แต่จนถึงเขาสืบทุกคนที่รู้จักกับคู่สามีภรรยาหลานชายของตัวเองให้หมดแล้ว พบว่าเขาสองคนเป็นคนจิตใจดี ในชีวิตมีแต่ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น
แม้กระทั่งคู่แข่งทางธุรกิจยังชื่นชมพวกเขามากเลย แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะขัดใจคนใดเลย
ยิ่งไม่มีทางที่จะไปมีคู่อริ วุ่นวายจนถึงขั้นต้องลอบฆ่าพวกเขา
พอถึงตอนนี้ อยู่ๆ เขาก็รู้สึกเสียวสันหลัง มีความคิดขึ้นมาทันที
แต่ตอนนั้นเขาก็แค่สงสัย ไม่มีหลักฐานอะไรที่ยืนยันได้
จนถึงเขาสืบอู่ซ่อมรถนั้นได้
เมื่อสามวันก่อนที่สามีภรรยาตระกูลชิวจะเกิดอุบัติเหตุ เคยไปซ่อมรถที่อู่ซ่อมรถร้านหนึ่ง ตอนนั้นคนที่รับผิดชอบซ่อมรถให้พวกเขาเป็นช่างซ่อมรถแก่คนหนึ่งที่ชื่อหลี่จง
ปีนั้น หลี่จงใกล้เข้าห้าสิบปีแล้ว เนื่องจากฝีมือขั้นเทพ ฉะนั้นจึงถูกลูกค้าเก่าหลายคนชอบ ทุกคนล้วนชอบหาเขาซ่อมรถให้
เพราะว่ามีคนรู้จักแนะนำให้สามีภรรยาตระกูลชิว ได้ข่าวว่าเขาเป็นคนดีฝีมือก็ดีด้วย จึงเข้ามาหาเพื่อจัดการปัญหาเครื่องจักรความร้อนของรถหน่อย
หลี่จงตอบตกลงได้เร็วมาก และซ่อมเสร็จเร็วมากเหมือนที่คิดไว้เลย หลังจากซ่อมรถเสร็จก็ได้ตรวจดูตอนนั้นและไม่มีปัญหาสักนิดเลย
สามีภรรยาตระกูลชิวพอใจมาก จ่ายเงินเรียบร้อยก็ขับรถจากไปแล้ว
ตอนนั้นเป็นวันหยุดพอดี ตอนแรกเขาสองคนวางแผนไว้ว่าจะขับรถไปเยี่ยมท่านปู่ชิวที่อาศัยอยู่ที่ชนบทไกลๆ
คิดไม่ถึงเลยว่า รถจะเกิดอุบัติเหตุในระหว่างทาง…
ถึงแม้หลังเกิดเหตุตำรวจก็เคยสืบสวนอู่ซ่อมรถ แต่เนื่องจากขาดหลักฐาน บวกกับรถก็ถูกเผาทิ้งแล้วด้วย ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีคนแอบทำอะไรบางอย่างกับรถ ดังนั้น สุดท้ายเรื่องนี้จึงถูกปล่อยผ่านไปแล้ว
แต่ท่านปู่ชิวกลับรู้ว่าต้องมีคนทำแน่นอน
เพราะเขาสืบมาตลอดทาง เมื่อสืบถึงอู่ซ่อมรถนั้นและได้เจอกับหลี่จงเขาก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว
เรื่องยีนช่างเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกนี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย คนที่เสียชีวิตไปหลายสิบกว่าปีแล้ว จู่ๆ วันหนึ่งก็กลับมาโลกใบนี้อีกและยืนอยู่หน้าเขา
จนถึงวินาทีนั้นเขาถึงรู้ว่า ความจริงแล้วเด็กคนนั้นที่ยังอยู่ในผ้าห่อทารกในตอนนั้นยังไม่ตายจริงๆ
ไม่เพียงแค่ยังไม่ตาย เขายังมีชีวิตอยู่ต่อ กลายเป็นช่างซ่อมรถที่มีฝีมือดีที่สุดในละแวกนั้นด้วย
เขาแอบแฝงอยู่ในผู้คนอย่างไร้ตัวตน ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ไม่มีวี่แวว ไม่ใช่เขาลืมความแค้นไปแล้ว แค่เพราะว่าเขากำลังรอเวลาที่เหมาะสมที่สุดอยู่นั่นเอง
ตอนนี้ เวลามาถึงแล้ว
อีกฝ่ายไม่รู้ตัวตนของตัวเอง แต่กลับส่งเครื่องมือที่ใช้ในการเดินทางของตนมาในมือเขาด้วยตัวเอง
โอกาสดีๆ อย่างนี้ จะให้เขาพลาดได้ยังไงล่ะ
เพราะฉะนั้นเขาแอบทำอะไรบางอย่างที่คนนอกดูไม่ออกกับผ้าเบรกของรถ
ผมก็ได้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ก่อนหน้านี้ สามีภรรยาตระกูลชิวตายแล้ว
