บทที่ 86 ความจริงถูกเปิดเผย
จิ่งเสี่ยวหย่ายืนอยู่ตรงนั้น ก็ได้พูดอย่างได้ใจว่า “งานออกแบบชิ้นนั้นฉันได้พยายามไปเยอะมากกว่าจะวาดออกมา เพราะงั้นฉันจำได้ไม่มีวันลืม พี่ พี่ก็แค่เห็นผลงานของฉัน แล้วก็จำได้แค่เล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เทียบไม่ได้กับคนที่วาดออกมาเองกับมือ เพราะงั้นฉันเตือนให้พี่วางมือเถอะ พี่ไม่มีทางที่จะวาดออกมาเหมือนฉัน”
จิ่งหนิงยิ้มไปสักพัก “จริงเหรอ?”
“แน่นอน ไม่เชื่อพี่ถามผอ.ได้เลย”
“ผอ.คะ เป็นแบบนั้นเหรอ?”
ยู่เจี่ยนซิวมองจิ่งหนิงด้วยความตกใจ สีหน้าทำเหมือนว่ายากที่จะพูดออกมา
จิ่งเสี่ยวหย่ายังคิดว่าตัวเองนั้นได้พูดถูก จิ่งหนิงยังโง่นั้น ได้ลืมต้นฉบับงานออกแบบเมื่อห้าปีก่อนไปหมดตั้งนานแล้ว ไม่อย่างนั้นจะคิดถึงวิธีการวาดงานออกแบบออกมา วิธีที่โง่ขนาดนี้มาจำเหรอ?
เพราะงั้น สีหน้าของผอ.ตอนนี้ ก็ต้องมองออกแล้วว่าวาดที่เธอวาดมานั้น ไม่เหมือนภาพเหมือนห้าปีก่อนเลยแม้แต่นิด!
คิดถึงตรงนี้ จิ่งเสี่ยวหย่าก็ได้ได้ใจอย่างห้ามไม่อยู่
ลู่จิ่งเซินพูดเสียงเรียบ “ได้แล้ว ประกาศผลเถอะ! ผลงานของใครเป็นของจริง”
จิ่งเสี่ยวหย่ายื่นอก รอฟังชื่อของตัวเอง
แต่ว่า……
กลับได้ยินกรรมการทั้งสามที่พูดเหมือนกันอย่างไม่ได้นัดว่า “จิ่งหนิง”
“อะไรนะ?”
ทุกคนได้พูดออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ
ยู่เจี่ยนซิวได้พูดออกมาอย่างยากลำบากว่า “ใช่ ได้เปรียบเทียบกันดีๆ แล้ว จิ่งหนิงได้วาดงานออกแบบออกมาใกล้เคียงงานเมื่อห้าปีก่อนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนจิ่งเสี่ยวหย่า……ไม่ถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์”
“ทำไมเป็นแบบนี้?”
จิ่งเสี่ยวหย่าได้พุ่งเข้าไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ พุ่งไปหน้าคอม
ตอนที่เห็นภาพทั้งสองถึงแม้ว่าสีจะเหมือนกัน แต่เป็นการออกแบบที่ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่นิด ในหัวนั้นได้สับสนไปหมด
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
สองภาพนี้ ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย!
นอกจากเป็นสีน้ำเงินขาวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบบรายละเอียด ไม่มีที่ไหนที่เหมือนกันเลย
เป็นไปได้ยังไง?
ในหัวเธอก็ได้มีความคิดอะไร
อยู่ๆ ก็คิดอะไรได้
หันไป มองจิ่งหนิงด้วยสายตายากที่จะเชื่อ
“เธอ เธอหลอกฉัน?”
