เขารับผ้าขนหนูที่คนรับใช้ข้างๆส่งมาให้ เช็ดมือ แล้วเดินเข้ากล่าวว่า“คิดดีแล้วหรือ?”
ทั้งสองพยักหน้า
กู้ซือเฉียนจ้องมองจิ่งหนิงแวบหนึ่ง แล้วยิ้ม“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปคุยกันในห้องประชุม ”
ทั้งสามจึงเดินไปทางห้องประชุม
ค่ำคืนนี้ ทั้งสามคุยกันถึงดึกมาก
คนข้างนอกไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน รู้เพียงว่า ตอนที่รอพวกเขาออกมาอีกครั้ง ขอบฟ้าเริ่มสว่างขึ้น เป็นเช้าของวันรุ่งขึ้นแล้ว
เวลานี้ คฤหาสน์ที่สวยงามห่างออกไปหลายพันไมล์แห่งหนึ่ง
ชายหนุ่มก้มหน้าอย่างเคารพ รายงานต่อชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หวายว่า“เมื่อวานลู่จิ่งเซินกับภรรยาไปเมืองH พูดคุยกับกู้ซือเฉียนทั้งคืน มีข่าวลือว่าทั้งสองจะร่วมมือกันจัดการกับกลุ่มชาวจีน”
ชายหนุ่มหลับตา เอนกายอยู่ตรงนั้น แสงแดดอบอุ่นยามเช้าสาดส่องไปบนใบหน้าและร่างกายของเขา ทั้งๆที่รูปลักษณ์ดูสูงส่ง แต่มองจากมุมมองของคนภายนอก ปรากฏว่ารู้สึกเต็มไปด้วยความเย็นชา
เขากล่าวเสียงเรียบว่า“ได้ข่าวไหมว่าจะลงมือเมื่อไหร่?”
ลูกน้องคนนั้นส่ายหัว
“ยังไม่รู้”
เงียบไปชั่วขณะ
เขาหัวเราะขึ้นมาทันที โบกไม้โบกมือ“ไปสืบมาอีก”
คนคนนั้นก็ไม่รู้ว่าเสียงหัวเราะของเขานั้นหมายถึงอะไร มองดูเขาแวบหนึ่งอย่างรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็ถอยออกไปอย่างเชื่อฟัง
หลังจากรอเขาจากไปแล้ว ชายหนุ่มที่เอนกายอยู่บนเก้าอี้ก็ลืมตาขึ้น
เขาลุกขึ้นนั่ง หยิบกล่องอาหารปลาข้างๆมา เอาออกเล็กน้อยแล้วหว่านไปในบ่อตรงหน้า
ทันใดนั้น กลุ่มปลาสีแดง สีเหลือง สีดำ และสีขาวในบ่อก็ล้อมเข้ามา
เขามองดูปลาพวกนั้นแย่งอาหารกันแล้ว หัวเราะ และกล่าวเสียงเคร่งขรึมว่า“ได้ใส่เหยื่อลงไปแล้ว พวกเขาจะเหมือนกับพวกคุณ จะติดเบ็ดอย่างว่าง่ายๆเช่นนั้นไหม?”
ในสวนที่ว่างเปล่า ไม่มีใครพูดอะไร
เสียงที่ตอบเขา มีเพียงเสียงตอนที่ปลาแย่งอาหารกันเท่านั้น
เขานำอาหารปลายกำสุดท้ายลงไปในน้ำ จากนั้นก็ลุกขึ้น
ขณะที่กำลังเดินเข้าไปข้างใน ไม่รู้ว่าคนรับใช้คนหนึ่งโผล่ออกมาจากตรงไหน โน้มตัวกล่าวกับเขาด้วยความนอบน้อมว่า
“คุณชาย จะกลับไปพักผ่อนในห้องหรือ?”
