เขากอดเธอแน่น และพูดเสียงเข้ม “เด็กโง่”
จิ่งหนิงยื่นมือออกมา โอบรอบเอวของเขา และกอดแน่น
ในเมื่อทั้งสองได้ทำการตัดสินใจ จะไม่มีคำว่าล่าช้าอีก
ยิ่งไปกว่านั้น กู้ซือเฉียนไม่ได้ให้เวลาพวกเขาได้ล่าช้านัก
ดังนั้น เมื่อตัดสินใจคืนนี้แล้ว เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ก็รีบนั่งเครื่องไปยังเมืองH ทันที
เมืองH เป็นฐานที่มั่นใหญ่ของกู้ซือเฉียน
สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่สายน้ำสามเหลี่ยมทองคำ เป็นสถานที่ที่ไม่มีองค์กรใด หรือหน่วยงานใดมาแทรกแซง
ด้วยเหตุนี้เอง เลยกลายมาเป็นเป็นฐานที่มั่นของกู้ซือเฉียน
เมื่อทั้งสองมาถึงเมืองH ก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงพอดี
แสงแดดที่แผดเผาในฤดูร้อน ทำให้อบอ้าวจนเหงื่อโชก
ทันทีที่ลงจากเครื่องบิน พวกเขาเห็นชายชุดดำสองสามคนยืนอยู่ข้างหน้าไม่ไกล
เมื่อเห็นพวกเขา กลุ่มคนพวกนั้นก็เดินมาทางนี้ทันที
“ขอประทานอภัยครับ คุณทั้สองใช่คุณลู่และคุณนายลู่ไหมครับ?”
ทั้งสองพยักหน้า
พวกเขารีบก้มตัวลง และแสดงความเคารพทันที
ในเมื่อทั้งสองมาถึงที่นี่แล้ว พวกเขาไม่กลัวว่ากู้ซือเฉียนจะเล่นตุกติก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะเดินตามพวกเขาไปอย่างใจกล้า
ครั้งนี้ โม่หนานก็ตามพวกเขาสองคนมาด้วย
แต่เฉิงมู่ถูกลู่จิ่งเซินทิ้งไว้ที่บ้านเพื่อช่วยเขาจัดการกับกิจการของบริษัท
อย่างไรเขาก็เป็นปัญญาชนคนหนึ่ง มาที่นี่ด้วยก็แก้ปัญหาไม่ได้อยู่ดี
พวกเขาเดินไปได้ไม่นาน ก็เห็นรถแถวหนึ่งจอดอยู่ข้างถนน
ลู่จิ่งเซินและจิ่งหนิงขึ้นรถภายใต้การดูแลจากคนของกู้ซือเฉียน รถก็ขับตรงไปยังจุดหมายปลายทาง
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง รถก็ได้แล่นเข้าสู่ปราสาทที่หรูหราและสง่างาม
นี่เป็นครั้งแรกที่จิ่งหนิงมาที่นี่ แม้ว่าเธอกับกู้ซือเฉียนจะรู้จักกันมาเป็นเวลานาน แต่เมื่อก่อน กู้ซือเฉียนมักจะปรากฏมาในฐานะลูกพี่ใหญ่ของกลุ่มมังกร ดังนั้นสถานที่ที่พบเห็น จึงเป็นสำนักงานใหญ่ของกลุ่มมังกร ไม่พามาที่นี่
หลังจากเข้ามาแล้ว รถก็จอดอยู่บ้านอันโอ่อ่า
เมื่อทั้งสองลงมาจากรถ และเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นกู้ซือเฉียนยืนอยู่ตรงหน้าประตู
“ยินดีต้อนรับสู่ปราสาทตระกูลกู้”
เขายิ้มเล็กน้อย บนหายสวมชุดสูทสีดำ เขาดูหล่อเหลา สง่างามอย่างหาที่สุดไม่ได้
ถ้าหากขจัดเอารอยคล้ำใต้สองตานั่นออกนะ
ลู่จิ่งเซินเม้นริมฝีปากเล็กน้อย แม้ว่าทั้งสองจะเคยเป็นคู่แข่งกันมาก่อน แต่เมื่อได้เจอกันในวันนี้ มันช่างดูเข้ากันอย่างน่าประหลาด