ความแค้นบัญชีเลือดของพ่อแม่เขา ในที่สุดก็ได้ชำระล้างแล้ว
ถึงแม้ไม่ได้ฆ่าท่านปู่ชิวโดยตรง แต่เขารู้ดี นี่ยังทรมานกว่าการฆ่าท่านปู่ชิว
เมื่อท่านปู่ชิวมาหาเขา เขาไม่ได้หลบ ยิ่งกว่านั้นยังยอมรับตรงๆ ว่าเขาเป็นคนฆ่าพวกเขา
ตอนแรกเขายังนึกว่าท่านปู่ชิวจะลงมือฆ่าเขา
แต่ผลปรากฏว่าไม่มี
ถึงอย่างไรท่านปู่ชิวก็แก่แล้ว ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากความใจร้อนในตอนนั้น ความจริงแล้วหลายปีที่ผ่านมานี้ก็ตกอยู่ในความเสียใจทีหลังและโทษตัวเองอยู่ตลอด
เขาเคยคิดอยากจะไปชดใช้โทษหลายครั้งจนนับไม่ถ้วนแล้ว แต่ยังไงก็คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายวิธีชดใช้โทษจะเป็นแบบนี้
บางทีนี่อาจจะเรียกได้เป็นว่าโชคชะตาแกล้งคนแหละมั้ง ท่านปู่ชิวทำให้หลี่จงไม่มีพ่อแม่ หลี่จงก็ให้เขาคนผมขาวส่งคนผมดำ
อาจเป็นเพราะว่านึกถึงเพื่อนเก่าหลายปีที่แล้วคนนั้น นึกถึงคืนที่เต็มไปด้วยเลือดคืนนั้น ในที่สุด ท่านปู่ชิวปล่อยหลี่จงไปแล้ว
เขาพาเสี่ยวฮัวลูกสาวคนเดียวของหลานชายตัวเองกลับมาหมู่บ้านนี้ เริ่มต้นชีวิตอันห่างหายไปจากสังคมข้างนอกใหม่
ห่างหายครั้งนี้ก็คือสิบแปดปี
สิบแปดปีที่ผ่านมานี้ ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาตลอด หลี่จงก็ไม่เคยปรากฏตัวรอบตัวเขาอีกเลย
เขาเคยนึกว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างนี้
แต่ไม่นึกเลย หลายเดือนที่แล้ว หลี่จงเสียชีวิตอย่างกะทันหันแล้ว
เมื่อเขาได้รับรู้ข่าวนี้ หลี่จงก็เสียชีวิตได้หลายเดือนแล้ว ตอนนั้นในใจของเขายังตกใจหนักมาก แต่ก็ไม่เคยไปคิดเหตุผลดีๆ คิดแค่ว่าเป็นภัยพิบัติทั้งจากธรรมชาติและจากมนุษย์เท่านั้น
แต่ผ่านไปไม่กี่วัน เสี่ยวฮัวก็หายตัวไปแล้ว
ถ้าพูดตามตรงแล้ว ความจริงไม่ใช่หายตัวไป แต่คือถูกคนลักพาตัวไปแล้ว
ส่วนคนที่ลักพาตัวเธอไป ก็คือหลี่เก๋อลูกชายของหลี่จง
หลี่เก๋อรู้เรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างหลี่จงกับตระกูลชิว แต่ก็ไม่รู้ทำไม หลังจากหลี่จงตายแล้ว หลี่เก๋อจิตใจตั้งมั่นคิดว่าต้องเป็นการแก้แค้นจากท่านปู่ชิวแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงลักพาตัวเสี่ยวฮัว และสั่งการให้เขาต้องนำแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ไปแลกเปลี่ยนกับเขา
ท่านปู่ชิวไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องของแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์มาจากไหน แต่เสี่ยวฮัวเป็นชีวิตของเขา อยู่พึ่งพาอาศัยกันมาตั้งหลายปี เขาไม่มีทางปล่อยเสี่ยวฮัวไว้ไม่สนใจ
เพราะฉะนั้นเขาจึงเตรียมตัวแอบติดต่อกับหลี่เก๋อ หาทางแลกเสี่ยวฮัวคืนกลับมา
หลังจากได้ฟังคำบอกเล่าจากเขาแล้ว พวกจิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินต่างตกอยู่ในความเงียบ
พวกเขาไม่คิดเลย ความจริงของเรื่องจะเป็นเช่นนี้
จิ่งหนิงมองท่านปู่ชิวถามเสียงต่ำว่า: “ดังนั้น ความจริงแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ยังอยู่ในมือของท่าน?”
