วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 906 การทหารไม่เบื่อหน่ายกลอุบาย

“แต่ผมก็สามารถรับประกันได้เหมือนกัน เมื่อถือเวลานั้น ไม่ใช่เวลาที่พวกคุณดีใจอย่างแน่นอน เพราะว่าวันนี้ของพวกเรา ก็คือพรุ่งนี้ของพวกคุณ”

“ไม่มีพวกเราต้านไว้ข้างหน้า พวกคุณ กลุ่มมังกร ตระกูลจิ้น ตระกูลลู่ รวมทั้งตระกูลอื่นในประเทศจีน ก็จะเดินตามรอยของพวกเรา ถูกพวกเขากลืนกินทีละก้าวไปทั้งหมด ”

“เมื่อถึงเวลานั้น เราต่างไม่ใช่ผู้ชนะ สิ่งที่พยายามทำทั้งหมดล้วนทำเพื่อคนอื่น คุณคิดว่าคุ้มไหม?”

กู้ซือเฉียนยังคงไม่พูดอะไร

เพียงแต่ดวงตาเย็นชาที่จ้องมองเขาอยู่นั้น ค่อยๆจางหายไป

สวี่ฉางเปยย่อมไม่ปล่อยการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนี้ไปอยู่แล้ว

เขาพูดต่ออย่างตีเหล็กเมื่อร้อนว่า“ผมรู้ว่าคุณต้องการอะไร?คุณทำขนาดนี้ พูดว่าเพื่อผลประโยชน์ ที่จริงก็เพื่อต้องการรู้ที่อยู่ของเฉียวฉีก็เท่านั้น ”

“ตอนนี้ผมสามารถบอกกับคุณอย่างชัดเจนว่า เฉียวฉีไม่ได้อยู่ในมือของพวกเรา และคนที่หักหลังลิ่วเสิ่น ช่วยอีกฝ่ายเคลื่อนย้ายคนไป ก็ได้ถูกฆ่าปิดปากไปแล้ว ”

“ดังนั้น แม้ว่าคุณจะโจมตีกลุ่มชาวจีนได้ คุณก็ไม่อาจจะหาที่อยู่ของเธอได้เหมือนกัน ส่วนผม ตอนนี้มีข้อสันนิษฐานอย่างกล้าหาญ”

กู้ซือเฉียนกล่าวเสียงเคร่งขรึม“พูด! ”

สวี่ฉางเปยกล่าวว่า“อำนาจลึกลับนั้นวันนี้จะกลืนผนวกกลุ่มชาวจีนแล้ว หากกลุ่มชาวจีนไม่มีแล้ว เป้าหมายต่อไปของเขาจะต้องเป็นคุณ แต่ทุกคนต่างรู้ว่า มีอุปสรรคกันระหว่างทวีปยุโรปกับทวีปเอเชียอยู่ แม้ว่าอำนาจกลุ่มมังกรไม่ใหญ่เท่ากลุ่มชาวจีน แต่เพราะได้เปรียบในเรื่องของที่ดิน พวกเขาคิดจะผนวกเข้าด้วยกัน ก็ไม่ง่ายขนาดนั้น”

“และเวลานี้ กลุ่มมังกรจะกลายเป็นกระดูกที่ขวางระหว่างทวีปยุโรปกับทวีปเอเชียไว้ พวกเขากัดกันยาก แม้แต่สามารถพูดได้ว่าไม่มีปัญญากัด และเวลานี้ พวกเขาน่าจะทำอะไร?”

กู้ซือเฉียนขมวดคิ้วแน่น

สวี่ฉางเปยกล่าวว่า“โจมตีจุดอ่อน!หาจุดอ่อนของคุณ โจมตีโดยไม่ให้คุณตั้งตัว ไม่แน่ว่า เมื่อถึงเวลานั้น ไม่กลัวคุณไม่หลงกล อย่างไรก็ตาม ทุกคนล้วนมีจุดอ่อน และจุดอ่อนบางอย่าง คือคุณรู้ว่ามันเป็นกองไฟ ยังเต็มใจกระโดดเข้าไป อย่างเช่น คนรักของคุณ เฉียวฉี ”

กู้ซือเฉียนตัวสั่นสะท้าน

ม่านตาหดตัวขึ้นมาทันที

เขากล่าวเสียงเคร่งขรึม“ความหมายของคุณคือ เฉียวฉีอยู่ในมือพวกเขาหรือ?”