เดินขึ้นไปจับมือกับเขา กู้ซือเฉียนยื่นมือออกมา ก่อนจะนำทั้งสองเข้าสู่ห้องนั่งเล่น
มีเพียงคนรับใช้เข้ามาเสริฟ์น้ำชาด้วยความเคารพ
จิ่งหนิงเหลือบมองไปรอบๆ แล้วหัวเราะ “ดูไม่ออกเลย ที่แท้แล้วนายยังมีซ่องโจรอยู่อีก รู้นานแล้วว่าตอนแรกก็ควรจะนำคนมาอยู่ที่นี่ จะได้ไม่โดนนายคำนวณอีก”
กู้ซือเฉียนมองมายังเธอ และพูดเสียงเบา “นี่คือที่ ที่แม่ทิ้งไว้ให้ฉัน”
จิ่งหนิงชะงัก
เธอไม่รู้เรื่องราวชีวิตของกู้ซือเฉียนมาก่อน ภายหลังเธอก็รู้ว่ากู้ซือเฉียนเป็นลูกนอกสมรสของตระกูลกู้
เธอเห็นใจเรื่องราวในชีวิตของเขา
แต่นี่ก็อีกเรื่องหนึ่ง ถึงตอนนี้แล้ว เธอไม่อาจเห็นอกเห็นใจเขาได้อีก
แล้วก็ ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ต้องการความเห็นใจ
ดังนั้น เธอจึงเดินไปที่โซฟา ก่อนจะนั่งลงและพูดอย่างตรงไปตรงมา “พูดมาเถอะ คราวนี้ที่เรียกพวกเรามา จะพูดเรื่องอะไรกันแน่? ความร่วมมือที่คุณว่า คุณกำลังหมายถึงอะไร?”
กู้ซือเฉียนไม่แปลกใจสักนิดเลยที่เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา
เขาไม่พูดอ้อมค้อมกับอีกต่อไป “พวกนายรอก่อนสิ”
เขาพูดพลาง เดินลงมาจากชั้นบน ไม่นานนักก็ถึงด้านล่าง คราวนี้ในมือมีเอกสารเป็นปึกถือมาด้วย
“พวกนายดูนี่กันก่อนสิ”
พูดพลาง ส่งข้อมูลให้พวกเขาดู
ลู่จิ่งเซินและจิ่งหนิงมองดู
กลับพบว่า นั่นคือปึกข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นหยก
เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและถามว่า “นี่คืออะไร?”
กู้ซือเฉียนพูดเสียงขรึม “นี่คือแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์”
สีหน้าของจิ่งหนิงเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอไม่สนใจข่าวอะไรอีกเลย โฟกัสก็แต่ธุรกิจของตัวเอง ชื่อของแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ เธอเคยได้ยินมาก่อน
นั่นมันเป็นสมบัติล้ำค่าที่ทำให้เป็นอมตะ ตายแล้วฟื้นตามตำนานใช่ไหม?
แน่นอน เรื่องเล่านี่ จิ่งหนิงไม่เชื่อ
ในสายตาเธอ ในโลกนี้ไม่มีคำว่าอมตะ
ดังนั้นเมื่อมีข่าวลือออกมา เธอก็แค่ให้ความสนใจกับมันในตอนแรก แล้วจัดประเภทให้โดยอัตโนมัติว่าเป็นเรื่องหลอกลวงและไม่ใส่ใจอีก
ไม่คิดเลยว่า ผ่านไปหลายปี กู้ซือเฉียนจะพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง
สีหน้าของลู่จิ่งเซินเย็นช้า เขามองกองข้อมูลนั่น ก่อนจะพูด “คราวนี้ที่เรียกเรามา ก็เพราะเรื่องนี้เหรอ?”