ชายหนุ่มโบกมือ
“ไม่แล้ว ไปห้องสงบ”
ห้องสงบ ที่จริงเป็นห้องที่ถูกแยกตัวออกมา เป็นห้องที่เงียบสงบอย่างแน่นอน
ผนังและกระจกของห้องนี้ ล้วนใช้วัสดุเก็บเสียงชั้นดี
คนที่อยู่ในห้องนี้ นอกจากเสียงที่เกิดจากภายในห้องนั้น ก็จะไม่ได้ยินเสียงใดๆที่มาจากภายนอกแม้แต่น้อย
เวลานี้ กลางห้อง มีเตียงสีขาวบริสุทธิ์ตัวหนึ่งวางไว้
บนเตียงมีหญิงสาวร่างกายผอมบางคนหนึ่งนอนอยู่ เส้นผมประบ่าเริ่มยุ่งเหยิง มีความงดงามในความยุ่งเหยิงและเสื่อมโทรม
ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้น มองดูเธออย่างเงียบๆ
คุณหมอสวมเสื้อกาวน์สีขาวเดินเข้ามา มองดูเขา แล้วสีหน้าตกใจ รีบเร่งก้าวเท้าเดินเข้ามา
โน้มตัวลงเล็กน้อย แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า“คุณผู้ชาย มีอะไรรับสั่งหรือ?”
ชายหนุ่มมองดูหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างใน แล้วถามว่า”เรื่องที่ให้คุณทำก่อนหน้านั้น ไปถึงไหนแล้ว?”
หมอตอบว่า“ทุกอย่างราบรื่นมาก อย่างมากผ่านไปอีกครึ่งเดือน เธอก็จะกลายเป็นแบบที่คุณต้องการ ”
ชายหนุ่มพยักหน้า
เขากล่าวเสียงเคร่งขรึม“หลังจากทำเสร็จแล้ว ก็ส่งคนกลับไปเถอะ”
คุณหมอรีบรับคำ“ครับ”
ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าหล่อเหลาที่เปล่งแสงภายใต้แสงอาทิตย์ทอประกายอบอุ่นเล็กน้อย ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย
“ครึ่งเดือน ทางนั้นก็น่าจะจบลงแล้ว เหอะ……..เมื่อถึงเวลานั้นพวกคุณรู้ว่าควรจะทำอย่างไร ”
คุณหมอกล่าวว่า“พวกเราเข้าใจ คุณผู้ชายวางใจได้”
ชายหนุ่มยืนต่อครู่หนึ่ง แล้วถึงจากไป
……
ช่วงนี้ อำนาจของกลุ่มชาวจีนถูกโจมตีจากหลายทิศทาง
กลุ่มมังกร ตระกูลลู่ รวมถึงตระกูลจิ้นที่ไปเติบโตอยู่ที่ประเทศFตลอดมา และอีกหลายคนที่พึ่งพาอาศัยอำนาจของตระกูลเหล่านี้ ต่างก็หลั่งไหลกันเข้ามา
พวกเขารู้ว่าตัวเองไปแหย่รังแตนแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรงเช่นนี้
ภายใต้การต่อสู้ที่รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นจากการค้าหรือกองทัพใต้ดิน ล้วนสูญเสียอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ากู้ซือเฉียนจะบีบบังคับอย่างไร คนเหล่านั้นก็ยังคงยืนยัน ว่าเฉียวฉีไม่ได้อยู่ในมือของพวกเขาแล้ว
กู้ซือเฉียนโกรธจัด ภายใต้ความโกรธก็จะยกพวกหลายสิบคน ราวกับเสือที่ตกอยู่ในอารมณ์โกรธ โจมตีกลุ่มชาวจีนจนถอยร่นไป และไม่สามารถจะต้านทานได้อีก
อย่างไรก็ตาม มีคำกล่าวไว้ได้ดีมาก ว่าอูฐที่ผอมตายขนาดใหญ่กว่าม้า แม้ว่าวันนี้กลุ่มชาวจีนจะถูกโจมตีจนเป็นแผลไปทั้งตัว ในความเป็นจริงยังคงจะดูแคลนไม่ได้