จิ่งหนิงหัวเราะอย่างเย็นชา
“ก็แค่การจับเต่าในบ่อเท่านั้นเอง ถ้าเธอไม่ได้มีความคิดที่ไม่ดีขนาดนั้น ฉันก็หลอกเธอไม่ได้หรอก”
“เธอ! ”
เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว ยู่เจี่ยนซิวก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี ก็ได้ประกาศออกมาว่า “การแข่งขันนี้ จิ่งหนิงชนะ ตรวจสอบแล้วการวาดผลงานเดิมออกมาสองภาพนี้ต่างกันเกินไป เพราะงั้นสรุปได้ว่า งานออกแบบเมื่อห้าปีก่อนนั้น น่าจะเป็นงานออกแบบของจิ่งหนิง ตอนนั้น……พวกเราเข้าใจเธอผิดไป”
พึ่งพูดจบ กรรมการคุมสอบทั้งสาม ก็ได้แสดงใบหน้าที่รู้สึกผิดออกมาพร้อมกัน
เพราะว่า ตอนนั้นเชื่อในสิ่งที่จิ่งเสี่ยวหย่าพูด ได้คิดกันว่าจิ่งหนิงเป็นคนขโมยผลงาน ก็ได้มีพวกเขาร่วมอยู่
หัวเหยาดีใจจนแทบร้องไห้ออกมา
ได้วิ่งเข้ามากอดจิ่งหนิง พูดอย่างดีใจว่า “หนิงหนิง ฉันรู้อยู่แล้ว เธอต้องช่วยตัวเองให้หลุดพ้นจากความอยุติธรรมได้ เธอทำได้แล้ว เธอทำได้แล้วจริงๆ”
จิ่งหนิงยิ้ม
เทียบกับหัวเหยาที่ดีใจขนาดนั้น เธอได้ใจเย็นไปมาก
เรื่องบางเรื่อง ก็เหมือนกันการประทับตราไว้ในกระดูก ล้างออกไม่ได้
เหมือนกับวันนี้ต่อให้เธอล้างความผิดของตนได้ แต่ความเจ็บปวดที่เคยได้รับมา เสียใจ จะมีใครว่ารับผิดชอบล่ะ?
ลู่จิ่งเซินยืนขึ้น เดินไปที่เธอ
“เรื่องที่เธอเคยเจอ ฉันเสียดายที่ไม่ได้อยู่ข้างเธอ แต่ฉันสัญญา ต่อไปฉัน จะไม่ให้ใครมาใส่ร้ายเธอ ทำร้ายเธอ”
จิ่งหนิงมองเขา
สายตาของชายหนุ่มได้หนักแน่นอ่อนโยน แล้วก็มีความมั่นใจและหนักแน่นเต็มเปี่ยม
ในใจนั้นเหมือนว่าได้มีอะไรชนเข้าอย่างแรงไปที่หนึ่ง
ได้หวั่นไหวในใจแบบยากที่จะพูดออกมา
เธอได้พยักหน้าอย่างแรง
หัวเหยาได้ขำออกมาทั้งน้ำตา
“พวกเธอ พวกเธอจะสาดอาหารหมาแบบนี้จะดีเหรอ? ฉันออกไปก่อนดีไหม ชอบรู้สึกว่าฉันอยู่ตรงกลางพวกเธอแล้ว บรรยากาศมันแปลกๆ ! ”
เธอพูดจบ ก็จะออกไปจริง จิ่งหนิงถูกเธอแหย่จนอดไม่ได้ที่จะไม่ขำออกมา
เวลาเดียวกัน ข้างๆ ก็ได้มีเสียงดังขึ้น
“เสี่ยวหย่า! เธอเป็นอะไรไป? เสี่ยวหย่า! ”
ทุกคนได้หันไปมอง เห็นว่าจิ่งเสี่ยวหย่าได้เป็นลมไปกับพื้น มู่ยั่นเจ๋อได้เข้าไปกอดเธอ ชุดกระโปรงสีขาวนั้น ก็ได้มีเลือดสีแดงไหลออกมาตามขา
สีหน้าเธอได้เปลี่ยนทันที
“เหยาเหยา โทรศัพท์ เรียกรถพยาบาล! ”
จิ่งเสี่ยวหย่าได้ถูกส่งเข้าโรงพยาบาล
พอตรวจแล้ว ก็ผลว่าได้รับการกระทบกระเทือนทางอารมณ์เยอะเกินไป ทำให้อารมณ์ควบคุมไม่ได้ พังไป
คนนั้นไม่ได้เป็นอะไรมาก ก็แค่กระทบกับครรภ์ ลูกในท้อง……ไม่มีแล้ว
ตอนที่ได้ยินข่าวนี้ ก็เป็นคืนวันต่อมาแล้ว
ในใจของจิ่งหนิงไม่ได้มีความคิดอะไร ถึงแม้ว่าจิ่งเสี่ยวหย่าโมโหจนป่วยเพราะเธอ แต่คนที่ได้เริ่มเรื่องนี้นั้นไม่ใช่เธอ
