เสี่ยวฮัวไม่กล้ารอช้าอีกต่อไป ยืนขึ้นแล้ววิ่งลงจากภูเขา
หลี่เก๋อเห็นเธอวิ่งไปแล้ว ก็รีบไล่ตามไป
แต่อย่างไรแล้วดวงตาเขายังได้รับบาดเจ็บอยู่ และเจ็บตรงส่วนนั้นอีก พอวิ่งขึ้นมา แน่นอนว่าก็ไม่ได้วิ่งเร็วแบบตอนปกติ
รวมถึงถนนบนภูเขามันสูงชัน เสี่ยวฮัวเติบโตที่นี่มาตั้งแต่เด็ก คุ้นเคยกับถนนแถวนี้จนสามารถหลับตาเดินได้เลย
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงรีบวิ่งออกไป หลี่เก๋อจะตามทันได้อย่างไร?
หลังจากตระหนักถึงปัญหานี้ หลี่เก๋อก็หยุดฝีเท้า จ้องแผ่นหลังเสี่ยวฮัวด้วยความโกรธ ทันใดนั้นก็ควักปืนออกมา
“ปัง!”
ปลายเท้าเสี่ยวฮัวเตะดินหินกระเด็นทันที
เธอตกใจกลัวจนหยุดกะทันหัน เมื่อหยุดลง ก็หันศีรษะไปมองหลี่เก๋อด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
แค่เห็นหลี่เก๋อในขณะนี้ ท่าทางแตกต่างกับเมื่อก่อนราวกับเป็นคนละคน ทั้งร่างปล่อยกลิ่นอายความมืดมนเย็นชาออกมา
เขายกปืนขึ้น เล็งมาที่เสี่ยวฮัว แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “วิ่งไปสิ วิ่งอีกทีฉันจะฆ่าแกนัดเดียว!”
เสี่ยวฮัวสีหน้าซีดเซียว ไม่กล้าขยับอีก
หลี่เก๋อก้าวเท้ายาวเดินไป คว้าเธอไว้ทันที
ในเวลาเดียวกัน ภายในคฤหาสน์
ผู้คนไม่กี่คนกำลังปรึกษาหารือกันอยู่ ก็ได้ยินเสียงปืนดัง “ปัง” ดังขึ้นกะทันหันด้านนอก
พวกเขาล้วนเป็นคนมีประสบการณ์โชกโชน แน่นอนว่าคุ้นเคยกับเสียงนี้ ผู้คนไม่กี่คนสีหน้าเปลี่ยนไป วินาทีต่อมา พวกเขาก็วิ่งออกไป
ตามด้านหลังพวกเขามาติดๆ คือท่านปู่ชิว ก็วิ่งออกมาเช่นกัน มองท้องฟ้ายามค่ำคืนมืดสนิท พูดด้วยเสียงโกรธ “ไอ้หมอนั่นมาแล้ว!”
จิ่งหนิงตกใจ ถามขึ้น “คุณรู้ได้ยังไงคะ?”
“ไม่ผิดหรอก ต้องเป็นมันแน่ๆ”
ขณะที่เขาพูด ก็เริ่มวิ่งไปทิศทางของเสียงปืน
ผู้คนไม่กี่คนไม่กล้ารอช้า รีบตามไป ตลอดทางเดินไปที่สุสาน พบว่ารอบๆ ไม่มีใครสักคน แต่หลุมฝังศพของท่านย่าชิวถูกขุดออกมา
สีหน้าท่านปู่เปลี่ยนไปทันที กลายเป็นไม่พอใจอย่างยิ่ง
คนตายไปแล้วยังจะมาขุดหลุมฝังศพอีก นี่มันไร้มโนธรรมแท้ๆ เลย
จิ่งหนิงและคนไม่กี่คนก็มองต่อไปไม่ไหวแล้ว ลู่จิ่งเซินย่อตัวลงไปสังเกตพื้น จากนั้นก็ชี้ไปที่ทางหนึ่ง แล้วพูดเสียงเข้ม “วิ่งไปทางนั้น”
กู้ซือเฉียนรีบพูดขึ้น “ฉันจะตามไป!”
