“คุณปู่ทวด!”
เมื่อเข้ามา เสี่ยวฮัวก็วิ่งมาหาท่านปู่ชิวทันที
ท่านปู่ชิวยืนขึ้นตัวสั่น รับเธอไว้ อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลด้วยความเสียใจ
“เฮ้อ หลานสาวเด็กดีของฉัน ในที่สุดเธอก็กลับมา!”
เสี่ยวฮัวซุกศีรษะไว้ในอ้อมแขนเขา สองปู่หลานร้องไห้ด้วยความสุขใจ
หลังจากร้องไห้แล้ว ท่านปู่ชิวก็เงยหน้าเธอขึ้นมา มองเหมือนสมบัติ “รีบให้ปู่ดูสิ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า? ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เสี่ยวฮัวส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ คุณปู่ทวด พี่ชายสองคนนี้ช่วยชีวิตฉันไว้”
ขณะที่เธอพูด ก็หันหน้าชี้ไปทางกู้ซือเฉียนและลู่จิ่งเซิน
ท่านปู่ชิวยิ้มอย่างพอใจ “ปู่ทวดรู้ พวกเขาคือเพื่อนของปู่ทวด ปู่เชิญให้พวกเขาไปช่วยเธอ”
เสี่ยวฮัวได้ยินดังนั้น ก็มองพวกเขาอย่างซาบซึ้ง
ในเวลานี้ หลี่เก๋อที่เงียบอยู่ตลอดเวลาก็พูดขึ้นด้วยเสียงโกรธ “ไอ้แซ่ชิว! แกทำร้ายปู่ย่าฉันตายอย่างอนาถ และฆ่าพ่อฉันตายด้วย ฉันกับแกต้องตายกันไปข้างหนึ่ง! แล้วจับฉันมาแบบนี้หมายความว่าไง? ถ้ามีปัญญาก็ปล่อยฉัน มาสิ! เรามาดวลกัน! เหมือนแกกับพวกพ้องแกในตอนแรกไง มาดวลกัน! มาสิ!”
เขาเหมือนเป็นบ้า อยากจะพุ่งไปข้างหน้า แต่ถูกกู้ซือเฉียนมัดไว้แน่น
เตะเขาจนขางอ ให้เขาคุกเข่าบนพื้น
ท่านปู่ชิวถึงได้หันหน้าไปมองเขา สายตาเย็นชาและสงบนิ่ง
“หลี่เก๋อ นายเอาแต่พูดว่านายอยากแก้แค้น ยังไม่ต้องพูดถึงว่าการกระทำของนายในตอนนี้มันเหมือนการหาทางแก้แค้นหรือเปล่า พูดเรื่องพ่อนายก่อน การตายของเขามันเกี่ยวอะไรกับฉัน?”
หลี่เก๋อยิ้มเยาะ “แกยังกล้าเล่นลิ้นอีกเหรอ? แกกล้าพูดไหม ว่าแกไม่ได้แอบส่งคนไปฆ่าเขา?”
ท่านปู่ชิวพูดอย่างเยาะเย้ย “ชิวหยุนเจินอย่างฉันทำอะไรเปิดเผยไม่มีเล่ห์เหลี่ยมตลอด ถ้าฉันเป็นคนฆ่า ฉันไม่เคยปฏิเสธ แต่ถ้าไม่ใช่ ก็อย่าคิดจะโยนความผิดให้ฉัน”
“แกพูดมั่ว!”
หลี่เก๋อโกรธถึงขีดสุด แต่ท่านปู่ชิวก็ดูเหมือนขี้เกียจจะสนใจเขาอีกแล้ว
เขาหันหน้าไปมองจิ่งหนิง
“ในเมื่อพวกเธอช่วยชีวิตเสี่ยวฮัวกลับมาได้ตามที่สัญญาไว้ สิ่งที่ฉันสัญญากับพวกเธอก่อนหน้านี้ ฉันก็ควรทำมันให้ได้”
ขณะที่พูด ก็หยิบแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ชิ้นนั้นออกมาจากกระเป๋า แล้วส่งให้เธอ
“นี่คือสิ่งที่พวกเธอต้องการ เก็บไว้ให้ดี”
จิ่งหนิงทำหน้าดีใจ รีบรับมา แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “ขอบคุณมากค่ะท่านปู่”
ท่านปู่ชิวยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร
ข้างๆ หลี่เก๋อกลับสะเทือนใจแล้ว
“แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ มันคือแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์นี่”
เขาเบิกตากว้าง ในปากก็พึมพำ ทั้งร่างเหมือนคนบ้าคลั่ง จ้องแผ่นหยกในมือจิ่งหนิง
“มันคือแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์จริงๆ นั่นมันของของฉัน เอามาให้ฉัน เอามาให้ฉัน!”
