เยว่หลิงยิ้มจาง ๆ
“แน่นอน คุณไม่เจออะไรหรอก เพราะแท้จริงแล้วในตัวมันเองก็เป็นน้ำมันหอมระเหย”
“น้ำเปลี่ยนจิตจะไม่แสดงผลอะไร เมื่อไม่มีคนที่เจาะจงทำการเคลื่อนไหวที่เจาะจง ยิ่งไปกว่านั่น ขวดที่ฉันให้คุณเอาไปตรวจสอบตอนแรก มันก็เป็นแค่น้ำมันหอมระเหยธรรมดา และไม่ใช่ขวดก่อนหน้าที่ฉันให้คุณใช้”
เฉียวฉีตกใจมาก
เธอเพิ่งจะมาค้นพบว่า ตอนแรกตัวเองไว้ใจเสี่ยวเยว่ไปมาก
ถึงแม้เธอจะสงสัยเสี่ยวเยว่ แต่กลับตรวจสอบอย่างสะเพร่า พอเห็นว่าไม่มีอะไรก็ไว้ใจเธอมาก
อีกฝ่ายใช้ความไว้ใจ มาฆ่าเธออย่างเงียบๆ
ดวงตาของเฉียวฉีเย็นชาลง แต่เยว่หลิงกลับไม่สนใจ
เธอนั่งอยู่ที่นั่นอย่างไร้คำพูด ไม่ว่าคำพูดหรือการกระทำของเธอ แม้แต่บรรยากาศรอบตัวที่ไม่แยแสของเธอ ทุกอย่างแตกต่างจากตอนที่อยู่ในปราสาทอย่างโดยสิ้นเชิง
เธอมองไปที่เฉียวฉี และยกขนมปังที่ยังกินไม่เสร็จในมือของเธอ
“ยังกินอยู่ไหม?”
เฉียวฉีไม่ได้พูด
เยว่หลิงยิ้ม
“เธออย่าโกรธฉัน ฉันบอกไปแล้ว ฉันเป็นแค่คนที่ทำตามคำสั่ง และถึงแม้จะโกรธ เธอก็ควรทำให้ตัวเองอิ่มท้องก่อนนะ ฉันว่าเหตุผลข้อนี้เธอรู้ดีกว่าฉัน”
เฉียวฉีจ้องมองเธออย่างเย็นชา และหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็พูดเสียงขรึมว่า “เอามานี่”
เยว่หลิงหยิบขนมปัง และบิให้เธอต่อไปทีละน้อย
แม้ว่าท่าทางของการให้อาหารด้วยวิธีนี้ จะดูน่าขายหน้าเล็กน้อย เฉียวฉีไม่ได้ขอให้เธอปล่อยมือ
เธอรู้ดี ว่าต่อให้เธอจะขอร้อง คนพวกนี้ก็ไม่เห็นด้วยหรอก
อย่างไรเสีย ทักษะฝีมือของตัวเองเป็นอย่างไร ใจเธอก็รู้สภาพดี คนพวกนี้ก็ต้องรู้ด้วย
เยว่หลิงยิ้มจาง ๆ
“แน่นอน คุณไม่เจออะไรหรอก เพราะแท้จริงแล้วในตัวมันเองก็เป็นน้ำมันหอมระเหย”
“น้ำเปลี่ยนจิตจะไม่แสดงผลอะไร เมื่อไม่มีคนที่เจาะจงทำการเคลื่อนไหวที่เจาะจง ยิ่งไปกว่านั่น ขวดที่ฉันให้คุณเอาไปตรวจสอบตอนแรก มันก็เป็นแค่น้ำมันหอมระเหยธรรมดา และไม่ใช่ขวดก่อนหน้าที่ฉันให้คุณใช้”
เฉียวฉีตกใจมาก
เธอเพิ่งจะมาค้นพบว่า ตอนแรกตัวเองไว้ใจเสี่ยวเยว่ไปมาก
ถึงแม้เธอจะสงสัยเสี่ยวเยว่ แต่กลับตรวจสอบอย่างสะเพร่า พอเห็นว่าไม่มีอะไรก็ไว้ใจเธอมาก
อีกฝ่ายใช้ความไว้ใจ มาฆ่าเธออย่างเงียบๆ
ดวงตาของเฉียวฉีเย็นชาลง แต่เยว่หลิงกลับไม่สนใจ
เธอนั่งอยู่ที่นั่นอย่างไร้คำพูด ไม่ว่าคำพูดหรือการกระทำของเธอ แม้แต่บรรยากาศรอบตัวที่ไม่แยแสของเธอ ทุกอย่างแตกต่างจากตอนที่อยู่ในปราสาทอย่างโดยสิ้นเชิง
เธอมองไปที่เฉียวฉี และยกขนมปังที่ยังกินไม่เสร็จในมือของเธอ
“ยังกินอยู่ไหม?”