“เราไปด้วยกัน”
เฉียวฉีก็รีบตามไป
อย่างไรก็ตาม ก็ถูกกู้ซือเฉียนหยุดเอาไว้
เขามองจิ่งหนิง แล้วพูดขึ้น “คุณอยู่กับจิ่งหนิงที่นี่ ดูแลท่านปู่ให้ดี ลู่จิ่งเซิน เราไปด้วยกัน”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้า จิ่งหนิงก็ไม่ได้พูดอะไร ดึงเฉียวฉีมาแล้วพูดโน้มน้าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “หลี่เก๋อคนเดียวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา เรารออย่างวางใจเถอะ”
เฉียวฉีถึงได้พยักหน้า
หลังจากมองตามหลังลู่จิ่งเซินและกู้ซือเฉียนไปไกลแล้ว จิ่งหนิงและเฉียวฉีก็ช่วยท่านปู่ชิวอีกครั้ง ทำให้หลุมฝังศพนายหญิงเป็นเหมือนเดิม ถึงได้กลับไปที่คฤหาสน์
ในเวลานี้ เป็นเวลาตีสี่แล้ว
ผู้คนไม่กี่คนไม่ได้นอนทั้งคืน อาการง่วงสักนิดก็ไม่มี
ท่านปู่ชิวยังคงนั่งอยู่เบาะหลัก สูบยาเส้นอย่างเงียบๆ
จิ่งหนิงลังเลสักพัก ก่อนถามขึ้น “คุณว่าถ้าหลี่เก๋อเป็นคนขุดหลุมฝังศพจริงๆ จริงๆ แล้วเขาจะรู้ไหมว่าแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ถูกฝังไว้ที่นั่น?”
ท่านปู่ชิวตอบ “เป็นไปได้”
เขาชะงักไป แล้วถอนหายใจ
“เรื่องนี้เสี่ยวฮัวไม่รู้ แต่บางทีในคืนนั้น เธอออกมาเห็นฉันฝังอะไรบางอย่างที่นั่งโดยบังเอิญ แต่ไม่รู้ตำแหน่งละเอียด ก็เลยให้หลี่เก๋อซี้ซั้วขุด”
จิ่งหนิงพยักหน้า คำอธิบายนี้มีเหตุผล
เธอเห็นระหว่างคิ้วท่านปู่มีความหดหู่ อดไม่ได้ที่จะพูดปลอบ “ท่านปู่ คุณก็ไม่ต้องกังวลเกินไปนะคะ ตอนนี้เสี่ยวฮัวสามารถพาหลี่เก๋อไปได้ แสดงว่าเธอน่าจะไม่เป็นอะไร เมื่อครู่นี้เสียงปืนของหลี่เก๋อ เป็นไปได้อย่างสูงว่าเสี่ยวฮัวต้องการหลบหนี มีความสามารถในการหลบหนีได้ อย่างน้อยก็บาดเจ็บไม่มาก ตอนนี้กู้ซือเฉียนและลู่จิ่งเซินตามไปแล้ว เชื่อว่าจะพาเธอกลับมาอย่างรวดเร็ว คุณไม่ต้องกังวลนะคะ”
ท่านปู่ชิวพยักหน้าอีกครั้ง
จากนั้นก็ไม่รู้นึกถึงอะไรบางอย่าง หัวเราะเยาะตัวเองขึ้นมา
“ฉันรู้สึกผิดต่อครอบครัวหลี่เก๋อมาตลอด ตอนนั้นถ้าฉันไม่ได้พลั้งมือฆ่าพ่อแม่ของหลี่จง ก็คงไม่ทำให้ครอบครัวพวกเขากลายเป็นแบบตอนนี้ แต่ถ้าเขาเกลียดฉันจริงๆ ก็เข้ามาหาฉันสิ ถึงแม้เขาต้องการเอาชีวิตฉัน ฉันก็จะไม่ขัดขืน แต่เสี่ยวฮัวเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาจะจับจ้องไปที่เสี่ยวฮัวทำไม?”
จิ่งหนิงเงียบไปสักพัก แล้วพูดขึ้น “จริงๆ แล้วมีประโยคหนึ่ง ฉันไม่รู้ว่าควรพูดหรือเปล่า”
ท่านปู่โบกมือ “เธอว่ามา”
จิ่งหนิงพูดเสียงเข้ม “จริงๆ แล้วเรื่องราวมันคืบหน้ามาถึงจุดนี้ ฉันไม่คิดว่าที่หลี่เก๋อมาในครั้งนี้มันเกี่ยวกับการแก้แค้นมากขนาดนั้น ไม่งั้นเขาสามารถฆ่าเสี่ยวฮัวได้เลยทันที จะเอาเธอมาขู่คุณ ให้คูณมอบแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ให้ทำไม?”