ขณะที่พูด ก็ดิ้นรนจะพุ่งเข้าหาจิ่งหนิง
อย่างไรก็ตาม กู้ซือเฉียนจะให้เขาทำตามปรารถนาได้อย่างไร?
แตะอีกหนึ่งที และอีกหนึ่งหมัด ทำร้ายเขาจนนอนลงกับพื้นทันที และยากที่จะลุกขึ้นอีกครั้ง
กู้ซือเฉียนพูดเสียงเข้ม “ท่านปู่ชิว ฉันมีอีกหนึ่งคำขอ”
ท่านปู่ยกมือขึ้นอย่างใจกว้าง “เชิญพูด”
กู้ซือเฉียนหันสายตาไปมองหลี่เก๋อที่นอนอยู่บนพื้น สีหน้าซีดเซียว สายตาเย็นชา “ฉันรู้สึกว่าคนคนนี้เหมือนสมาชิกฝ่ายตรงข้ามฉัน ฉันเลยอยากพามันกลับไปสอบถามหน่อย ท่านปู่ชิวได้โปรดตกลง”
ท่านปู่ชิวได้ยินดังนั้น ก็ขมวดคิ้ว
อย่างไรก็ตาม หลี่เก๋อก็ถือเป็นหลานชายของหลี่ชู่วที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นพวกพ้องของเขา เขารู้สึกผิดต่อหลี่ชู่วสองสามีภรรยา และรู้สึกผิดต่อหลี่จง ดังนั้นเมื่อหลี่จงไม่ได้วางแผนฆ่าพ่อแม่ของเสี่ยวฮัว เขาก็ไม่ลงมือแก้แค้นกลับ
ด้วยเหตุนี้ จริงๆ แล้วถึงแม้ว่าหลี่เก๋อจะลักพาตัวเสี่ยวฮัว ในสถานการณ์ที่เสี่ยวฮัวยังมีชีวิตปลอดภัย เขาก็ไม่อยากสอบสวนหลี่เก๋ออีก
กู้ซือเฉียนมองออกถึงความลำบากใจของเขา ก็พูดอีกครั้ง “ฉันรับประกันว่าจะไม่ทำร้ายเขา”
ท่านปู่ชิวถึงจะพยักหน้า “ได้ มันคือเรื่องของพวกเธอ ฉันจะไม่ยุ่ง”
หลี่เก๋อเห็นว่าเป็นแบบนี้ ทันใดนั้นก็กรีดร้องเสียงดังขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ไม่ได้! ฉันไม่ไปกับพวกมัน! ฉันไม่ไปกับพวกมัน! ชิวหยุนเจิน แกฆ่าปู่ย่าฉัน ฆ่าพ่อฉัน ตอนนี้ยังมอบฉันให้กับคนพวกนี้อีก แกยังมีความผิดชอบชั่วดีไหม? แกบ้าไปแล้วใช่ไหม?”
