเงิน เหมือนชีวิตจะสุขสบายมาก”
“แต่ใครเลยจะรู้ว่า พวกเราอยู่อย่างไม่สู้ อยู่อย่างหมา เวลามีอันตรายเราเข้าไปก่อน เราขายชีวิต เงินส่วนใหญ่อยู่ที่คุณ เพราะอะไร? ”
“ก็เพราะว่าคุณเกิดมาได้ดีไง? คุณแซ่กู้? ฮ่าฮ่าฮ่า……….ฉันไม่ยอม! ”
ความโกรธราวกับรุนแรงขึ้น พูดไปด้วย สีหน้าก็ดุร้ายขึ้นมา
สีหน้ากู้ซือเฉียนไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
เขากล่าวเสียงโกรธว่า“ขอเพียงเรามีความคิดที่อยากจะหักหลังแม้แต่น้อยนิด ก็จะถูกพวกคุณจัดการอย่างลับๆ คุณคิดว่าฉันไม่รู้หรือ?”
“เพราะอะไรหรือ?ก็เพราะว่า เราเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ใกล้ชิดที่สุดของคุณ เรารู้กองบัญชาการและความลับของคุณมาก ดังนั้นเราจากไปไม่ได้ เราจะต้องอยู่ข้างกายคุณตลอดชีวิต แก่ตายหรือทำสงครามตายอยู่ที่นี่ ”
“แต่ว่าทำไม? ทำไม ชีวิตของฉันจะต้องอยู่เพื่อคนอื่น คุณแค่ช่วยผมครั้งเดียว ฉันคิดว่าปกป้องคุณมาตั้งหลายปีก็น่าจะพอแล้ว ฉันได้ชดใช้ที่ติดค้างคุณไปแล้ว แล้วทำไมยังต้องถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตด้วย?”
“ฉันไม่ยอม ดังนั้นเมื่อพวกเขามาหาฉัน ฉันก็ยินยอม ฮ่าๆ แปลกใจมากใช่ไหม?ไม่แปลกใจเลย !”
“ไม่ว่าอย่างไร คนที่มีความคิดอย่างฉัน ฉันรับรองว่าไม่ได้มีฉันเพียงคนเดียว คุณคิดว่าฆ่าฉันแล้วก็จะจบหรือ?ฮ่าๆ คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ”
“คนเช่นคุณ ไม่คู่ควรจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ คุณควรจะลงนรกไป !ชาติหน้าเกิดมาเป็นวัวเป็นม้าไม่คู่ควรจะเป็นคน!”
เห็นเขายิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่ และไม่มีคำพูดใดๆที่เป็นประโยชน์กับตัวเองเลย
สีหน้าเฉียวฉีเย็นชา แล้วส่งสัญญาณให้ฉินเยว่
ฉินเยว่ได้เดินเข้าไป ชกไปที่หน้าท้องของเขา อีกฝ่ายร้องครางด้วยความเจ็บปวดแล้วก็สลบไป
เฉียวฉีมองไปทางกู้ซือเฉียนด้วยความกังวล แล้วกล่าวว่า“กู้ซือเฉียน……”
“ผมไม่เป็นไร”
ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างเย็นชา
เฉียวฉีรู้ ทีมรักษาความปลอดภัยในมือของเขา ล้วนเป็นคนที่เขาคัดเลือกออกมาเอง
และในจำนวนคนกลุ่มนี้มีคนทรยศ วันนี้ คนทรยศคนนี้ยังใช้คำพูดเช่นนี้กับเขา ในใจของเขาจะต้องเสียใจมากอย่างแน่นอน
แต่ว่ากู้ซือเฉียนไม่ได้แสดงออกมา เธอจึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็กัดริมฝีปากแล้วพูดว่า“คุณไม่ต้องคิดมาก บนโลกใบนี้ คนทำสวรรค์ดูอยู่ ไม่ว่าคุณจะทำดีแค่ไหน ก็ต้านทานคนจิตใจโลภละโมบไม่ได้ ไม่ต้องไปใส่ใจ ”
กู้ซือเฉียนเงยหน้ามองเธอแวบหนึ่ง
มีรอยยิ้มปรากฏในดวงตา
“คุณเป็นห่วงผมหรือ”
เฉียวฉี“…………”
เห็นสีหน้าของเขา เธอก็รู้ว่า อีกฝ่ายไม่ได้กระทบกระเทือนต่อเขาเลย
ดังนั้น ก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาอยู่ตรงนี้อีก จึงเข็นเขาไปทางข้างนอก
กู้ซือเฉียนเห็นเธอไม่ตอบ ก็ไม่ได้ถามอีก แต่ว่าอารมณ์เย็นชาแข็งทื่อในตอนแรกนั้น ได้ถูกความห่วงใยของหญิงสาวทำให้ค่อยๆจางหายไป
จนมาถึงข้างนอก เฉียวฉีจึงค่อยๆเดินช้าลง
เข็นเขาค่อยๆเดินไปทางตึกหลัก แล้วถามว่า“คนเมื่อกี้นี้ชื่ออะไรหรือ?”
กู้ซือเฉียนกล่าวเสียงหนักแน่น“เขาชื่อ หยวนเจี๋ย เป็นคนที่ผมพบที่สนามมวยใต้ดินนานมาแล้ว ตอนที่ผมพบเขา เขาอายุสิบสามขวบ กล้ามเต็มตัว ชกมวยอยู่ที่นั่น ”
“เหอะ!”ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรขึ้นมาได้ ยิ้มเสียงเย็นชา “อายุยังน้อย แต่ลงมือโหด เห็นได้ชัดว่าไม่มีท่าไม้ตาย แต่การที่เขาไม่เอาชีวิตรอด ชนะติดต่อกันถึงสามรอบ น่าเสียดายที่รอบที่สี่ไม่ควรสู้ แต่เขาดันทุรังจะต้องขึ้นสู้ให้ได้ สุดท้ายถูกคนที่มีฝีมืตีเกือบตาย
”
“ตอนนั้นผมดูแล้วสงสาร จึงออกเงินขอชีวิตเขาไว้ หลังจากสอบถามแล้ว รู้สึกว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ ดังนั้นจึงให้เขาอยู่ข้างกาย ไม่คิดว่า……..”