หลังจากได้รับข้อความ ไม่นาน เขาก็สั่งให้ใครบางคนไปหาเธอ
เฉียวฉีรอไม่นาน ฉินเย่วก็เข้ามา
เขาเคาะประตูเบาๆ จากข้างนอก เฉียวฉีได้ยินก็เดินไปเปิดประตู และเห็นว่าเป็นเขา จึงยื่นขวดน้ำมันหอมระเหยให้ไปโดยตรง
เขารู้ว่าเธอกำลังสวมชุดนอน และอยู่ในห้องของเธอซึ่งเป็นที่ส่วนตัวเช่นนี้ ดังนั้น ฉินเยว่จึงก้มหน้าลงตลอดการสนทนา และไม่ได้เงยหน้ามองขึ้นไปที่เธอ
หลังจากหยิบของมาแล้ว เขาก็ฟังเฉียวฉีกระซิบ “ไปตรวจสอบองค์ประกอบของมัน และหลังจากวิเคราะห์ผลแล้ว รีบรายงานฉันทันที”
ฉินเยว่พยักหน้า กระซิบตอบ “รับทราบครับ” ด้วยเสียงต่ำ จากนั้น ก็หันหลังและจากไป
จากนั้นเฉียวฉีก็ปิดประตู
เมื่อของสิ่งนั้นถูกส่งออกไป เธอก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
เมื่อกลับลงมานอนบนเตียง สักพักเธอก็รู้สึกง่วงนอน จากนั้นก็ผล็อยหลับไป
วันรุ่งขึ้น
ในเวลาอาหารเช้า ในห้องอาหารก็ยังคงมีแค่เธอกับกู้ซือเฉียนเหมือนเดิมตั้งแต่ไหนแต่ไร
ทั้งคู่มีนิสัยที่เวลารับประทานอาหารและเวลานอนจะไม่คุยกับใคร เพราะอย่างนั้น จึงไม่มีใครคุยกันที่โต๊ะอาหาร
จนเมื่อรับประทานอาหารเสร็จ เฉียวฉีถึงจะพูดออกมาว่า “ฉันมีบางเรื่อง อยากจะคุยกับคุณสักหน่อยน่ะ”
กู้ซือเฉียนเหลือบมองที่เธอ ค่อยๆ วางถ้วยชาในมือของเขาลง และพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ไปที่ห้องทำงาน”
เธอจึงลุกขึ้น เข็นรถเข็นให้เขา และเดินไปที่ห้องทำงาน
หลังจากเข้าไปในห้องแล้ว เฉียวฉีก็หันกลับมาปิดประตู เดินไปนั่งลงที่โซฟา แล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้คุณได้รับบาดเจ็บ และหลายๆ อย่างก็ยุ่งวุ่นวายไปหมดในคราวเดียว เลยไม่มีเวลามาบอกคุณเลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง”
กู้ซือเฉียนมองเธอ และถามว่า “เรื่องอะไรเหรอ?”
เฉียวฉีหยิบแผนที่ที่เขาวาดไว้ก่อนหน้านี้ออกมา แล้วพูดว่า “แผนที่นี้ ก็คือลวดลายบนแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ที่คุณเคยให้ดูก่อนหน้านี้ เสี่ยวเยว่บอกว่าเธอเคยเห็นมันมาก่อน”
กู้ซือเฉียนผงะ
รู้สึกค่อนข้างแปลกใจ
ที่จริงก็ไม่ใช่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่เฉียวฉีเองเมื่อได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
แต่ชายคนนั้นเก็บอาการอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเพียงไม่นาน สีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติ
เขาถามเสียงเข้ม “เกิดอะไรขึ้น?”