กู้ซือเฉียนขมวดคิ้ว ขี้เกียจฟังเขาตะคอกและตะโกนไปมั่วๆ ก็เอามีดพกสับเขาให้สลบไป
ท่านปู่ชิวเห็นสถานการณ์นี้ ถึงแม้จะทนไม่ค่อยได้ แต่ก็ไม่พูดอะไร
จัดการทั้งหมดนี้แล้ว กลุ่มคนก็บอกลาปู่หลานคู่นี้ ออกจากหมู่บ้านตระกูลว่านไป
พวกเขาไม่ได้รีบร้อนกลับเมืองหลวง อยู่ที่เมืองผิงไปก่อน เตรียมตัวรอพักผ่อนเรียบร้อยค่อยกลับไป
เมื่อคืนวานนอนไม่หลับทั้งคืน ผู้คนไม่กี่คนเหนื่อยมากแล้ว กู้ซือเฉียนเอาหลี่เก๋อที่ถูกมัดให้ฉินเยว่คอยดูแลควบคุม จากนั้นก็พาเฉียวฉีไปพักผ่อนด้วยความวางใจ
นอนหลับตื่นขึ้น ก็เป็นเวลาบ่าย
ครั้งนี้คนที่ตามพวกเขามาด้วยกัน มีแค่ไม่กี่คนที่ฉินเยว่พามาด้วย ส่วนซูมู่และโม่หนานให้อยู่ที่เมืองหลวงเพื่อช่วยจัดการงานธุรกิจ
ฉินเยว่เตรียมอาหารให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว ผู้คนไม่กี่คนตื่นขึ้นมาก็อาบน้ำสักพัก ทานอาหารด้วยกัน ก็เดินมาถึงห้องที่หลี่เก๋อถูกคุมขัง
ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว หลี่เก๋อดูสงบนิ่งขึ้นเยอะอย่างเห็นได้ชัด ทั้งร่างถูกมัดไว้ นั่งบนพื้นมองพวกเขาอย่างเย็นชา
กู้ซือเฉียนและกลุ่มคน นั่งบนโซฟา มองสำรวจเขา แล้วพูดอย่างราบเรียบ “ว่ามาสิ แกมาจากไหน?”
หลี่เก๋อไม่พูด หันศีรษะไปข้างๆ เป็นความรู้สึกต่อต้าน
กู้ซือเฉียนก็ไม่รีบ หัวเราะเยาะ แค่เชิดคางขึ้นเล็กน้อย ขยิบตาให้กับฉินเยว่
วินาทีต่อมา มีดด้ามหนึ่งก็แทงไปที่ต้นขาหลี่เก๋อทันที
เขากรีดร้อง สีหน้าซีดเซียว ร่างกายเจ็บจนสั่น เหงื่อเย็นไหลลงมาทันที
กู้ซือเฉียนดึงบุหรี่ออกมา จุดไฟ ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“แกไม่พูดก็ได้นะ ฉันมีหลายวิธีมากที่จะสามารถจัดการแกอย่างช้าๆ ถ้าแกไม่เชื่อก็ลองดู”
หลี่เก๋อกัดฟันจ้องมองเขา ผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงดังขึ้น “ถุย”
“แกอยากได้ข้อมูลอะไรจากฉัน ฝันไปเถอะ!”
กู้ซือเฉียนหรี่ตาเล็กน้อย ยิ้มราบเรียบขึ้นมา
“พูดแบบนี้ แกมีตัวตนอื่นจริงๆ เหรอ?”
หลี่เก๋อหายใจไม่ออก
กู้ซือเฉียนยิ้มอีกครั้ง “ไม่รีบ ฉันบอกแล้วไง ฉันจัดการแกอย่างช้าๆ ได้”
เขาบ่งบอกอีกครั้ง จากนั้นก็เห็นฉินเยว่ชักมีดที่แทงบนต้นขาเขาออกมา แล้วมีดอีกด้ามก็แทงไปที่น่องเขาทันที
หลี่เก๋อเจ็บจนทั้งใบหน้าเป็นสีเขียว เส้นเลือดบนหน้าผากกระตุกตลอดเวลา เหงื่อเหมือนอยู่ในเข่งติ่มซำ มันซึมออกมาข้างนอกเรื่อยๆ
หลังจากจิ่งหนิงคลอดลูกแล้ว ก็ไม่ค่อยสามารถดูฉากนองเลือดประเภทนี้ได้แล้ว จึงกระแอมไอเบาๆ พูดกับลู่จิ่งเซิน “คุณออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนฉันหน่อย”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้า ลุกขึ้นพยุงเธอเดินออกไปด้วยกัน
ด้านหลังมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาสองครั้ง
หัวใจจิ่งหนิงเต้นขึ้นมาสองครั้ง ลู่จิ่งเซินกำมือเธอเน่น แล้วพูดเสียงทุ้ม “บางคน ไม่ใช้วิธีแบบนี้ ก็งัดปากพวกมันไม่ได้หรอก”
จิ่งหนิงพยักหน้า “ฉันเข้าใจ”
สีหน้ายังเธอค่อนข้างซีดเซียว มองไปยังทางเดินยาวด้านหน้า แล้วพูดเสียงเบา “ฉันแค่เห็นเลือดนั้นแล้วรู้สึกแย่มาก เหมือนหายใจไม่ค่อยดีนัก ออกมาสูดอากาศปลอดโปร่งสักหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”