ทุกคนเดินเล่นกันจนถึงตอนเย็น ก่อนจะไปแวะทานข้าวที่ภัตตาคารชั้นสูงอีกแห่งหนึ่ง
หลังจากทานเสร็จเจ้านายหยู ก็ถามทุกคนว่ายังอยากจะไปเดินถนนคนเดินในตอนกลางคืนต่อไหม หรืออยากจะไปเที่ยวเล่นในสถานบันเทิง
แต่เพราะจิ่งหนิงรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เธอจึงบอกปฏิเสธไป
เจ้านายหยูเห็นดังนั้น ก็ไม่ได้บังคับอะไร เพียงแค่พาพวกเขามาส่งที่โรงแรมเท่านั้น
ส่วนตัวเขาไม่ได้พักอยู่ที่นี่ เพราะว่าต้องออกไปข้างนอกบ่อย ๆ และเขาเองก็มีบ้านอยู่ที่ประเทศ T ด้วย ตอนเย็นเลยต้องกลับไปพักที่นั่น
ก่อนจากไป จิ่งหนิงจึงเอ่ยถามเขาด้วยความสงสัยว่า “พวกเราจะได้ไปสำรวจเหมืองทางนั้นเมื่อไรเหรอ?”
เจ้านายหยูตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “พรุ่งนี้ก็ไปได้แล้วครับ เพราะว่าเหมืองอยู่ห่างจากตัวเมืองค่อนข้างมาก ถ้าวันนี้ไปอาจจะกลับมาไม่ทัน อีกอย่างที่นั่นก็ค่อนข้างลึกลับ แถมความสงบเรียบร้อยก็ไม่ค่อยดี ถ้าตอนเย็นไปพักที่นั่นเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยสักเท่าไร เพราะงั้นไว้พรุ่งนี้รีบไปแต่เช้าตอนเย็นก็กลับมาน่าจะพอดีครับ”
จิ่งหนิงได้ฟังดังนั้น ก็พยักหน้ารับ
รอจนเจ้านายหยู เดินจากไป เธอถึงได้กลับขึ้นห้องพัก พร้อมกับทำความสะอาดตัวเอง จากนั้นก็เอนตัวลงบนเตียงเพื่อพักผ่อน
เช้าตรู่ของวันต่อมา เจ้านายหยูก็ขับรถมารับพวกเขา
ครั้งนี้ เขาขับรถลินคอร์น รุ่นเอกซ์เทนด์มาคันหนึ่ง
รถคันนี้ทุกคนสามารถนั่งกันได้พอดี ด้านในยังมีตู้เย็นขนาดเล็กพร้อมกับไวน์แดงอีกด้วย และเพราะต้องใช้เวลาเดินทางกว่าสามชั่วโมง จึงสามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้นิดหน่อย เพื่อเป็นการฆ่าเวลาแก้เบื่อ
ด้านจิ่งหนิงนั้นกำลังตั้งครรภ์ แน่นอนว่าดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้
ส่วนลู่จิ่งเซินเองก็ไม่ดื่มอยู่แล้ว โม่ไฉ่เวยกับเชวซู่ ก็ยิ่งไม่แตะเลย
ดังนั้น สุดท้ายแล้วก็เหลือเพียง เจ้านายหยูกับลู่หลันจือเพียงสองคนที่นั่งชนแก้วกันอยู่
ทุกคนพูดคุยกันสนุกสนานตลอดทาง เจ้านายหยูนั้นเป็นนคนช่างพูด แถมยังแสดงสีหน้าเก่ง ขณะที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมให้ทุกคนฟัง ก็หันไปคุยเล่นกับลู่หลันจือด้วย ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น
พอถึงช่วงเที่ยง ในที่สุดรถก็ขับมาถึงที่หมาย
พอทุกคนลงรถ ภาพที่เห็นเบื้องหน้าคือพื้นที่ทุรกันดารแห่งหนึ่ง โดยรอบไร้ซึ่งผู้อยู่อาศัย แสงอาทิตย์สาดส่องลงมากลางหัวพอดี ราวกับว่าพวกเขาเข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
ลู่หลันจือเพิ่งจะเคยมาสถานที่แบบนี้เป็นครั้งแรก ในใจก็อดรู้สึกกลัวไม่ได้
เธอหดตัวเข้าไปอยู่ข้างลู่จิ่งเซิน ก่อนจะถามขึ้นว่า “เจ้านายหยูเหมืองที่คุณบอกอยู่ไหนล่ะ? คุณคงไม่ได้หลอกพวกเราหรอกใช่ไหม?”
เจ้านายหยูตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ดูคุณลู่พูดเข้าสิครับ ผมจะไปหลอกพวกคุณได้ยังไง? ปกติแล้วสถานที่ที่เป็นเหมือง ก็ต้องอยู่ห่างไกลอยู่แล้ว ถ้าตั้งอยู่รอบ ๆ เมือง คงถูกเจอว่ามีการขุดเจาะไปตั้งแต่แรก ตั้งอยู่ที่นี่ก็ไกลหน่อย แต่จากตรงนี้เข้าไปก็ถือว่าใกล้แล้วครับ แค่ข้ามเนินเขาเล็ก ๆ ตรงหน้าไปก็ถึงแล้ว”
ขณะพูด เขาก็ชี้ไปทางเนินเขาเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างหน้า
และเนื่องจากเนินเขานี้ยังไม่มีการทำถนน ดังนั้น เลยมีแค่ทางเท้าเล็ก ๆ ที่เอาไว้ให้คนเดินเข้าเท่านั้น รถยนต์ไม่สามารถขับเข้าไปได้ จึงต้องจอดไว้อีกฟาก
ลู่หลันจือเห็นดังนั้น ก็เงยหน้าเหลือบตามองลู่จิ่งเซินแวบหนึ่ง
ด้านลู่จิ่งเซินก็หันหน้าไปถามจิ่งหนิงว่า “จะเหนื่อยไหม?”
จิ่งหนิงส่ายหน้าเบา ๆ
“งั้นพวกเราก็ลองเข้าไปดู”
หญิงสาวพยักหน้ารับ
ดังนั้น คนทั้งหมดจึงเริ่มเดินข้ามเนินเขาเล็ก ๆ เพื่อไปยังจุดมุ่งหมายที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
หลังจากที่ข้ามเนินเขามาได้แล้ว เบื้องหน้าก็เป็นเหมืองจริง ๆ ด้านล่างถูกระเบิดให้เป็นช่องไว้ โดยมีคนงานประมาณสิบกว่าคนกำลังทำงานกันอยู่พอดี
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งสังเกตเห็นเจ้านายหยู จากหางตา เขาจึงรีบวิ่งเข้ามาหาอย่างร้อนรนทันที
“เถ้าแก่ กลับมาแล้วเหรอครับ”
เจ้านายหยูยิ้มพร้อมกับพยักหน้า “ฉันขอแนะนำหน่อย ท่านนี้คือเจ้านายลู่ส่วนอีกท่านคือภรรยาของเจ้านายลู่ ประธานจิ่งส่วนท่านนี้คือคุณเชว คุณนายเชวแล้วก็คุณลู่”
เจ้านายหยูเองก็ฉลาดมาก เขารู้ดีว่าตำแหน่งของลู่จิ่งเซินนั้นไม่ธรรมดา บางทีชายหนุ่มอาจจะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขามาที่นี่
เพราะงั้น ในตอนที่แนะนำตัว เขาจึงไม่ได้เปิดเผยสถานะของลู่จิ่งเซินออกไป เพียงแค่เรียกว่าเถ้าแก่เท่านั้น
เมื่ออีกฝ่ายได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะกล่าวทักทายทีละคน
จากนั้น เจ้านายหยูก็โบกมือเบา ๆ “เอาล่ะ คุณไปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวผมพาพวกเขาไปเดินดูรอบ ๆ เอง”
อีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินจากไป ส่วน เจ้านายหยูก็ผายมือออกไปด้านหน้า “ท่านประธานลู่ เชิญครับ”
ลู่จิ่งเซินค่อย ๆ พาจิ่งหนิงเดินตรงไปข้างหน้า
จริง ๆ แล้วเหมืองนี้ก็ไม่ได้มีอะไรน่าดูสักเท่าไร นอกจากจะได้เก็บข้อมูลบางส่วน ดูสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์รอบ ๆ และสิ่งที่ถูกขุดขึ้นมา ที่เหลือก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนักสำรวจธรณีวิทยาเท่านั้น
ก่อนที่ลู่จิ่งเซินจะมาที่นี่ เขาได้ติดต่อนักธรณีวิทยาของทางนี้ไว้แล้ว แต่เพราะวันนี้อีกฝ่ายไม่ว่างพอดี เลยต้องมาพรุ่งนี้แทน
หลังจากที่ลู่จิ่งเซินบอกเรื่องนี้กับเจ้านายหยู อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับด้วยความสบายใจ
