วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 891 พี่ชายและน้องสาว

ราวกับเป็นร่างกายเดียวกัน แต่จิตวิญญาณกลับไม่ใช่

ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของเธอ แต่เธอก็โยนมันทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

เฉียวฉีหัวเราะ ในใจกำลังคิดว่า เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง?

พวกวัตถุนิยมที่ไม่เชื่อในพระเจ้ามาตลอด นึกไม่ถึงว่าจะมีตอนที่ต้องมานั่งสงสัยในตัวเอง?

เธอส่ายหัว ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

เสี่ยวเยว่กำลังรออยู่ด้านนอก

เมื่อเห็นเธอออกมาแล้ว ก็ถามอย่างตึงเครียดเล็กน้อย “พี่เฉียวเฉียว วันนี้พวกเราจะต้องทำอย่างไร”

เมื่อคืน เธอตกลงกับเสี่ยวเยว่แล้วว่า เธอจะหาวิธีให้พวกมันปล่อยเธอไป ส่งเธอออกไป

เฉียวฉีอดหัวเราะไม่ได้ เมื่อเห็นท่าทางกังวลของเธอ

“อย่าเป็นแบบนี้สิ เธอทำท่าทางอย่างนี้ใครเขาก็รู้หมดว่าเราจะทำอะไรลับหลัง ผ่อนคลายหน่อย ก็เหมือนปกติ แผนที่เป็นรูปธรรมฉันยังไม่มี เมื่อมีโอกาสเราจะลงมือทำเลย”

ทันทีที่เสี่ยวเยว่ได้ยินว่าเธอไม่มีแผนที่เป็นรูปธรรม เดิมทีเธอก็ยังเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่ในเวลานี้เธอพลันเหี่ยวเฉาลง

เธอถามอย่างกังวลใจว่า “มันจะ… …สำเร็จไหม?”

เฉียวฉีพูดเสียงเบาๆ “ตราบใดที่อีกฝ่ายต้องการบางสิ่งบางอย่าง เขาก็ต้องตอบรับเงื่อนไขบางอย่างของฉัน ไม่ต้องกังวล”

เธอพูดพลางเดินนำหน้าไปลิ่วแล้ว

เมื่อเสี่ยวเยว่เห็น เธอทำได้เพียงแค่เดินตาม

นี่เป็นบ้าน3ชั้น เมื่อคืนวานเฉียวฉีและเสี่ยวเยว่ถูกจัดให้อยู่ที่ชั้น2

เวลานี้เมื่อคนทั้งสองเดินออกมา ก็เป็นบันไดหินอ่อนกว้างทอดยาว ลงบันไดไปก็จะมีห้องนั่งเล่นที่สว่างและดูหรูหรา

ภายในห้องนั่งเล่น ในตอนนี้มีคนนั่งพิงโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ นั่งไขว่ขาเรียวยาว จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่ลิ่วเสิ่น

หลังจากได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็หันกลับมาและยิ้มให้เฉียวฉี “น้องสาว สวัสดีตอนเช้า”

เฉียวฉีชะงัก

ผ่านไปแค่คืนเดียว เปลี่ยนจากเฉียวเฉียวเป็นน้องสาวแล้วเหรอ?

อา! พูดจาไพเราะเร็วเสียจริง

แต่เมื่อนึกถึงแผนการ เธอไม่ได้ปฏิเสธ แต่เดินลงบันไดไป

ตรงหน้า แววตาของลิ่วเสิ่นเป็นประกายเล็กน้อย

อีกฝ่ายไม่ปฏิเสธ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้รับสัญญาณใหม่

เขาหันไปมองไปที่เสี่ยวเยว่ที่เดินตามเฉียวฉีมา แต่กลับเห็นว่าใบหน้าของเสี่ยวเยว่ไม่มีอารมณ์ปีติยินดีตกใจอะไร เขาส่ายหัวเล็กน้อย