เฉียวฉีส่ายหน้า “ฉันก็ยังไม่รู้รายละเอียดเลย วันนั้นที่คุณเดินทางไปเมืองใกล้เคียง ก็ไม่ใช่คุณเองเหรอที่เป็นคนเอาข้อมูลให้ฉันอ่าน? แล้วตอนที่ฉันกำลังดูมันอยู่ เสี่ยวเยว่ก็เข้ามาพอดี แล้วเธอก็เห็นรูปภาพที่อยู่ในข้อมูลนั้น”
“ตามที่เธอพูด เธอแค่รู้สึกว่าลายเส้นบนแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ที่อยู่ในภาพนั้นดูคุ้นตา ราวกับว่าเธอเคยเห็นมันที่ไหนสักแห่ง แต่ว่ามันคือที่ไหน เธอเองก็จำได้ไม่แน่ชัด”
“ตอนนั้นฉันก็ยังสงสัยว่า เธอดูผิดหรือเปล่า แต่ต่อมา เมื่อพวกเราค้นพบว่าไอ้ระยำคนนั้นที่เป็นสายลับแฝงเข้ามาอยู่ในกลุ่มบอดี้การ์ดนั้นก็มีแผนที่อยู่กับตัวด้วย ฉันก็เลยรู้ว่า สิ่งนี้ไม่น่าจะมีอยู่แค่ที่นี่ที่เดียว”
“คนที่เคยเห็นมัน น่าจะไม่ใช่แค่คนเดียว เพราะงั้นถ้าเกิดเสี่ยวเยว่เคยบังเอิญเห็นมันที่ไหนสักแห่งจริงๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นไปได้”
คิ้วของกู้ซือเฉียนย่นจนเกิดเป็นร่องลึก
เขาเงียบ ไม่ได้พูดอะไร ซึ่งเฉียวฉีก็รู้ว่าเขากำลังพิจารณาความเป็นไปได้ของเรื่องนี้
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเขาพูดว่า “แล้วอย่างนั้นตอนนี้ เธอนึกอะไรไม่ออกเลยเหรอ?”
เฉียวฉีส่ายหัว
กู้ซือเฉียนเงียบลงอีกครั้ง
เฉียวฉีพูดอย่างเคร่งขรึม “ประเด็นที่ฉันจะสื่อก็คือ…ควรส่งใครสักคนไปตรวจสอบที่บ้านเกิดของเธอดูหน่อยดีไหม? ฉันได้ยินมาว่าหลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนในบ้านเกิดของเธอ ก็มีคนรู้จักของเธอแนะนำให้มาทำงานที่นี่โดยตรงเลย เธอยังเด็ก สถานที่ที่เคยไปน่าจะไม่เยอะ บางทีถ้าได้ตรวจสอบ ไม่แน่ว่าอาจเจอเบาะแสอะไรก็เป็นได้”
กู้ซือเฉียนพึมพำ “ไอ้ได้มันก็ได้แหละ เพียงแต่ว่า… “
เขาหยุดชั่วขณะ เฉียวฉีเลิกคิ้ว และเดาว่า “กลัวจะแหวกหญ้าให้งูตื่นใช่ไหม?”
กู้ซือเฉียนพยักหน้า
หลังจากเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะพูดออกมาว่า “คุณรู้สึกไหม? ไม่ว่าเราจะทำอะไร ค้นพบอะไร ตรวจสอบอย่างไร ดูเหมือนว่าทุกอย่างก็อยู่ภายใต้การควบคุมของอีกฝ่าย และสุดท้าย เราจะก็จะพบว่า ตัวเองกำลังเดินวนเป็นวงกลม เบาะแสทั้งหมดเหล่านี้ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเพียงการตบตาที่อีกฝ่ายเป็นคนกำหนด อันที่จริงเราอาจจะยังไม่พบอะไรเลยก็ได้”
“ฉันกังวลนิดหน่อย ว่าคราวนี้ก็จะเหมือนกับสองสามครั้งก่อนอีกไหม ที่เห็นอยู่กับตาว่ามีเบาะแสแล้ว แต่ความจริงนั้น ยังหาอะไรไม่เจอเลย ตรงกันข้ามกลับถูกอีกฝ่ายจูงจมูกให้เดินวนไปวนมาแทน”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เฉียวฉีก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น
เธอพูดเสียงขรึม “สิ่งที่คุณพูดก็มีโอกาสเป็นไปได้”
ท้ายที่สุด ก็ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เมื่อพูดถึงนิสัยใจคอของอีกฝ่ายแล้ว พวกเขาก็เข้าใจได้ไม่มากก็น้อย
