แต่กู้ซือเฉียนจะยอมแพ้ไม่ได้
ดังนั้น ยังคงส่งคนออกไปตามหา ในขณะเดียวกัน ตัวเองก็แอบค้นหาฉีเฉียวผ่านช่องทางอื่นเหมือนกัน
แท้จริงแล้ว การหายตัวไปครั้งนี้ของฉีเฉียว ไม่ใช่เกิดเรื่องคาที่ ถึงแม้ใจเขาจะกังวล แต่กลับไม่ได้กังวลหนัก
เพราะเขารู้ ตอนนี้มีคนอยู่2 กลุ่มที่ต้องการจับฉีเฉียว ในเมื่ออีกฝ่ายที่เพิ่งจับเธอ แทนที่จะฆ่าเธอทันทีที่มีโอกาส หมายความว่าตอนนี้ฉีเฉียวคงน่าจะยังรอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชได้ชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม ความกดอากาศในด่านยังคงต่ำมาก
ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงความโกรธของกู้ซือเฉียน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ คราวนี้คนที่ออกไปด้วยกัน และบอดี้การ์ดที่รับผิดชอบความปลอดภัยของทั้งสองคนต่างก็โทษตัวเอง
พวกเขารู้ว่ามันเป็นความประมาทเลินเล่อของพวกเขาที่ทำให้ฉีเฉียวหายตัวไป
ทุกวันนี้ คนเหล่านี้ล้วนได้รับความผิดและถูกลงโทษ
คนที่เป็นทุกข์ที่สุดคือซูเฉิง
เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่า เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นเพียงแค่เขาประมาทเพียงชั่วครู่
เมื่อนึกถึงใบหน้าที่สวยงดงามของเสี่ยวเยว่ และนึกถึงอดีตที่เฉียวฉีไว้วางใจในตัวเขา หากพวกเธอสองคนโชคร้ายจริงๆละก็ เขาตายก็ไม่อาจชดใช้ได้
การค้นหายังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น
เมื่อเฉียวฉีตื่นขึ้นมา เธอพบว่ามันเป็นเวลากลางคืนแล้ว
รอบตัวเธอมืดมิด มือและเท้าของเธอถูกมัด และยังมีผ้าขี้ริ้วยัดอยู่ในปากของเธอ แม้แต่ดวงตาของเธอก็ยังถูกผ้าปิดไว้
เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ก็ดิ้นรนโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเธอรู้ถึงสถานการณ์ของตัวเอง เธอก็หยุดลงทันที
สัญญาณเดือนดังขึ้นในใจ
ที่นี่คือที่ไหน?
เธออยู่ที่ไหน?
เฉียวฉีรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย และปวดหลังคอมาก จากนั้น เธอก็จำได้ว่าเธอพาเสี่ยวเยว่ไปห้องน้ำ และตัวเองถูกคนทำร้ายให้สลบ
โถ่เว้ย!
พูดตามหลักเหตุผล ตามทักษะปกติของเธอ แม้จะได้รับบาดเจ็บที่ร่างกาย แต่ถ้ามีคนโจมตีเธอจากด้านหลังจริงๆ โดยทั่วไปแล้วเป็นไปไม่ได้แน่ที่จะจัดการได้อย่างรวดเร็ว
เธอมีความมั่นใจในความระแวดระวังภัยและสัญชาตญาณที่เธอฝึกฝนวนเวียนอยู่ในความเป็นความตายมานานหลายปี
แต่คราวนี้ กลับถูกเล่นงานจนได้
เธอนอนอยู่บนพื้น ครุ่นคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับรายละเอียดทั้งหมดก่อนที่เธอจะถูกทำให้สลบ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าร่างกายของเธอผิดปกติมากในขณะนั้น
ในตอนนั้นเธอมีอาการเวียนหัว ซึ่งทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอช้าลง
ให้ตายเถอะ เธอไม่ควรดื่มเลย
ไวน์แค่ไม่กี่แก้ว ตามหลักแล้วทำให้เธอเมาไม่ได้ แต่ถ้าในไวน์มีอะไรใส่อยู่ในนั้น มันก็ไม่แน่
แต่มันไม่น่าใช่
สมัยก่อนตอนที่เธออยู่ในกลุ่มหงส์แดง เพื่อป้องกันตัวเอง เธอได้ทำการฝึกภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของเธอโดยใช้ยาต่างๆ
บางคนไร้หนทางฝ่าการฝึกภูมิคุ้มกัน ก็ฉีดยา ดังนั้นถ้าหากเธอถูกอีกฝ่ายวางยา ก็น่าจะไม่สำเร็จ
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เฉียวฉีงงงวย
ต่อมา เมื่อคิดว่าอย่างไรก็คิดไม่ออก เธอก็หยุดคิด
เธอพยายามดิ้นรน แต่เมื่อพบว่าเชือกที่มือและเท้าของเธอถูกมัดไว้แน่นมาก มันไม่ใช่วิธีการผูกธรรมดา แต่เป็นปมที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ไม่ต้องดิ้น หากดิ้น ปมก็จะยิ่งแน่นขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ เธอรู้สึกว่าเชือกใกล้จะบาดเข้าเนื้อแล้ว มันแน่นมาก
เฉียวฉีสูดหายใจเข้าลึกๆ
ไร้หนทาง เธอขยับตัวไม่ได้ ตาถูกปิด มองไม่เห็นอะไรเลย จึงต้องตั้งสมาธิ เพื่อตั้งใจฟังการเคลื่อนไหวรอบด้านอย่างระมัดระวัง