ลิ่วเสิ่นหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วมองไปที่ดวงตาของเฉียวฉี อดไม่ได้ที่จะตรวจสอบเล็กน้อย

ผู้หญิงคนนี้ยังจะอยากเล่นแง่ไม่จริงใจกับเขา? น่าขัน

เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงยืนขึ้น แล้วพูดว่า “ในเมื่อมากันครบแล้ว ถ้าอย่างนั้นไปทานข้าวกันเถอะ”

พูดจบ ก็เดินนำไปยังห้องอาหาร

เฉียวฉีไม่ได้ปฏิเสธ

ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบใดก็ตาม ประสบการณ์หลายปีสอนให้เธอรู้ว่า เธอสามารถใช้ชีวิตโดยไม่มีใครก็ได้ แต่อยู่โดยไม่มีข้าวไม่ได้

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง จะสับสนถ้าไม่ทานข้าว ไม่ว่าเธอจะมีแผนเบื้องหลังหรือสิ่งที่เธอต้องการจะทำอีกกี่แผน เธอต้องอิ่มท้องก่อน ไว้มีแรงก่อนแล้วค่อยเริ่ม

ดังนั้น คนสองคนที่เป็นศัตรูกันอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับทานอาหารเช้ากันได้อย่างปรองดอง

ลิ่วเสิ่นมองเธอด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นเธอกินใกล้จะหมดแล้ว จึงถามว่า “น้องสาว เมื่อวานพิจารณาแล้วไหม? รู้สึกไหมว่าฉันคนนี้ก็เป็นพี่ชายที่ไม่เลวเลย”

เฉียวฉีวางตะเกียบในมือลง เงยหน้าขึ้นแล้ว มองดูเขาอย่างไร้อารมณ์

“แน่ใจนะว่าเราเป็นพี่น้องกัน?”

ลิ่วเสิ่นเลิกคิ้ว “แน่นอนอยู่แล้ว”

“เอาอะไรมามั่นใจก่อน?”

ราวกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเธอจะถามคำถามนี้ ลิ่วเสิ่นหยิบรายงานการทดสอบที่อยู่ข้างๆ แล้วยื่นให้กับเธอ

คิ้วของเฉียวฉีขยับเล็กน้อย

ยังไม่ทันได้เปิดมัน แต่ก็ต้องตกใจกับชื่อศูนย์ขององค์กรตรวจสอบบนหน้าปก

เธอรู้ว่าสถาบันนั้น เป็นสถาบันที่มีอำนาจมากในต่างประเทศ แม้แต่สายเลือดของราชวงศ์ Y ก็เคยถูกตรวจสอบ เบื้องหลังจะลึกลับซับซ้อนแค่ไหนคิดแล้วก็รู้ได้ ไม่ใช่สถานที่ที่คนอย่างลิ่วเสิ่นจะสามารถเล่นแง่ได้อย่างแน่นอน

ดังนั้นรายงานผลการตรวจสอบจากที่นี่ จึงมีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง

เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ยื่นมือออกไปรับผลการตรวจสอบ

เพียงแค่ตัวหนังสือขาวดำโผล่ออกมาจากข้างบนให้เห็น ผลจากการตรวจสอบDNA เธอและลิ่วเสิ่นเป็นพี่น้องกันจริงๆ

ไม่พูดไม่ได้ว่า แม้เธอจะคิดไว้นานแล้วว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดอาจจะเป็นความจริง แต่ในเวลานี้ ภายในใจของเฉียวฉีก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ

เธอเงยหน้าขึ้นมองไปยังชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม แต่กลับเห็นอีกฝ่ายมองมาที่เธอด้วยรอยยิ้ม บนใบหน้าไม่มีความผิดปกติเลยสักนิด

เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และพูดว่า “เอาล่ะ ในเมื่อสิ่งที่คุณพูดเป็นความจริง พวกเราคือพี่น้องกัน แต่เวลาผ่านไปหลายปีแล้ว ทำไมไม่ตามหาฉันก่อนหน้านี้ละ สายไปไหม ทำไมถึงมาหาฉันเอาตอนนี้?”