กู้ซือเฉียนพูดอย่างเคร่งขรึม “อันที่จริง สาเหตุที่กลุ่มมังกรประสบอุบัติเหตุก็เพราะแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์”
ดังนั้น เขาจึงติดตามการต่อสู้ที่กลุ่มหงส์แดงของกลุ่มมังกรเมื่อสี่ปีก่อน และได้พูดคุยกับจิ่งหนิงและลู่จิ่งเซิน
หลังจากพูดจบ เขาก็พูดเสียงเข้มอีกว่า “ในปีนั้น กลุ่มชาวจีนจะใช้สิ่งนี้เพื่อยั่วยุให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความขัดแย้งกัน และพวกเขาจะนั่งเก็บโกยผลประโยชน์ ตอนนั้นฉันคิดมาตลอดว่า นี่เป็นผลลัพธ์จากแผนของพวกเขา”
“แต่หลังจากผ่านไปนานแล้ว ฉันเพิ่งได้รู้ว่า หลายคนในกลุ่มหงส์แดงและกลุ่มมังกรของเรา เดิมทีแล้วเป็นคนของกลุ่มชาวจีน”
“พวกเขาเปลี่ยนชื่อแซ่ ปิดบังตัวตนของตัวเอง แฝงตัวอยู่ในองค์กรต่างๆ เพื่อหาโอกาสที่จะกระตุ้นความไม่สงบ จากนั้นคือทำลายพวกเขาทีละคน”
“ตอนนี้นอกจากตระกูลจื่อจิน ก็มีเพียงกลุ่มชาวจีนที่มีอำนาจใหญ่ที่สุด เหตุผลที่จิ่งหนิงเกิดเรื่องครั้งล่าสุด ฉันได้ตรวจสอบข้อมูลของนักฆ่าแล้ว มันมาจากกลุ่มชาวจีน”
ดวงตาของจิ่งหนิงบีบรัด
ใบหน้าพลันก็เย็นชาขึ้นมาทันใด
“นายกำลังพูดอะไร? พวกเขาก็เป็นคนของกลุ่มชาวจีน?”
กู้ซือเฉียนพยักหน้า
“แต่ทำไมละ? ฉันไม่มีความแค้นอะไรกับพวกเขานี่?”
กู้ซือเฉียนหัวเราะเยาะ
“ไม่จำเป็นต้องมีความแค้นอะไรหรอก แค่เธอขวางทางพวกมัน พวกมันก็มีเหตุผลให้ฆ่าเธอแล้ว”
เขาพูด ก่อนจะหยุดไป
“เมื่อเร็วๆ นี้พวกมันได้ขยายเป้าหมายไปยังในประเทศ และหากพวกเขาต้องการรวมกำลังในประเทศละก็ สิ่งกีดขวางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่ฉัน แต่เป็นตระกูลลู่ เมื่อคิดอย่างนี้ เธอก็น่าจะรู้นะว่าทำไมมันถึงเพ็งเล่งที่เธอ”
สีหน้าของจิ่งหนิงเปลี่ยนไป
หลายสิ่งหลายอย่างที่เธอไม่เคยคิดมาก่อน ก็พลันสามารถเข้าใจได้ในทันที
เธอพูดเสียงขรึม “ดังนั้นที่นายโทรหาเราคราวนี้ ก็เพื่อให้พวกเราช่วยต่อกรกับพวกมันใช่ไหม?”
กู้ซือเฉียนพยักหน้า
ทันทีหลังจากนั้น เขาก็บอกพวกเขาเกี่ยวกับการหายตัวไปของเฉียวฉี
“ตอนนี้เฉียวฉียังคงอยู่ในกำมือของพวกมัน ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าพวกมันจับตัวเฉียวฉีไปเพราะอะไร แต่โดยประมาณแล้วจุดประสงค์ก็เหมือนกับการลอบฆ่าจิ่งหนิง ดังนั้นฉันก็เรียกพวกนายมา เพื่อคิดหาวิธีตอบโต้ และร่วมมือกันหยุดแผนของพวกมัน”
จิ่งหนิงและลู่จิ่งเซินเงียบไปครู่หนึ่ง