และเพื่อป้องกันพวกเขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายขึ้นมาสู้ เพื่อให้รู้แพ้หรือชนะ จนสุดท้ายทำให้มัจฉาตายตาข่ายขาด ใครก็ไม่ได้ประโยชน์ใดๆเลย
ดังนั้น เมื่อถึงสุดท้าย เมื่อกลุ่มชาวจีนมาขอคืนดี ลู่จิ่งเซินยังคงตัดสินใจ ให้ทั้งสองฝ่ายยุติสงครามชั่วคราว เพื่อเจรจากันก่อนหนึ่งครั้ง
วันเจรจากำหนดไว้เป็นวันรุ่งขึ้น
ค่ำคืนนี้ เขาเพิ่งจะทานข้าวกับจิ่งหนิงเสร็จ เดินออกมา ก็เห็นกู้ซือเฉียนกำลังดื่มเหล้าอยู่ในลานบ้านพอดี
ข้างหลังปราสาทมีสวนดอกไม้ผืนใหญ่ ในสวนดอกไม้มีเก้าอี้หลายตัว และยังมีดอกไม้ใบหญ้าแปลกๆเล็กน้อย
เวลานี้ กู้ซือเฉียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ขาข้างหนึ่งงอครึ่งหนึ่ง อีกข้างพาดยาวไปบนเก้าอี้ เงยหน้ามองดูพระจันทร์บนท้องฟ้า พร้อมกับเอาเหล้าเข้าปากตัวเอง
ลู่จิ่งเซินหยุดเดินไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เดินเข้าไป
“การเจรจาในวันพรุ่งนี้ คิดเงื่อนไขไว้หรือยัง?”
เขานั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ข้างๆ แล้วถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
กู้ซือเฉียนไม่ได้มองเขา แต่หยิบเบียร์บนพื้นขึ้นมาหนึ่งขวด แล้วยื่นไป
ลู่จิ่งเซินยื่นมือรับมา มองดูเหล้า แล้วขมวดคิ้ว
กู้ซือเฉียนกล่าวเสียงเย็นชา“ทำไม?รังเกียจเหล้าของผมไม่ดีหรือ?”
เหล้าไม่ดีย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไร เป็นเหล้าที่กู้ซือเฉียนเก็บสะสมไว้ ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหน จะต้องดีที่สุดอย่างแน่นอน
แต่ว่าหลังจากที่ลู่จิ่งเซินเกิดจิ้งเจ๋อน้อยแล้ว ก็ตัดสินใจว่าต่อไปจะพยายามไม่ดื่มเหล้า
อย่างไรก็ตาม เป็นพ่อคนแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนอยากจะเป็นแบบอย่างให้ลูก แม้ว่าตอนนี้ลูกไม่ได้อยู่ข้างกาย แต่ว่า นิสัยนั้นได้ติดตัวมาแล้ว
แต่ว่า เวลานี้ เขามองไปที่ใบหน้ากู้ซือเฉียนที่ไร้ความรู้สึกใดๆ ในที่สุดก็เปิดออก แล้วชนแก้วกับเขา จากนั้นจึงดื่มไปหนึ่งคำ
เหล้าแรงกว่าเบียร์ทั่วไปมาก เขาดื่มไปหนึ่งคำ จึงกล่าวถามว่า“พวกเขาไม่ยอมรับว่าเฉียวฉีอยู่ในมือพวกเขา หรือว่าคนได้ถูกคนอื่นแย่งไปแล้วจริงๆ คุณถามจะเอาคนกับพวกเขาอย่างเดียว เกรงว่าจะไม่ใช่แผนการที่ดี”
กู้ซือเฉียนหัวเราะ
และดื่มไปหนึ่งคำใหญ่ แล้วกล่าวเสียงเคร่งขรึมว่า“ดังนั้น ผมควรจะปล่อยพวกเขาไปหรือ?คนที่ทำให้อะเฉียวตกอยู่ในอันตราย จะให้ฉันปล่อยไปฟรีๆแบบนี้หรือ?”
ลู่จิ่งเซินยิ้มเรียบๆ
“ครั้งนี้พวกเขาสูญเสียไม่น้อย”
“เชอะ!”
กู้ซือเฉียนหันหน้ามองไปทางเขา แล้วกล่าวว่า“ลู่จิ่งเซิน เมื่อก่อนผมคิดว่าคุณเป็นลูกผู้ชาย ตอนนี้เข้าใจแล้ว ที่แท้คุณก็แค่นี้เอง”