เฉียวฉีไม่ได้พูด
เยว่หลิงยิ้ม
“เธออย่าโกรธฉัน ฉันบอกไปแล้ว ฉันเป็นแค่คนที่ทำตามคำสั่ง และถึงแม้จะโกรธ เธอก็ควรทำให้ตัวเองอิ่มท้องก่อนนะ ฉันว่าเหตุผลข้อนี้เธอรู้ดีกว่าฉัน”
เฉียวฉีจ้องมองเธออย่างเย็นชา และหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็พูดเสียงขรึมว่า “เอามานี่”
เยว่หลิงหยิบขนมปัง และบิให้เธอต่อไปทีละน้อย
แม้ว่าท่าทางของการให้อาหารด้วยวิธีนี้ จะดูน่าขายหน้าเล็กน้อย เฉียวฉีไม่ได้ขอให้เธอปล่อยมือ
เธอรู้ดี ว่าต่อให้เธอจะขอร้อง คนพวกนี้ก็ไม่เห็นด้วยหรอก
อย่างไรเสีย ทักษะฝีมือของตัวเองเป็นอย่างไร ใจเธอก็รู้สภาพดี คนพวกนี้ก็ต้องรู้ด้วย
“ไม่มีอะไร แค่เจอแมวตัวหนึ่ง”
คนขับไม่เหลียวหลังกลับมามอง เพียงตอบอย่างแผ่วเบา
เมื่อได้ยิน เยว่หลิงก็มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวังอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จึงค่อยนั่งลงอย่างสบายใจ
รถยังคงขับต่อไป
บนทางหลวงที่กว้างขวาง รถยนต์ที่วิ่งก็ค่อยๆหาได้ยาก และเห็นได้ว่ารถกำลังขับไปในเส้นทางที่ห่างไกลมากขึ้น
แสงที่ลอดผ่านเข้ามาในรถค่อยๆมืดลง ทำให้เฉียวฉีรู้ว่าใกล้จะค่ำแล้ว และอีกไม่นานก็คงจะเป็นเวลากลางคืน
เธอเหลือบมองเยว่หลิงและถามว่า “ฉันสงสัยมาตลอด ทำไมเธอถึงพยายามจับฉันขนาดนั้น?”
เยว่หลิงชะงัก
เธอเม้มปากและส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เธอพูดพลาง หัวเราะกับตัวเอง
“บอกตามตรงนะ เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าพวกเขาต้องการจะฆ่าคุณ ฉันจึงดิ้นรนอยู่นานว่าจะทำหรือไม่ทำ”
“แต่ภายหลังพวกเขากลับให้ฉันพาคุณออกมา ดังนั้นตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการทำอะไรกับคุณ”
เฉียวฉีหัวเราะอย่างเย็นชา
พัวพัน? ทำไมต้องพัวพัน?
เธอจับรูโหว่ที่เยว่หลิงบังเอิญพูดออกมาได้อย่างแม่นยำ และอีกฝ่ายก็หยุดนิ่งไปในทันใด
เยว่หลิงยิ้มจาง ๆ
“แน่นอน คุณไม่เจออะไรหรอก เพราะแท้จริงแล้วในตัวมันเองก็เป็นน้ำมันหอมระเหย”
“น้ำเปลี่ยนจิตจะไม่แสดงผลอะไร เมื่อไม่มีคนที่เจาะจงทำการเคลื่อนไหวที่เจาะจง ยิ่งไปกว่านั่น ขวดที่ฉันให้คุณเอาไปตรวจสอบตอนแรก มันก็เป็นแค่น้ำมันหอมระเหยธรรมดา และไม่ใช่ขวดก่อนหน้าที่ฉันให้คุณใช้”
เฉียวฉีตกใจมาก
เธอเพิ่งจะมาค้นพบว่า ตอนแรกตัวเองไว้ใจเสี่ยวเยว่ไปมาก
ถึงแม้เธอจะสงสัยเสี่ยวเยว่ แต่กลับตรวจสอบอย่างสะเพร่า พอเห็นว่าไม่มีอะไรก็ไว้ใจเธอมาก
อีกฝ่ายใช้ความไว้ใจ มาฆ่าเธออย่างเงียบๆ
ดวงตาของเฉียวฉีเย็นชาลง แต่เยว่หลิงกลับไม่สนใจ
เธอนั่งอยู่ที่นั่นอย่างไร้คำพูด ไม่ว่าคำพูดหรือการกระทำของเธอ แม้แต่บรรยากาศรอบตัวที่ไม่แยแสของเธอ ทุกอย่างแตกต่างจากตอนที่อยู่ในปราสาทอย่างโดยสิ้นเชิง
เธอมองไปที่เฉียวฉี และยกขนมปังที่ยังกินไม่เสร็จในมือของเธอ
“ยังกินอยู่ไหม?”
เฉียวฉีไม่ได้พูด
เยว่หลิงยิ้ม
“เธออย่าโกรธฉัน ฉันบอกไปแล้ว ฉันเป็นแค่คนที่ทำตามคำสั่ง และถึงแม้จะโกรธ เธอก็ควรทำให้ตัวเองอิ่มท้องก่อนนะ ฉันว่าเหตุผลข้อนี้เธอรู้ดีกว่าฉัน”
เฉียวฉีจ้องมองเธออย่างเย็นชา และหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็พูดเสียงขรึมว่า “เอามานี่”
เยว่หลิงหยิบขนมปัง และบิให้เธอต่อไปทีละน้อย
แม้ว่าท่าทางของการให้อาหารด้วยวิธีนี้ จะดูน่าขายหน้าเล็กน้อย เฉียวฉีไม่ได้ขอให้เธอปล่อยมือ
เธอรู้ดี ว่าต่อให้เธอจะขอร้อง คนพวกนี้ก็ไม่เห็นด้วยหรอก
อย่างไรเสีย ทักษะฝีมือของตัวเองเป็นอย่างไร ใจเธอก็รู้สภาพดี คนพวกนี้ก็ต้องรู้ด้วย