ท่านปู่ชิวขมวดคิ้ว “หมายความว่าไง?”
จิ่งหนิงยิ้มเรียบๆ “ฉันแค่รู้สึกว่า เขาน่าจะแกล้งทำเป็นแก้แค้น ให้คุณรู้สึกผิดกับเขา ทำให้ฆ่าเขาไม่ลง จากนั้นก็ฉวยโอกาสอีกครั้งได้ของที่ตัวเองต้องการ สำหรับสุดท้ายจะแก้แค้นได้หรือไม่ จริงๆ แล้วเขาไม่สนใจเลย ที่เขาสงสัยว่าการตายของหลี่จงมันเกี่ยวข้องกับพวกคุณ ก็แค่เป็นข้ออ้างเท่านั้น”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา ท่านปู่ก็ตกใจอย่างรุนแรง
รู้สึกเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
เขาขมวดคิ้วแน่น เงียบไปสักพักหนึ่ง แล้วพูดขึ้น “เธอก็พูดมีเหตุผล ก่อนหน้านี้ฉันถูกเส้นผมบังภูเขา ดูเหมือนไอ้หมอนั่นน่าจะได้รับการกระตุ้นจากใครบางคน เรื่องนี้ถึงแม้เสี่ยวฮัวจะกลับมาแล้ว ก็ต้องสืบให้รู้เรื่อง”
ขณะที่เขาพูด ในเสียงก็มีความโกรธเกรี้ยว
อย่างไรแล้ว การหาทางแก้แค้นก็เรื่องหนึ่ง ถูกใครกระตุ้นแฝงจุดประสงค์อื่นให้มาลักพาตัวเสี่ยวฮัวไปมันก็อีกเรื่องหนึ่ง
จิ่งหนิงเห็นว่าเป็นแบบนี้ ก็เงียบไปสักพัก และไม่มีอะไรจะพูดอีก
เธอมองเวลา เห็นว่าเดี๋ยวฟ้าจะสว่างแล้ว กู้ซือเฉียนและลู่จิ่งเซินยังไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร จึงพูดขึ้น “ท่านปู่ ไม่งั้นคุณไปพักผ่อนก่อนดีกว่า พวกเขากลับมาแล้วฉันจะไปเรียกคุณอีกครั้ง”
อย่างไรก็ตาม ท่านปู่มีความง่วงที่ไหนกัน?
ตอนนี้เขาทั้งโกรธทั้งโมโห แค่รอพวกเขาจับมันกลับมา แล้วถามให้เต็มที่
ด้วยเหตุนี้จึงโบกมือปฏิเสธ “ฉันไม่นอน ถ้าพวกเธอเหนื่อย พวกเธอก็ไปนอน ชั้นหนึ่งมีห้องสำหรับแขกหลายห้อง พวกเธอเป็นผู้หญิง ฉันจะไม่ช่วยพวกเธอเก็บของ พวกเธอไปเก็บของเองแล้วไปนอนเถอะ”
จิ่งหนิงยิ้มพูดขึ้น “แน่นอนว่าเราไม่เหนื่อยค่ะ แค่เป็นห่วงสุขภาพคุณ”
ท่านปู่มองเธอ แล้วหัวเราะฮ่าๆ “เป็นห่วงฉัน? ไม่ต้องเป็นห่วง! ปู่อย่างฉันตอนที่ยากลำบาก พวกเธอยังไม่เกิดเลย นี่ก็แค่นอนดึก ฉันทนไหว”
ในเมื่อเขาพูดแบบนี้ จิ่งหนิงก็ไม่โน้มน้าวอีกต่อไป
พยักหน้า ทั้งสามคนก็นั่งรอในห้องรับแขกต่อไป
รอจนกระทั่งฟ้าสว่าง จะหกโมงแล้ว กู้ซือเฉียนและลู่จิ่งเซินถึงจะกลับมาอย่างเหน็ดเหนื่อย
ด้านหลังพวกเขามีคนสองคนตามมา คนหนึ่งถูกมัดเชือกอยู่ โดยถูกจูงอยู่ในมือกู้ซือเฉียน และอีกคนหนึ่งก็คือเสี่ยวฮัวที่ทำหน้าตกใจกลัว