เธอได้ถอยให้แล้ว แต่ความเป็นจริงได้บอกเธอ การที่จะถอยให้ จะทำให้แค่ศัตรูนั้นหนักข้อยิ่งกว่าเดิม
เธอไม่ใช่หมูที่จะรอให้เชือด และก็ไม่ใช่แม่พระ ไม่ได้ใจกว้างถึงขั้นจะถอยให้ตลอด
เรื่องนี้ได้ถูกเธอมองข้ามไปอย่างรวดเร็ว
ไม่เพราะอย่างอื่น เธอยุ่งเกินไป
ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมซิงฮุย หรือว่าอานหนิงกั๋วจี้ ก็มีเรื่องมากมายต้องจัดการ
โดยเฉพาะคราวก่อนที่คุยตัวละครพวกนั้นกับเหยียนซื่อหวา วันต่อมาเพราะว่าต้องแข่งกับจิ่งเสี่ยวหย่า เธอเลยไม่มีเวลาไปหาผู้ช่วยของเหยียนซื่อหวา ช่วงบ่ายวันนั้นถึงแม้ว่านัดคนได้ แต่แนวทางนั้นยังคุยไม่เรียบร้อย ต้องที่จะลงรายละเอียดลึกกว่านี้ถึงจะได้
เพราะงั้น คืนนี้ เธอได้พาถังลั่วเหยาไปเอง นัดเหยียนซื่อหวาไปทานข้าวด้วยกัน
พอดีเลย วันนี้ลู่จิ่งเซินก็ต้องไปดูงานที่เมืองข้างๆ บอกว่าวันนี้ไป คืนนี้กลับ
เพราะงั้น ทั้งสองเหมือนว่าได้ตกลงกันแล้ว รอเขากลับมาก็สามารถมารับเธอที่ร้านอาหารได้เลย ทั้งสองกลับบ้านด้วยกัน
ที่จิ่งหนิงมาแนะนำถังลั่วเหยาให้เหยียนซื่อหวา ต้องการที่จะให้แสดงตัวละครของ《ตามหาฝัน》 ที่จริงก็ไม่ใช่เพราะว่าอยากได้ส่วนตัวทั้งหมด
เป็นเพราะว่าเธอได้เห็นบทแล้ว รูปลักษณ์ของถังลั่วเหยา เหมาะกับตัวละครนั้นจริงๆ
เหยียนซื่อหวาสามารถที่จะโดดเด่นในหมู่ผู้กำกับได้ แน่นอนเขาต้องมีความสามารถที่ดีอยู่แล้ว
เลือกตัวละครอย่างดุเดือด เป็นข้อดีในหนึ่งในนั้น
ดินเนอร์คืนนี้ ถึงว่าพูดคุยได้ดี
จิ่งหนิงให้ถังลั่วเหยาตีความตัวละครของเขาออกมาท่อนหนึ่งตรงนั้น เหยียนซื่อหวาชอบมาก
เรื่องตัวละครนั้น ก็ได้พูดคุยได้ด้วยดี
แต่แค่นอกจากค่าตัว ที่ได้กดจนต่ำกว่ามาตรฐานไปน้อย อย่างอื่นก็ไม่มีอะไร
แต่จิ่งหนิงรู้ สำหรับฐานะของถังลั่วเหยาในตอนนี้ สามารถที่เอาบทนี้มาได้มันไม่ใช่เรียบง่ายแล้ว
ค่าตัวนั้นเป็นเรื่องชั่วคราว สามารถที่จะได้ข้อดีอย่างอื่นจากในหนังนั้นนั่นถึงจะเป็นแผนระยะยาว เพราะงั้นก็ได้ตกลงแบบไม่ต้องคิดอะไร
ทั้งสามได้พูดคุยอย่างมีความสุขที่ห้องอาหาร
พอใกล้ที่จะเลิกรา กระเป๋าของจิ่งหนิงก็ได้สั่น
เพราะว่ากลัวที่จะรบกวนเวลาอาหาร เพราะงั้นเธอถึงได้เป็นระบบสั่น คืนนี้ถือว่าดื่มไปไม่มาก แต่ก็ได้เริ่มมึนขึ้นนิดหน่อย
จิ่งหนิงเอากระเป๋า ได้บอกกล่าวกับอีกฝ่าย แล้วก็ออกไปห้องน้ำ
คิดไม่ถึงว่า พึ่งออกประตู ก็ได้เจอกับคนที่เธอไม่อยากจะเจอที่สุด
“ยี่? จิ่งหนิง เธอทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?”
มู่หงเซียวกับเพื่อนของเธอหนึ่งคนได้เดินออกมาจากห้องตรงข้าม ทั้งสองก็ได้เจอกันพอดี
จิ่งหนิงมองเธออย่างเย็นชา ไม่ตอบ ก็ได้เดินไปที่ห้องน้ำ
“จิ่งหนิง! เธอหยุดเดี๋ยวนี้! ”