ตอนที่ 113 คนตาย
เมื่อได้ยินว่ามีคนตาย หน้าของผมก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
เพราะมันเกี่ยวข้องกับอาชีพ ดังนั้นเมื่อผมได้ยินว่ามีคนตายจึงไม่รู้สึกหวาดกลัวหรือตกใจเลยสักนิด กลับกันยังอยากเข้าไปดูว่าเกิดออะไรขึ้นกันแน่
และสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ คนที่พักอยู่ในชั้นนี้ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนของพวกเรา
ดังนั้นผมจึงหันไปพูดกับเสี่ยวม่านที่อยู่ข้างๆว่า “ เสี่ยวม่าน เธอรอฉันตรงนี้นะ ! ”
หลังจากพูดจบ ยังไม่รอให้เสี่ยวม่านตอบกลับ ผมก็เดินเข้าไปในห้องแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ห้องที่อยู่ในชั้นนี้ต่างเปิดออกมาดู
ส่วนใหญ่คนพวกนี้ต่างใส่ชุดนอน หน้าตาง่วงซึม
แต่พนักงานคนนั้น ยังคงหวาดกลัว จึงพูดแต่คำเดิมๆ “ คน คน คนตาย คนตาย…… ”
เมื่อคนส่วนมากได้ยินคำพูดนี้ ก็ต่างแสดงสีหน้าหวาดกลัวทันที
แต่ก็ยังใจกล้า ลองเดินออกมาดู
ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมเดินมาถึงประตูของห้องนั้นแล้ว
แต่ผมพึ่งมาถึงประตู ก็ต้องตกใจทันที
เพราะผมเห็นภายในห้อง มีกองเลือดไหลนองอยู่กับพื้น
และบนกองเลือดนั้น ก็มีชายเปลื่อยเปล่าคนหนึ่งนอนอยู่
หน้าของชายคนนั้นแสดงถึงความหวาดกลัว ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมาที่ประตู ร่างกายนอนราบอยู่กับพื้น
แต่สิ่งที่ทำให้คนกลัวมากกว่านั้นก็คือ ที่หน้าอกของเขา ถูกคนฉีกออก จนเป็นรูโบ๋ ขนาดใหญ่ ราวกับถูก
ควกหัวใจออกไป
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมไม่ได้กลัว แต่กลับรู้สึกตกใจมาก
เพราะคนตายไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือจูกุ่ยเพื่อนสมัยประถมของผม
ในขณะที่ผมกำลังตกตะลึง เสี่ยวม่านก็วิ่งเข้ามา
ทันใดนั้นเธอก็พูดว่า “ อร๊าย! จูกุ่ย ! ”
เมื่อได้ยินเสียงของเสี่ยวม่าน ผมก็หันไปมองทันที
สถานที่ที่มีนองเลือดแบบนี้ ถ้าผู้หญิงมาเห็นเข้า จะต้องกลายเป็นปมฝังลึกอยู่ในจิตใจอย่างแน่นอน
ดังนั้นผมจึงลากแขนเสี่ยวม่านออกมา “ บอกว่าอย่าเข้ามา เธอยังจะเข้ามาทำไม ! เลิกมองได้แล้ว มันมีแต่เลือด ! ”
เสี่ยวม่านทำท่าเหมือนหายใจไม่ออก “ ทำ ทำไมเขาตายแล้วละ ”
เมื่อได้ยินเสี่ยวม่านพูด ผมก็ตอบกลับอีกครั้ง “ เขาน่าจะถูกคนฆ่า ! ”
เมื่อเสียวม่านได้ยินสิ่งที่ผมพูด ก็ตกตะลึงทันที มองหน้าผมด้วยความตกใจ
“ เขาถูกคนฆ่า ”
ในเวลาเดียวกัน คนอื่นๆที่อยู่ในชั้นนี้ก็ออกมาดู
หลังจากเห็นภาพการตายของจูกุ่ย ทุกคนต่างก็พูดวิพากวิจารณ์ และตกใจจนอธิบายไม่ได้
“ จูกุ่ยไม่ได้นอนหลับอยู่ดีๆเหรอ ทำไมถึงถูกคนฆ่าได้ละ ”