กู้ซือเฉียนมองมาที่เธอ และหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ยังไม่ต้องตรวจสอบก็ได้ ตัวตนเสี่ยวเยว่ ในขณะนี้ยังวางใจได้อยู่ รออีกหน่อยแล้วกัน ดูว่าเธอจะคิดอะไรออกได้บ้าง บางทีหากเธอนึกอะไรได้ เราอาจจะไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอีกต่อไป”
กู้ซือเฉียนพยักหน้าเห็นด้วย
ในขณะนี้ ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะจากภายนอก
กู้ซือเฉียนตะโกนบอกให้เข้ามา จากนั้นประตูจึงถูกผลักออก และฉินเยว่ก็เดินเข้ามา
แต่ว่า เมื่อเขาเห็นกู้ซือเฉียน เขาก็เพียงทักทาย แล้วจากนั้น ก็เดินตรงไปหาเฉียวฉี
“คุณเฉียว นี่คือสิ่งที่คุณขอให้ผมตรวจสอบเมื่อคืนนี้ ผลออกมาแล้วครับ”
พูดเสร็จ ก็ยื่นรายงานให้ด้วยความเคารพ
เฉียวฉีรับมันมา และดูมันอย่างจริงจัง
เมื่อกู้ซือเฉียนเห็นฉากนี้ ก็รู้สึกประหลาดใจมาก
มันเหมือนกับว่า ในปราสาทนี้ ก็เหมือนกับครอบครัวใหญ่ เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว และเฉียวฉี ก็เป็นนายหญิงของครอบครัวนี้
ก่อนหน้านี้คือทุกคนต้องฟังคำสั่งของเขา ทุกๆ เรื่องก็ต้องผ่านเขาก่อน แต่ตอนนี้หน้าที่นั้นในบางส่วนได้ถูกส่งมอบให้กับเธอแล้ว
และคนสนิทที่ครั้งหนึ่งเคยภักดีต่อเขา ตอนนี้ไม่เพียงแต่รับใช้เขาเท่านั้น แต่ยังรับใช้นายหญิงของบ้านหลังนี้ด้วย
เหมือนกับว่าสามีภรรยาก็เหมือนคนคนเดียวกันใช่ไหม?
เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็อดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้
เฉียวฉีไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เธอยังคงดูรายงานอย่างตั้งใจ
ก็เห็นเพียงส่วนผสม และสรรพคุณของน้ำมันดอกไม้ขาวทั้งหมดถูกเขียนไว้ในรายงานแล้ว
ดูแล้วดูอีก ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ผิดปกติ
ดังที่เสี่ยวเยว่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ดอกไม้เหล่านี้เป็นดอกไม้ชนิดที่สามารถคลายประสาทได้ หลังจากสกัดออกมาแล้ว ก็นำมาผสมกันในสัดส่วนที่แตกต่างกัน เพื่อให้เกิดสรรพคุณที่ช่วยผ่อนคลาย
เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วนิดๆ
เป็นไปได้ไหมว่า…ก่อนหน้านี้เธอคิดมากไปเอง?
เมื่อคืนนี้กู้ซือเฉียนได้รับข้อความจากเธอ และขอให้เขาส่งฉินเย่วไปหา อันที่จริง เขาเองก็ไม่รู้ว่าเธอมีเรื่องอะไร
ดังนั้นตอนนี้ เมื่อเห็นรายงานในมือของเธอ เขาจึงถามด้วยความสงสัย “นี่คืออะไรน่ะ?”
เฉียวฉีเงยหน้าขึ้น “อ๋อ” “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่รายงานธรรมดาๆ น่ะ”
พูดเสร็จ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาดู แล้วเก็บรายงานไป
ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็หยิบขวดน้ำมันดอกไม้ขาวที่ตรวจสอบแล้วไม่พบอะไรผิดปกติ ยื่นให้กับเขา
“อะนี่ ฉันให้คุณ”
กู้ซือเฉียนตกตะลึง ความประหลาดใจฉายออกมาจากแววตาของเขาโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ยื่นมือออกไปรับมัน
“นี่อะไร?”
เฉียวฉียิ้มเล็กน้อย “น้ำมันหอมระเหยน่ะ ไว้ใช้นวด ทำให้ผ่อนคลายและยังช่วยให้นอนหลับได้ด้วย ใช้ดีนะ คุณลองดูสิ”