“ไม่มีปัญหาครับ เพราะถึงยังไงนี่ก็เป็นเงินก้อนใหญ่ ท่านประธานลู่จะหาคนมาสำรวจให้ชัดเจนก่อนก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วครับ ถ้าวันพรุ่งนี้เขามากันแล้ว คุณติดต่อผมโดยตรงได้เลย หรือพรุ่งนี้เช้าให้พวกเขาติดต่อผม เดี๋ยวผมพาพวกเขามาเองก็ได้เหมือนกันครับ เพราะยังไงผมก็ต้องขับรถมาที่นี่ทุกเช้าอยู่แล้ว”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้ารับ
หลังจากเดินวนดูรอบ ๆ เสร็จแล้ว ลู่จิ่งเซินก็เข้าไปในเหมืองเพื่อดูหินหยกที่วันนี้เพิ่งจะถูกขุดออกมา
มีหลายชิ้นที่ยังไม่ถูกเปิดออกเลยยังไม่เห็นสีด้านใน แต่จากการคาดคะเนด้วยสายตา ก็พอจะรู้แล้วว่าสิ่งที่อยู่ด้านในนั้นต้องมีมูลค่าไม่น้อยแน่ ๆ
หลังจากที่สำรวจเสร็จ ในใจเขาก็พอจะมีแผนไว้แล้ว
เขาจึงบอกกับเจ้านายหยู ว่า “พรุ่งนี้รอให้คนของผมเข้ามาตรวจสอบก่อน ถ้าไม่มีปัญหาอะไร คุณก็มาหาผมเพื่อเซ็นสัญญาได้เลย”
เจ้านายหยูได้ฟังดังนั้น ก็ชะงักไปด้วยความยินดี ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างแรง “ตกลง ผมเข้าใจแล้วครับ”
ที่เขายินดีนั้น ไม่ใช่แค่การได้หุ้นส่วนมาทำธุรกิจด้วยกัน แต่ยังเป็นการขึ้นรถด่วนร่วมกับตระกูลลู่อีกด้วย
คนฉลาด ๆ ต่างก็รู้ดี ว่าการได้ทำธุรกิจกับคนที่มีความสามารถอย่างลู่จิ่งเซิน ไม่ได้หมายถึงประโยชน์ทางธุรกิจอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการทำงานในระยะยาวอีกด้วย
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย แค่คนอื่นรู้ว่าเขาได้ทำธุรกิจร่วมกับลู่จิ่งเซิน ฐานะและความน่าเชื่อถือของเขาคงจะเพิ่มขึ้นไม่น้อย
ลู่จิ่งเซินเองก็ใช่ว่าจะไม่รับรู้ถึงความคิดนี้
แต่จากตำแหน่งของเขาที่ค่อนข้างสูง ชายหนุ่มจึงคุ้นชินกับการที่มีคนมาคอยจับจ้องและพึ่งพาอาศัยแบบนี้ตั้งนานแล้ว
แม้แต่การที่มีคนอยากจะหาผลประโยชน์จากตัวเขา นี่ก็ถือเป็นเรื่องปกติเช่นกัน
เพียงแค่ว่าหากอีกฝ่ายสามารถให้ผลประโยชน์ที่เหมือนกับเขาได้ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะทำความร่วมมือด้วย
ดังนั้น หลังจากที่ เจ้านายหยูพาพวกเขากลับมาส่งที่โรงแรมเรียบร้อย ชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
กลับเป็นลู่หลันจือ ที่วันนี้ไปเดินวนกับพวกเขาอยู่ยกใหญ่ อะไร ๆ ก็ดูไม่รู้เรื่องสักอย่าง หัวของเธอเลยมึนงงไปหมดจนถึงตอนนี้
เธอเห็นลู่จิ่งเซินกับจิ่งหนิงเดินอยู่ข้างหน้า หญิงสาวจึงรีบเร่งฝีเท้าเพื่อตามให้ทัน ก่อนจะถามขึ้นว่า “จิ่งหนิง เหมืองนั่นเธอดูแล้วใช่ไหม? มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
ลู่จิ่งเซินจึงตอบกลับเสียงเรียบว่า “น่าจะไม่มีปัญหาอะไร พรุ่งนี้รอให้คนของนักสำรวจธรณีวิทยาเข้าไปตรวจสอบก่อน ถ้ายืนยันแล้วว่าหินในเหมืองนั้นเป็นของจริง ก็เซ็นสัญญาได้เลย”
ลู่หลันจือค่อย ๆ วางใจลง หญิงสาวถอนหายใจออกมายาว ๆ หนึ่งที “เหรอ งั้นก็ดี”
ขณะที่พูด อยู่ ๆ เธอก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
“จิ่งเซิน ดูสิ งั้นก็ถือว่าป้าช่วยให้ได้เงินก้อนโตจากธุรกิจครั้งนี้ใช่ไหม? คงต้องขอบคุณป้าสักหน่อยรึเปล่า?”
ลู่จิ่งเซินเหลือบมองเธอเล็กน้อย
จิ่งหนิงยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณป้าอยากได้อะไรคะ?”
ลู่หลันจือหรี่ตาลง “ได้ยินว่าที่ประเทศ T มีสถานที่หนึ่งเรียกว่าเนเวอร์สลีฟ ดูน่าสนุกดี คืนนี้ฉันอยากจะไปเที่ยวเล่นสักหน่อย”