บริเวณโดยรอบเงียบสงบมาก
มันเงียบเหมือนอยู่ในที่ทึบปิด ไม่มีแม้กระทั่งเสียงลมพัด
ถ้าหากไม่ใช่ความชื้นบนพื้นที่เป็นของจริง เธอคงคิดว่าเธอตายไปแล้วเพราะความเงียบนี้
เฉียวฉีคิดอยู่ครู่หนึ่ง กัดฟันและพยายามจะลุกขึ้น
เธอไม่รู้ว่าใครทำให้เธอสลบ และมัดเธอไว้ที่นี่ แต่เมื่อกี้เธอสำรวจความรู้สึกอย่างละเอียดแล้ว พบว่าร่างกายตัวเองไม่มีบาดแผล และไม่ได้รู้สึกไม่สบายที่ตรงไหน
ดังนั้น จึงเห็นได้ชัดว่า ถึงแม้อีกฝ่ายจะทำให้เธอสลบและพาเธอมาที่นี่ แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายเธอเลยจนถึงตอนนี้
อีกด้านหนึ่ง
โดยปกติ หากมีความแค้นกับใครซักคนจริงๆ และต้องการจะฆ่าเธอละก็ อย่างนั้นก็คงลงมือกับเธอไปนานแล้ว
ดังนั้น ตอนนี้เฉียวฉีจึงไม่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเองเท่าไหร่
ตอนนี้เธอกังวลเกี่ยวกับคนอื่น ——เสี่ยวเยว่
อันที่จริง ในใจของเธอก็เดาได้อย่างคลุมเครือแล้ว คนที่จับตัวเองมาในครั้งนี้, ต้องเกี่ยวข้องกับสองคนที่ตามมาฆ่าเธอเมื่อครั้งก่อนแน่
พวกเขาไม่ใช่คนที่สามารถทำสิ่งที่ไร้ความหมายได้ พวกเขาจับเธอมา แต่กลับไม่ต้องการชีวิตของตัวเอง ถ้าอย่างนั้นเธอคงมีประโยชน์สำหรับพวกมัน
คนที่มีประโยชน์ อาจจะทุกข์เล็กน้อย แต่ชีวิตไร้ความกังวล
ตรงกันข้ามคือ คนที่ไร้ประโยชน์
ในเมื่อไม่สามารถฆ่าคนที่มีประโยชน์ได้ ถ้าอย่างนั้นคนที่ไร้ประโยชน์ก็ไม่มีความจำเป็น
ในเวลานี้ เฉียวฉีที่ยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเสี่ยวเยว่ ในสายตาของเธอ เสี่ยวเยว่ก็เป็นหญิงสาวธรรมดาเท่านั้น
บางทีคนเหล่านั้น อาจจะเห็นเสี่ยวเยว่และเธออยู่ด้วยกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เธอกลับไปแพร่ข่าว หรือพูดเหตุผลอื่น เธอจึงถูกจับตัวมาด้วย
แต่จากการตัดสินของเธอจากการฟังมาเมื่อกี้ ไม่มีใครอื่นเลยนอกจากตัวเธอเอง
เสี่ยวเยว่ไม่อยู่ที่นี่ คนเหล่านั้นพาเธอไปไว้ที่ไหน?
เฉียวฉีไม่อาจจินตนาการได้ ถึงอย่างไร เสี่ยวเยว่สำหรับพวกมัน ไม่เพียงแต่ไม่มีประโยชน์ แต่ยังเป็นอีกหนึ่งอุบัติเหตุ
ตามแนวทางของพวกมันแล้ว มีโอกาสสูงมากที่เธอจะถูกฆ่า
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ ภายในใจของเฉียวฉีก็รู้สึกกังวลมาก
เธอไม่อยากจะจินตนาการเลยว่า เธอจะเผชิญหน้ากับซูเฉิงด้วยตัวเธอเองอย่างไร ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเยว่
ถังชีชีเสียชีวิตเพราะเธอแล้ว เธอเห็นเงาของชีชีบนร่างของเสี่ยวเยว่ ดังนั้นเธอจึงใจดีกับเสี่ยวเยว่
เป็นเพราะตัวเองใจดีกับเธอ เลยนำเธอมาสู่ชะตากรรมอันน่าเศร้านี้ใช่หรือเปล่า?
ไม่! เป็นไปไม่ได้!
เธอจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก!
เมื่อคิดอย่างนี้ เฉียวฉีก็เริ่มก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว
เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน ตัดสินได้เพียงแผ่นไม้ชื้นๆ ใต้ร่างของเธอเท่านั้น เธอน่าจะอยู่ในบ้านไม้
เธอต้องการที่จะสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ แต่มือและเท้าของเธอถูกมัดไว้ ทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้ เธอทำได้เพียงขยับไปรอบๆ ทีละน้อยโดยอาศัยขาของเธอเท่านั้น
หลังจากเวลาผ่านไปนาน ทั่วตัวเฉียวฉีเกือบเต็มไปด้วยเหงื่อ ก่อนจะค่อยถึงอีกด้านของกำแพง
เพราะว่าเธอขยับไปมา ทำให้เชือกที่มัดข้อมือและเท้าอยู่ มันรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนเลือดแทบจะไหลออกมา
แต่เธอแทบไม่รู้ตัว ก่อนจะหันหลังให้กับกำแพง และค่อยๆ คลำไปทีละน้อยด้วยมือของเธอ
หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาของเธอก็สว่างขึ้น
เธอคลำไปเจอซอกขนาดใหญ่ ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นประตู
เธอช่างโชคดีจริงๆ!
เฉียวฉีมีความสุขมาก และยืนขึ้นช้าๆ ไปตามประตูบานนี้
ไม่นานนัก เธอก็สัมผัสได้ถึงลูกบิดประตูจริงๆ