สวี่ฉางเปยทำท่าแบมือ “นี่เป็นเพียงการสันนิษฐานของผม ไม่มีหลักฐานสามารถยืนยันได้ คุณอาจจะเชื่อ หรืออาจคิดว่าเป็นการพูดเหลวไหลของผม เพื่อให้คุณรับปากประนีประนอมชั่วคราว จะตัดสินใจอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว ”

แววตากู่ซือเฉียนหม่นหมองลง

เขาไม่พูดอะไร เหมือนกับกำลังคิดอะไร ส่วนสวี่ฉางเปยก็ไม่รีบร้อน นั่งอยู่ตรงนั้น รออย่างเงียบๆ

เวลาได้ผ่านไปทีละเล็กละน้อย

ผ่านไปเนิ่นนาน จู่ๆก็ได้ยินเขากล่าวขึ้นว่า“ตกลง ผมเข้าใจแล้ว !”

พูดพลาง ลุกขึ้น

เมื่อสวี่ฉางเปยเห็นเช่นนั้น มองดูเขาด้วยสีหน้าที่คาดหวัง “แล้วเรื่องการเจรจาสันติภาพ………”

“เจรจาสันติภาพหรือ?”

กู้ซือเฉียนเลิกคิ้ว สายตาที่มองไปทางเขาแฝงไปด้วยความเยาะเย้ย

“ชาติหน้าเหอะ !”

เมื่อเขาพูดจบ ในเวลานี้ จู่ๆก็ได้ยินเสียงติ๊ดๆ ไม่รู้ดังขึ้นจากมุมไหนของห้อง

สวี่ฉางเปยและคนอื่นๆตกใจ กำลังจะลุกขึ้น เก้าอี้ที่นั่งอยู่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆก็มีห่วงเหล็กยื่นออกมา รัดตัวของเขาไว้แน่น แม้แต่ลูกน้องสองคนที่อยู่ข้างหลังเขาจู่ๆก็ไม่รู้ห่วงเหล็กที่โผล่มาจากไหนล็อกขาไว้

เวลานี้เขาถึงคิดได้ว่า หลงกลเข้าแล้ว

อดที่จะกล่าวด้วยความโกรธไม่ได้ “กู้ซือเฉียน คุณเล่นงานผมหรือ?”

กู้ซือเฉียนหัวเราะเย็นชา“ยอมรับแล้วหรือ นี่เรียกการทหารไม่เบื่อหน่ายกลอุบาย”

พูดจบ ร่างกายก็พุ่งออกไปข้างนอกราวนกนางแอ่น

หลังจากที่กลุ่มพวกเขาจากโรงน้ำชาไป

“บึ้ม ——!”

เสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้นมา ทันใดนั้นโรงน้ำชาได้ตกไปอยู่ในกลุ่มควัน

และเวลานี้ พวกกู้ซือเฉียนได้ขึ้นรถแล้ว

บนรถ ฉินเยว่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว ครั้งนี้ที่เขาไม่ได้ติดตามอยู่ข้างกายกู้ซือเฉียน ก็เพราะว่าเขาไปเตรียมวัตถุระเบิดและกลไกไว้ก่อน

เวลานี้ เห็นเขากลับมาอย่างปลอดภัย จึงรีบกล่าวขึ้นว่า“หัวหน้า ได้ทำทุกอย่างตามที่ท่านบอกแล้ว ต่อไปเราควรจะทำอย่างไร?”

กู้ซือเฉียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน ปรับตัวตามสถานการณ์”

“ครับ”

ตอนที่พวกเขากลับไปถึงที่ปราสาท เพิ่งจะเป็นเวลาตอนเที่ยง

ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงที่มีเรื่องมากมาย การรักษาความปลอดภัยในปราสาทย่อมเข้มงวดอยู่แล้ว จากข้างในถึงข้างนอก ซุ่มซ่อนคนไว้หลายสิบชั้น อุปกรณ์ตรวจจับรังสีอัลตราไวโอเลตอินฟราเรดต่างๆ มีมากมายนับไม่ถ้วน

รถค่อยๆขับเข้าไปในประตูใหญ่ที่แกะสลักสีดำ ลุงโอมองเห็นไกลว่าเขากลับมาแล้ว จึงรีบเข้าไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม

“คุณชาย ในที่สุดคุณก็กลับมา”

กู้ซือเฉียนลงจากรถ แล้วถามว่า“สถานการณ์ในบ้านเป็นอย่างไรบ้าง?”