“อย่าบอกนะว่าตอนนี้คุณเพิ่งจะมารู้ฐานะของฉัน ฉันไม่เชื่อ อย่างไรก็มีพวกสวี่ฉางเปยอยู่ ถ้าคุณอยากรู้ข้อมูลฉัน มันก็ไม่น่าจะยาก”

เธอพูดพร้อมมองหน้าเขา

คิ้วของลิ่วเสิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขาต้องยอมรับเลยว่า เฉียวฉีหลอกยากกว่าที่เขาคิด

แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เขายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ผมยอมรับ อันที่จริงเมื่อนานมาแล้ว ฉันได้พบความผิดปกติในฐานะของคุณ แต่ตอนนั้นผมเพียงแค่สงสัย และไม่มีหลักฐานที่ครบถ้วนสมบูรณ์”

“คุณก็รู้ เวลานั้นคุณถูกกู้ซือเฉียนจับเข้าคุก ข้างในมีคนของเขาคอยดูแล ผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะเข้าไปแทรกแซง”

“ในตอนนั้น ผมยังเคยคิดจะช่วยเธออย่างสุดความสามารถ แต่ผมก็กังวลว่าการทำเช่นนั่น จะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันอีกครั้ง นอกจากนี้ ตอนนั้นผมไม่ใช่หัวหน้า ดังนั้นผมไม่สามารถเป็นศัตรูกับกู้ซือเฉียนได้ เลยไม่ได้ลงมือ แต่ผมแอบส่งคนไปเก็บตัวอย่างเลือดของคุณ และทำการระบุตัวตนนี้”

“เมื่อผลตรวจออกมา คุณก็ออกจากคุกแล้ว ดังนั้นผมเลยไม่ได้ทำอะไรมากมาย”

“เดิมที ผมคิดว่าอยากจะมาทำความรู้จักคุณโดยตรง แต่ผมพบว่าคุณไปหากู้ซือเฉียน ผมเข้าใจว่าคุณน่าจะรู้ความจริงเมื่อ4ปีก่อนแล้ว”

“ผมไม่กล้ามาหาคุณ เพราะจากสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับคุณ ผมรู้ว่าคุณไม่สามารถยกโทษให้ผมได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้”

“ดังนั้นฉันจึงมองหาการประนีประนอม โดยคิดว่าจะหาโอกาสที่จะได้พบเจอเป็นการส่วนตัว ภายหลังคนของผมพบว่าคุณเกิดเรื่องตกลงไปในน้ำ ก็เลยช่วยคุณขึ้นมา”

“เดิมทีผมต้องการให้พวกเขาพาคุณกลับมา ในเมื่อคนที่ชื่อกู้ซือเฉียนปกป้องคุณไม่ได้ ถ้าอย่างั้นให้ผมปกป้องคุณด้วยตัวเอง แม้ว่าคุณจะเข้าใจผิด ผมก็ไม่รีรอที่จะทำมัน”

“แต่เรื่องภายหลังคุณก็รู้นี่ เขาปรากฏตัวมาพาคุณกลับไปด้วยตัวเอง ผมไตร่ตรองดูแล้วว่าบาดแผลบนร่างกายของคุณนั่นทรมานมาก ดังนั้นผมเลยยอมรับแต่โดยดี”

“แต่ว่าเฉียวเฉียว นี่มันไม่ได้หมายความว่าผมทอดทิ้งคุณนะ หลายปีมานี่ ผมตามหาคุณมาโดยตลอด ผมไม่สามารถทอดทิ้งคุณได้ พวกเราเป็นญาติพี่น้องที่มีกันและกันเพียงหนึ่งเดียวบนโลก เราควรเป็นคู่ที่เกื้อหนุนและดูแลกันและกัน ไม่ใช่ใครอื่นเลย”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset