ท่านปู่พยักหน้า และยกมือให้เขานั่งลง จากนั้นถามต่อว่า: “แล้วตอนนี้พวกคุณคิดจะช่วยเธอยังไง สามารถบอกฉันมาได้หรือยัง”
แต่ละคนส่งสายให้กัน จากนั้นจึงเล่าวิธีที่พวกเขาคิดได้ออกมาอย่างละเอียด
ส่วนเวลานี้ อีกฝั่ง
ท่ามกลางหลังบ้านเล็กๆ อันมืดมนเก่าแก่และทรุดโทรมห้องหนึ่ง หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเตียง
สองมือและสองขาของเธอถูกมัดไว้หมด ในปากก็ถูกยัดก้อนผ้า ทั้งคนสีหน้าขาวซีด แค่ดูยังน่าสงสารมากเลย
เสียงก้าวเท้าที่ชัดเจนดังมาจากข้างนอก
ไม่นาน ประตูก็ถูกคนเปิดออกมาจากข้างนอกแล้ว ชายหนุ่มหนึ่งคนเดินเข้ามาจากข้างนอก สีหน้าเย็นชา ถอดเสื้อกันหนาวออกและโยนไปข้างๆ เดินมา
หญิงสาวรู้สึกเย็นวาบกับความกดอากาศในตัวของเขา แอบถอยหลังไปเล็กน้อย
ผู้ชายยืนอยู่ข้างเตียง มองเธอจากข้างบน สักพักเขาก้มตัวลงมา ตาแหลมคมคู่หนึ่งจ้องตาเธอตรงๆ
“เสี่ยวฮัว บอกฉันมา ปู่ทวดของคุณเอาของนั้นไปซ่อนไว้ที่ไหนแล้ว”
เสียงของเขาเย็นชามืดมน ดั่งงูพิษอันเหน็บหนาวตัวหนึ่ง
เสี่ยวฮัวส่ายหัว สะอึกสะอื้น พูดประโยคชัดเจนออกมาไม่ได้สักคำ
ผู้ชายหมดความอดทนแล้ว ยกมือดึงก้อนผ้าในปากของเธอออกมาเลย จากนั้นถามด้วยเสียงเย็นชาว่า: “พูดสิ! เอาของไปซ่อนไว้ไหน”
เสี่ยวฮัวตกใจจนจะร้องไห้แล้ว เพิ่งพูดออกมาว่า: “ฉันไม่รู้จริงๆ”
“ไม่รู้? แกอยู่กับเขาทุกวัน ปรนนิบัติเขากิน ปรนนิบัติเขาใส่เสื้อ ปรนนิบัติเขาเฝ้าร้าน ของของเขาเอาไปซ่อนไว้ไหนแกจะไม่รู้ได้ไง แกเล่นฉันหรือเปล่าเนี่ย”
เขาพูดอยู่ก็อารมณ์เสียขึ้นมา ดึงผมของเธอมา ลากเธอลงจากเตียงเลย
เสี่ยวฮัวเจ็บจนตะโกน อยากจะต่อสู้กลับสู้แรงของเขาไม่ไหว ไม่นาน คนก็ถูกลากไปถึงหน้าประตูแล้ว
“นายปล่อยฉัน ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าของที่นายอยากได้ถูกซ่อนไว้ที่ไหน ถือว่าฉันขอร้องเถอะนะ นายปล่อยฉันไปเถอะ!”
แต่ดูออกว่าผู้ชายไม่ฟังคำขอร้องของเธอเลย
เขาลากเธอตลอดทางจนออกไปถึงนอกบ้าน ลากไปถึงข้างบ่อน้ำในลานบ้าน พูดอย่างโมโหว่า: “พูด! ถ้ายังไม่พูดอีกเชื่อไหมว่ากูจะโยนแกลงไปจากที่นี่!”
เสี่ยวฮัวถูกบังคับให้นอนคว่ำข้างบ่อน้ำ มองดูบ่อน้ำลึกอันมืดสนิทนั้น ตกใจจนวิญญาณเกือบหายไปเลย
ผู้ชายบีบคอเธอไว้ กดหัวของเธอลงไปในบ่อน้ำ
“จะบอกไม่บอก จะบอกไม่บอก”
เธอร้องไห้ขึ้นมา อดทนไว้ตั้งนานแล้ว ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไว้แล้ว
“ฉันบอกๆ”
ผมถูกดึงขึ้นมา ผู้ชายเอาหน้าของเธอเงยขึ้นมา “อยู่ไหน”
เสี่ยวฮัวน้ำตานองหน้า “อยู่ในสุสานของย่าทวดฉัน”
ผู้ชายสีหน้าเย็นชา “พากูไป!”
ฟ้าก็มืด ลมก็แรง สองคนไปที่สุสานของตระกูลชิวโดยคนหนึ่งอยู่หน้าคนหนึ่งอยู่หลังแบบนี้
เนื่องจากว่าที่นี่อยู่ใกล้กับวิลล่าของตระกูลชิวมาก ผู้ชายไม่กล้าปล่อยเธอออก ดังนั้น แม้ว่าเชือกตรงขาจะถูกเอาออกแล้วก็ตาม แต่มือยังคงถูกมัดไว้อยู่ และในปากก็ถูกยัดก้อนผ้าเข้าไปใหม่แล้ว กลัวว่าเธอจะร้องไปเรื่อยเรียกคนมา
ขณะนี้คนที่อยู่ในหมู่บ้านไม่เยอะแล้ว และยังเป็นกลางดึกช่วงหลังแบบนี้อีกด้วย ทุกคนนอนหลับกันหมดแล้ว ดังนั้นนอกจากเสียงแมลงร้องอยู่รอบๆ ก็ไม่มีเสียงอื่นอะไรอีกแล้ว
หลี่เก๋อลากเสี่ยวฮัวมาถึงสุสานโดยการนำทางของเธอ ให้เธอชี้ “ศิลาจารึกหลุมฝังศพของย่าทวดแกคือแผ่นไหน”
เสี่ยวฮัวมองดูรอบหนึ่ง จากนั้นชี้แผ่นที่อยู่ตรงกลางแผ่นนั้น
หลี่เก๋อทำหน้าเย็นชาเดินเข้าไป ดูตัวหนังสือบนศิลาจารึกหลุมฝังศพนั้นดีๆ คือเธอจริงๆ
เขาลากเสี่ยวฮัวมาและพูดอย่างโมโหว่า: “บอกมา! ของถูกฝังไว้ตรงไหน”
เสี่ยวฮัวร้องไห้ส่ายหัว
เขาขมวดคิ้ว มองซ้ายมองขวาดู จากนั้นดึงผ้าที่อยู่ในปากเธอออกมา
“ห้ามร้อง ถ้าแกกล้าร้อง กูจะแทงแกให้ตายทันที!”
ในที่สุดเสี่ยวฮัวก็กลัวอยู่ดี ถึงแม้ที่นี่อยู่ไม่ไกลวิลล่า แต่หนึ่งคือดึกขนาดนี้แล้ว ถึงเธอเรียกก็ไม่ใช่ว่าท่านปู่ชิวจะได้ยินแน่นอน
สองคือถึงแม้เขาได้ยินแล้ว รอเขาตามมาถึงตรงนี้ ตัวเองคงตายสนิทไปนานแล้ว
ดังนั้นเธอแค่ร้องไห้พยักหน้า หลังจากผ้าในปากถูกดึงออก หลี่เก๋อจึงพูดว่า: “รีบบอกมา ฝังไว้ตรงไหน”
เสี่ยวฮัวมองซ้ายมองขวาตั้งนาน สุดท้ายร้องไห้บอกว่า: “ฉันจำไม่ค่อยได้แล้ว?”
“แกพูดอะไรนะ”
หลี่เก๋อทำท่าจะโมโห เสี่ยวฮัวตกใจจนสั่นทั้งตัว รีบอธิบายว่า “ฉันจำไม่ค่อยได้แล้วจริงๆ คืนนั้น ตอนที่ปู่ทวดออกมา ฉันแค่เห็นว่าท่านดูท่าทางแปลกๆ จึงแอบตามออกมา ท่านไม่รู้ว่าฉันตามอยู่ข้างหลัง
ฉันเห็นท่านมาทางสุสาน รู้สึกอยากรู้อยากเห็นจึงตามมาตลอดทาง แต่ฉันกลัวว่าท่านเห็น จึงตามอยู่ไกลๆ ตลอดทาง เห็นแค่ท่านนำของมาฝังไว้ตรงนี้จากไกลๆ แต่ฝังไว้จุดไหนฉันไม่รู้จริงๆ”
เธอพูดอย่างมีเหตุมีผล หลี่เก๋อไม่เชื่อก็ไม่ได้
แค่ส่งสายตาเย็นชาให้และพูดเสียงเหน็บแนมว่า: “ถ้าแกกล้าโกหกกู กูจะปอกหนังของแกออก”
เสี่ยวฮัวตกใจจนสั่นเบาๆ ไม่กล้าพูดอะไร
หลี่เก๋อจึงลากเธอไปที่ใต้ต้นไม้ข้างๆ นำเชือกมัดเธอไว้กับต้นไม้ จากนั้นยัดก้อนผ้าเข้าไปในปากเธอ จากนั้นขู่ว่า: “จำไว้นะ อย่าคิดจะเล่นกลหนีออกไป ถ้าแกกล้าเล่นแม้แต่นิดเดียว กูจะฆ่าแกตายทันที”
เสี่ยวฮัวพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
หลี่เก๋อจึงปล่อยเธอออก หันหลังเดินไปที่สุสานขุดหาของ
ท่านปู่ชิวเป็นคนเคร่งครัดมาตลอด ผู้ชายต้องฝึกกังฟู แต่ผู้หญิงกลับห้ามฝึก ไม่อย่างนั้นจะเสียงดังขี้เล่นไม่เหมือนผู้หญิง อนาคตหาคนแต่งงานยาก
ยังไงเขาก็เป็นคนรุ่นนั้นที่เคยผ่านสมัยเก่ามา ถึงแม้คนจะก้าวเข้ามาสมัยใหม่แล้ว แต่เลี่ยงไม่ได้บางทีความคิดยังคงโบราณอยู่
ดังนั้นผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว นอกจากหาเงินไม่ให้เสี่ยวฮัวเรียนหนังสือ แต่กลับไม่เคยสอนกังฟูให้เธอสักนิดเลย
เมื่อก่อนเสี่ยวฮัวยังไม่รู้สึกว่านี่มันมีอะไรดี แต่พอมาถึงจุดนี้แล้ว รู้สึกได้แค่เสียดายสุดๆ
ถ้าเธอเป็นกังฟูสักนิดหน่อยก็ดีแล้ว
ถ้ามีกังฟูเธอก็สามารถต่อสู้ได้ สามารถหนีได้ ไม่จำเป็นต้องถูกคนกดทับไว้อย่างกับเนื้อปลาที่อยู่บนเขียงอย่างตอนนี้เลย
พอคิดแบบนี้ เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่หลี่เก๋อที่อยู่ไม่ไกล
เห็นแต่เขานั่งยองอยู่ตรงนั้น พยายามขุดดินก้อนหนึ่งอยู่
เนื่องจากว่าไม่รู้ทิศทางที่แน่ใจ ได้แต่ขุดสุสานทั้งหมดออกมาทีละนิดทีละน้อย
นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยังดีที่เขาได้เตรียมตัวก่อนหน้านี้ ก่อนจะมาได้นำพลั่วด้ามเหล็กมาด้วย เพราะฉะนั้นถึงแม้ขุดเปลืองแรงมาก แต่ความคืบหน้าก็ไม่ถือว่าช้า
ไม่นาน หลุมศพทั้งหมดก็ถูกเขาขุดเรียบหมดแล้ว
ถึงแม้จะเป็นคืนฤดูใบไม้ร่วงอันเหน็บหนาว แต่เขากลับเหนื่อยจนเหงื่อท่วมหัว เสี่ยวฮัวที่อยู่ตรงไม่ไกลดูอยู่ หลับตาลงและพูดในใจว่าย่าทวดย่าโทษหนูนะ ย่าทวดอย่าโทษหนูนะ
เป็นเหลนสาวเองที่ไร้เดียงสา แต่ตอนนี้หมดหนทางแล้วจริงๆ ถ้ายังไม่พาเขามาอีก ชีวิตน้อยๆ ของตัวเองก็ไม่เหลือแล้ว
เธอแอบอธิษฐานเสร็จ เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เห็นแต่หลี่เก๋อยังคงขุดที่ตรงนั้นอยู่เลย
แต่ทว่า เห็นเขาขุดหลุมศพออกทั้งหมดจนว่างเปล่าแล้ว ก็ไม่เจอของที่เหมือนแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์สักนิดเลย
อย่าพูดถึงแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์เลย แม้แต่เศษผ้ายังไม่เห็นเลย นอกจากโคลนแล้วก็มีแค่โคลนอย่างเดียว
ไม่นาน ก็เจอโลงศพแล้ว