ลุงโอกล่าวว่า“ทุกอย่างปกติดี คุณลู่กับคุณนายลู่รอท่านอยู่ในห้องรับแขก บอกว่ามีเรื่องจะปรึกษา”

กู้ซือเฉียนพยักหน้า ก้าวเท้าเดินไปทางห้องรับแขก

ในห้องรับแขก จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินนั่งอยู่ตรงนั้น

เห็นเขาเดินเข้ามา บนใบหน้าจิ่งหนิงปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย ลุกขึ้น ยื่นมือไปทางเขา

“ยินดีกับคุณด้วย ที่กลับมาอย่างปลอดภัย”

การเจรจาสันติภาพในครั้งนี้ พูดไปแล้วกู้ซือเฉียนเป็นคนลงมือก่อน เหมือนกับว่าเขาคิดเล่นงานคนอื่นก่อน

แต่ว่าก่อนที่จะไป ใครก็ไม่คิดว่าใครจะเล่นงานใคร ดังนั้นที่เขาไปครั้งนี้ ก็เสี่ยงอันตรายเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้สวี่ฉางเปยไม่มีความคิดเช่นนั้น หากเขาคิดจะต่อสู้กันจนตกตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่ายขึ้นมาจริงๆ ถ้าอย่างนั้นคนที่เกิดเรื่องในวันนี้ยังไม่แน่ว่าจะเป็นใคร

กู้ซือเฉียนมองดูมือเรียวยาวขาวผุดผ่องตรงหน้าตัวเอง สายตาหม่นหมองเล็กน้อย แต่ก็ยังยื่นมือออกไปจับมือกับเธอ

จิ่งหนิงยิ้มเล็กน้อย นั่งลงแล้วกล่าวว่า“มีข่าวดีกับข่าวร้าย คุณเลือกจะฟังสิ่งไหนก่อน?”

กู้ซือเฉียนก็นั่งลงตรงข้ามพวกเขา รับน้ำชาที่คนรับใช้ส่งมาให้ ดื่มไปหนึ่งคำ แล้วกล่าวว่า“ข่าวดี”

จิ่งหนิงเลิกคิ้ว ยิ้มกล่าวว่า“ฉันคิดว่าคุณจะเลือกฟังข่าวร้าย ”

กู้ซือเฉียนยิ้มเย็นชา

“ชีวิตคนเราสั้นนัก หาความสุขใส่ตัวทันที ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นข่าวร้ายทำไมผมยังจะต้องเลือกฟังก่อนด้วย?”

จิ่งหนิงทนไม่ไหวแล้ว “คิกๆ ” หัวเราะออกมา

“ตกลง ถ้าอย่างนั้นฉันก็พูดข่าวดีก่อน ”

เธอนั่งตัวตรง แล้วกล่าวว่า“หนึ่งชั่วโมงก่อนฉันได้รับข่าวมาว่า มีกลุ่มอำนาจลึกลับกลุ่มหนึ่งก็กำลังโจมตีกลุ่มชาวจีนอยู่ ฉันตรวจสอบแล้ว อำนาจนี้ไม่ใช่กลุ่มอำนาจที่ร่วมมือกับเราในครั้งนี้ ไม่ว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายคืออะไร สรุปแล้ว เป็นผลดีต่อเราในชั่วคราว”

กู้ซือเฉียนมองดูเธอ แล้วถามว่า“แล้วข่าวร้ายล่ะ ?”

จิ่งหนิงกล่าวว่า“ข่าวร้ายก็คือเราพบว่าอำนาจกลุ่มนี้ซ่อนเร้นมาก เกรงว่าไม่ใช่สิ่งที่เราจะไปสั่นคลอนได้ในตอนนี้ และตามการสันนิษฐานของฉันกับจิ่งเซิน ความกระหายของอีกฝ่ายไม่เพียงแต่กลุ่มชาวจีนเท่านั้น และก็คือว่า หากกลุ่มชาวจีนล่มสลายแล้ว เป้าหมายต่อไปก็น่าจะเป็นคุณกับฉัน”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset