ตอนที่ 111 เจอกันอีกครั้ง
วันนี้เพื่อนนัดรวมตัว ที่จริงในใจของผมกำลังรอคอยวันนี้
จากที่จางจึเทาบอก เพื่อนเกือบทั้งห้องจะมาร่วมงาน
เมื่อคิดถึงเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมาหลายสิบปี ในใจของผมก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
อาจารย์บอกผมว่าดื่มให้มันน้อยๆหน่อย ผมก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อย บอกลาเสร็จสรรพ จากนั้นผมก็เดินทางเข้ามาในเมืองทันที
โรงแรมไดนาสตี้ อยู่ในเขตชานเมือง มีเนื้อที่ขนาดใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่พักผ่อนในวันหยุดเลยละ
สำหรับพวกเราที่นี่ มันถือว่าเป็นโรงแรมที่ดีที่สุด
ผมนั่งรถมาตลอดทาง ในที่สุดผมก็มาจนถึงโรงแรม ตอนนี้เป็นเวลา 10.30 น. แล้ว
หลังจากมองดูเวลา ว่าสายมากแล้ว ผมจึงจ่ายเงินแล้วรีบลงจากรถทันที
แต่ตอนที่ผมลงมาจากรถ ก็มีรถแท็กซี่อีกคันเข้ามาจอด จากนั้นสาวสวยคนนึงก็เดินลงมาจากรถ
เธอดูดีมาก อารมณ์แบบยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าสวยมากขึ้นเรื่อยๆ
เธอใส่เสื้อผ้าธรรมดาๆ ปล่อยผมประบ่า แลดูเรียบมากๆ
แต่ความรู้สึกที่เธอให้กับคนอื่น มันกลับดึงดูดสายตาเป็นพิเศษ แม้ว่าจะเดินอยู่บนถนน แต่ก็ต้องสังเกตเห็นตั้งแต่วินาทีแรก
ผมหันไปมองเธออยู่พักหนึ่ง รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้รูปร่างหน้าตาไม่เลว จากนั้นก็เดินออกไปจากจุดนั้น
เพราะตอนนี้ผมกำลังรีบ จึงไม่มีอารมณ์มายืนมองสาวสวย
แต่ผู้หญิงคนนั้นกับสังเกตเห็นผม เมื่อเห็นผมจะเดินจากไป เธอก็พูดขึ้นมาทันที “ ติงฝาน ”
เธอแฝงไปด้วยน้ำเสียงที่สงสัย ดูเหมือนกำลังถาม
ทันใดนั้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อตัวเอง ผมก็ตกใจทันที
ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมเธอถึงรู้จักฉันได้ หรือว่า หรือว่าเป็นลูกค้าเก่าของร้านเรา
ผมสงสัย แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเสียมารยาท ผมหยุดเดิน จากนั้นก็หันมามองเธอ
และพูดด้วยความสงสัย “ เธอคือ… ”
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นผมหยุดเดิน และพูดแบบนั้นกับเธอ
“ พรึบ ” ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป เธอหัวเราะออกมาทันที “ นายลืมฉันแล้วซินะ ”
อึดอัดใจโว้ย ! ฉันจำได้กะผีนะซิ ไม่อย่างนั้นฉันจะถามเธอทำเพื่อ
“ จำ จำไม่ได้ ! ” ผมส่ายหัว
แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับยิ้ม จากนั้นก็ทำท่าทางขี้เล่น และพูดกับผมว่า “ …เป่า ! ”
ตอนแรกผมยังสับสนและมึนงง แต่เมื่อได้ยินคำว่า “ …เป่า ” สามคำนี้ “ พรึบ ” สีหน้าของผมก็เปลี่ยนไปทันที
สำหรับผมแล้ว ทั้งสามคำนี้ก็คือความทรงจำในวัยเด็ก
ในความทรงจำวัยเด็ก ผมมีเพื่อนเป็นเด็กผู้หญิงอ้วนคนหนึ่ง
เพราะบ้านผมเปิดกิจการเกี่ยวกับงานศพ ดังนั้นคนอื่นจึงชอบว่าผมเป็นตัวซวย ส่วนเด็กผู้หญิงเป็นเพราะเธออ้วนมาก เธอเลยไม่มีคนเล่นด้วยเหมือนกัน
ดังนั้น พวกเราสองคนจึงกลายเป็นเพื่อนกัน
หลังจากเลิกเรียนก็จะกลับมาพร้อมกัน เล่นด้วยกันเสมอ
เพราะอาจารย์ของผมต้องขายพวกธูป เทียน กระดาษเงินกระดาษทอง หรือหยวนเป่า และอื่นๆอีกมากมาย ดังนั้นจึงถูกเด็กผู้หญิงล้อว่า…เป่า
แต่ในอดีตได้เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ขึ้น และตอนนั้นพ่อแม่ของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็เสียชีวิต
สุดท้ายเด็กคนนี้ก็ถูกส่งไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จากนั้นมาผมก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย
และความทรงจำในวัยเด็กนี้ ก็ถูกฝังลึกอยู่ในใจของผมมาโดยตลอด
วินาทีนั้น ความทรงจำวัยเด็กก็ผุดขึ้นมาในหัว
ผมเริ่มนิ่งเงียบไปทันที เหมือนกับมีกระแสความร้อนพัดเข้ามาในสมองของผม ตอนนี้ตัวผมจึงเริ่มหายใจเร็วขึ้นมาเล็กน้อย
ผมไม่อยากจะเชื่อว่า ผู้หญิงที่ดูมีเสน่ห์และรูปร่างสูงโปร่งตรงหน้า จะเป็นเด็กผู้หญิงอ้วนๆกลมๆคนนั้น
ผมกลืนน้ำลาย ค่อนข้างประหลาดใจ
แต่ผู้หญิงตรงหน้ายังคงยิ้มหวานให้ เธอเอนหัวเล็กน้อยและถามผมว่า “ อะไรกัน จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็สูดหายใจเข้าลึกๆ “ เธอ เธอคือเสี่ยวม่าน ”
เสียงพึ่งเงียบ ทันใดนั้นผู้หญิงคนนั้นก็พยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “ เฮ้อค่อยยังชั่ว ! นายยังจำฉันได้ ! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ นายสบายดีไหม ”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายหนักแน่น ผมก็รู้สึกดีใจสุดๆ
เพราะตอนที่เสี่ยวม่านถูกพาตัวไป ผมไม่ได้พบหน้าเธอเป็นครั้งสุดท้าย
เพียงแต่รู้แค่ว่าวันนั้นเธอไม่ได้ไปโรงเรียน หลังจากกลับมาถึงบ้านก็ได้รู้ว่า สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามารับตัวเธอไปแล้ว
ตอนนั้นผมยังเด็กมาก พึ่งเรียนอยู่ชั้นประถม จึงบ่นว่าเสี่ยวม่านไม่ยอมบอกลาก็ไปซะแล้ว
จนเมื่อผมโตขึ้น ก็รู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิด และเธอก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย
แต่คิดไม่ถึง ว่าจะได้มาเจอเธอที่นี่
ผมพยักหน้าแรงๆ “ ดี ฉันสบายดี และตอนนี้ฉันก็กลายเป็นนักพรตเต็มตัวแล้วนะ ! ”
แน่นอนว่าเสี่ยวม่านรู้ว่าบ้านของผมทำอะไร ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของผม ก็หัวเราะ “ ฮ่าฮ่าฮ่า ” ด้วยความพอใจอย่างมาก
“ จ้า ! ยินดีด้วยนะ ฉันเองก็มาร่วมงานของเพื่อน พวกเราเข้าไปพร้อมกันเถอะ ! ” เสี่ยวม่านพูดออกมาอีกครั้ง
ผมตอบรับ “ อือ ” จากนั้นก็แอบพูดว่าเจ้าจางจึเทานี่ร้ายกาจจริงๆ แม้แต่เสี่ยวม่านก็ยังติดต่อมาได้
จากนั้น ผมและเสี่ยวม่านก็เข้าไปในโรงแรมพร้อมกัน
พูดจริงๆนะ วันนี้มันแปลกสุดๆ
และการเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวม่านก็มีเยอะมาก เมื่อก่อนเธอตัวเล็กๆ และผิวก็ค่อนข้างดำ
แต่ตอนนี้เธอกับสูงสง่า ผิวก็เปลี่ยนเป็นสีขาว
ผมถามเสี่ยวม่านว่าหลายปีที่ผ่านมาเธอไปอยู่ที่ไหน เสี่ยวม่านบอกผมว่า เธอถูกป้าจ้าวที่ใจดีและมีแซ่เดียวกันรับไปเลี้ยง แถมอยู่ที่เมืองหวงหลงที่อยู่ข้างๆพวกเรา ต่อมาเธอก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ และตอนนี้ก็พึ่งกลับมาหมาดๆ
เพราะจางจึเทาและเธอฝึกงานที่บริษัทเดียวกัน ดังนั้นเสี่ยวม่านจึงมาร่วมงานในครั้งนี้ได้
เมื่อได้ยินเสี่ยวม่านพูดแบบนั้น ผมก็อดไม่ได้ที่หันไปมองเธอสองสามครั้ง
คิดไม่ถึงว่าเด็กผู้หญิงคนนั้น ตอนนี้จะกลายเป็นไฮโซนักเรียนนอกไปแล้ว
เสี่ยวม่านเล่าเรื่องราวของเธอสั้นๆเท่านั้น แต่ตอนที่เล่า ก็เห็นได้ชัดว่าเธอได้เจอกับครอบครัวที่ดี
และน้ำเสียงของเสี่ยวม่าน ยังบอกได้อีกว่าครอบครัวนั้น มีคุณสมบัติค่อนข้างดีในทุกด้าน และยังรับเลี้ยงแค่เธอคนเดียว
แม้ว่าครอบครัวที่แท้จริงของเสี่ยวม่านจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่เธอก็ได้พบกับครอบครัวใหม่ที่ดี ผมจึงรู้สึกดีใจแทนเธอ
พวกเราคุยกัน จนมาถึงห้องส่วนตัวที่ระบุเอาไว้
ข้างในดังมาก ดูเหมือนคนจะมากันเยอะแล้ว
ผมสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็เปิดประตูออก
ช่วงเวลาที่ผมผลักประตูให้เปิดออก ก็เห็นว่าโต๊ะใหญ่สองโต๊ะด้านใน มีคนนั่งจนเต็มแล้ว
และโต๊ะนี้ยังเป็นโต๊ะกลมที่มีขนาดใหญ่ หนึ่งโต๊ะสามารถนั่งได้ประมาณ 6 คน
ตอนนี้เมื่อเห็นว่าอีกสองโต๊ะก็มีคนนั่งเกือบเต็มหมดแล้ว ผมจึงคิดว่า โรงเรียนเล็กๆในตำบลของพวกเรา หนึ่งห้องมีนักเรียน 30 คน
งั้นก็แสดงว่า ตอนนี้คนมาถึงกว่า 80% แล้ว
เมื่อกวาดสายตามอง ผมก็พบใบหน้าที่คุ้นเคยมากมาย
แต่ก็มีบางคน ที่ผมรู้สึกไม่คุ้นหน้า
ขณะที่กำลังมองทุกคน ในห้องก็มีเสียงดังเอะอะโวยวายอยู่แล้ว
“ สุดยอด นี่มันไม่ใช่คนที่ขายของให้คนตายเหรอวะ ”
“ ใช่ใช่ใช่ ฉันจำได้ บ้านของมันขายเงินกระดาษหยวนเป่าอะไรพวกนั้น! มันชื่ออะไรนะ ”
“ ติงฝาน ใช่ชื่อติงฝาน ! ”
“ สุดยอด ที่แท้พี่ฝานก็เสด็จมาแล้ว เชิญเชิญ เชิญทางนี้…… ”
“ …… ”
ขณะที่ฟังเสียงโต้เถียงกันในห้อง ผมก็ได้ยินเสียงคนบางกลุ่มพูดประชด แต่ผมก็ไม่สนใจ
ทุกคนจำชื่อผมไม่ได้ ถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก
และบ้านของผมก็ขายเงินกระดาษและหยวนเป่าให้คนตายจริงๆ นี่เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
ส่วนเสียงที่ไม่ดีพวกนั้น ผมขี้เกียจเกินที่จะใส่ใจ
เพียงพูดกับเพื่อนคนอื่นว่า “ ขอโทษนะเพื่อน ที่มาสาย ! ”
ขณะที่พูด ผมก็เดินเข้าไป
จางจึเทากลับเดินมาต้อนรับผมอย่างอบอุ่น และยังส่งบุหรี่ให้อะไรทำนองนั้น
แต่ผมพึ่งก้าวเดิน เสี่ยวม่านก็เดินตามมาทันที
เมื่อเสี่ยวม่านปรากฎตัว ก็ดึงดูดสายตาของทุกคน
ดูเหมือนเพื่อนผู้ชายต่างตกตะลึง มองเสี่ยวม่านไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าจำเสี่ยวม่านไม่ได้
ขนาดผมยังจำเสี่ยวม่านไม่ได้ คงไม่ต้องพูดถึงคนอื่นแล้วละ
“ สุดยอด คนสวยนี้ใครวะ ”
“ ติงฝาน นี่คงไม่ใช่แฟนแกหรอกนะ บอกแล้วไงว่าห้ามพาคนในครอบครัวมา ไม่อย่างนั้นอีกเดี๋ยวจะมาสนุกกันได้ยังไงละ ”
เสียงพึ่งจางหาย ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะ “ ฮ่าฮ่าฮ่า ” ดังขึ้น
จางจึเทากลับหมุนตัวไปโบกมือ จากนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา
ในเวลาเดียวกันก็พูดกับทุกคนว่า “ จำกันไม่ได้ละซิ ! ฉันจะแนะนำให้ทุกคนรู้จัก เธอผู้นี้คือจ้าวเสี่ยวม่านเพื่อนร่วมห้องของพวกเรา ! ”