ท่านปู่ชิวพยักหน้า
ทีนี้ ในที่สุดพวกเขาก็ได้เข้าแล้ว ทำไมเขาถึงปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยังไงก็ไม่ยอมเอาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ออกมา
กู้ซือเฉียนพูดเสียงต่ำว่า: “เอาแบบนี้ดีกว่า ท่านเอาของให้พวกเรา ให้พวกเราไปช่วยเหลนสาวของท่านออกมาดีไหม”
ท่านปู่ชิวเงยหน้าขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง ยิ้มแห้งว่า “แกนึกสิ ถ้าช่วยได้ทำไมฉันถึงไม่ไปช่วยเองล่ะ คนนั้นเอาเสี่ยวฮัวไปซ่อนไว้ ฉันหามาตั้งนานแล้วแต่ยังไงก็หาไม่เจอ อยากจะช่วยคนมันง่ายซะที่ไหน”
พอคำพูดนี้ออกมาทุกคนต่างเงียบกันไปครู่หนึ่ง
จิ่งหนิงถามว่า: “คนที่มาเจอท่านในเมื่อกี้ก็คือหลี่เก๋อใช่ไหม”
ท่านปู่ชิวพยักหน้า
“เขาใช้วิธีอะไรติดต่อท่าน โทรศัพท์เหรอ”
“ไม่ใช่ ทุกครั้งที่เขาจะหาฉัน ก็จะสั่งคนเอากระดาษมาวางใต้ก้อนหินหลังบ้านฉัน ฉันก็จะรู้ว่าเขามาแล้ว”
จิ่งหนิงรู้สึกสงสัย “แล้วท่านไม่เคยสงสัยคนอื่นเลยเหรอ หรือจริงๆ แล้วเพิ่งกังฟูของท่านอยากจะจับเขาให้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ถึงตอนนั้นชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของท่าน ท่านยังจะกลัวว่าเขาจะไม่ปล่อยคนอีกเหรอ”
ท่านปู่ชิวหัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง
“ฉันจะไม่รู้ได้ยังไง แต่ไอ้เด็กนั่นตั้งมั่นแล้วว่าถึงตายก็ไม่ปล่อยคนไป ยังบอกอีกว่าถ้าเขาตายแล้วเสี่ยวฮัวก็ต้องตายด้วย ถึงตอนนั้นสองคนพินาศด้วยกัน เป็นคู่เป็ดน้ำแมนดารินผีพอดีเลย แล้วจะให้ฉันยอมได้ยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นฉนจึงคิดว่ารอพวกแกไปแล้วค่อยเอาของให้เขาก็ได้แล้ว ไม่คิดเลยว่าพวกแกอยู่ๆ ก็กลับมาอีก”
จิ่งหนิงเม้มปากพูดเสียงต่ำว่า: “ท่านปู่ พูดตรงๆ กับท่านละกัน พวกหนูต้องได้แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ก้อนนั้น ท่านเห็นว่าชีวิตของเสี่ยวฮัวเหลนสาวท่านเป็นชีวิต แต่ชีวิตของเฉียวฉีก็เป็นชีวิตเหมือนกัน พวกหนูก็ไม่ได้ให้ท่านทิ้งเสี่ยวฮัวช่วยเฉียวฉี แค่หวังว่าท่านสามารถเห็นด้วย ให้พวกเราทุกคนช่วยกันคิดวิธีที่ดีต่อเราทั้งสองฝ่าย เป็นยังไง”