“ ใครจะไปรู้ละ ! เจ้านี้คอยแต่พึ่งพาเงินของพ่อ ทำเรื่องชั่วไปก็ไม่น้อย นี่ก็คงเป็นการแก้แค้นละมั้ง ! ”
“ ใช่คงไม่ผิดแน่ จะต้องมีคนบุกมาแก้แค้นแน่ๆเลย ”
“ …… ”
ช่วงเวลานั้น เพื่อนจำนวนมากต่างถกเถียงกันขึ้นมา
แต่ผมยังแสดงสีหน้าเคร่งขรึม เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างนั้น
เพราะเมื่อกี้ นอกจากผมจะพบว่าจูกุ่ยนอนตายอยู่ในกองเลือดแล้ว ผมยังรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
นั้นก็คือตอนที่ผมอยู่ในห้องจูกุ่ย ผมรู้สึกถึงพลังชั่วร้าย และที่คอของจูกุ่ย ผมยังเห็นรอยกัดที่รุนแรงของอะไรบางอย่าง เหมือนกับถูกสัตว์กัดคอ
เบาะแสสองอย่างนี้ ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่ามันอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งชั่วร้าย
แต่ปัญหาคือ สถานที่แห่งนี้มีพลังของคนไหลเวียนอยู่อย่างคลุ้มคลั่ง พลังหยางหนาแน่นขนาดนี้
แล้วจะมีอะไรช่วยให้เจ้าสิ่งชั่วร้ายนี้ มาฆ่าคนถึงที่นี่ได้ละ
เพราะคิดไม่ออก ดังนั้นหลังจากพูดปลอบใจเสี่ยวม่านเสร็จ ผมก็หันไปมองศพของจูกุ่ยอีกครั้ง
ตอนนี้ที่หน้าประตูเต็มไปด้วยผู้คนแล้ว ผมจึงต้องแหวกผู้คนเข้าไป สังเกตรอบๆห้องให้ละเอียดอีกครั้ง
แต่เพื่อความแน่ใจ ว่าในห้องยังมีพลังชั่วร้ายหลงเหลืออยู่ไหม ผมจึงหยิบขวดแก้วเล็กๆออกมาอย่างเงียบๆ และป้ายน้ำตาวัวไปที่เปลือกตาทันที
หลังจากเปิดตา ผมก็ลองมองไปที่ศพและห้องอีกครั้ง แล้วก็พบว่าในห้องมีบางสิ่งเพิ่มขึ้นมา
ตอนนี้ในห้องของจูกุ่ย มีไอสีเหลืองอ่อนอยู่
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ นี่คือพลังชั่วร้ายที่หลงเหลือไว้อย่างไม่ต้องสงสัย
ดูเหมือนการตายของเจ้านี้ จะไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว เรื่องนี้จะต้องมีสิ่งชั่วร้ายเข้ามาเกี่ยวข้องแน่
ไม่ใช่เพียงเท่านี้ ภายใต้ตาแห่งสวรรค์ ที่ร่างของจูกุ่ย ยังมีจุดสีเหลืองอยู่เป็นจำนวนมาก
นี่มันแปลกแล้ว ทำไมบนตัวศพถึงมีจุดสีเหลืองปรากฎอยู่ได้
และยังต้องใช้ตาสวรรค์เท่านั้น ถึงจะมองเห็น
มีบางอย่างกวนใจผม แต่ผมก็มั่นใจว่ามันต้องใช่
นี่ไม่ใช่การฆาตกรรมแบบธรรมดาๆ เขาจะต้องถูกวิญญาณชั่วสังหารแน่
ผมรู้สึกแย่กับจูกุ่ยมาโดยตลอด ตอนกินข้าวเที่ยง เขาก็ทำให้ผมอารมณ์เสียมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นมีเพื่อนอยู่เยอะ ผมคงทำเป็นคนไม่รู้จักกันไปแล้ว
แต่ ผมคิดว่าการตายของจูกุ่ย ผมก็มีส่วนเกี่ยวข้องและต้องรับผิดชอบ
อย่างแรกคือ ผมทำให้จูกุ่ยนอนหลับ ถ้าผมไม่ทำให้เขานอนหลับ หรือทำให้เขาปลีกตัวออกมาเรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
อย่างที่สอง ในฐานะเพื่อน และคนปราบสิ่งชั่วร้าย ผมมีหน้าที่สืบหาสาเหตุการตายที่แท้จริง
เพราะสองสาเหตุนี้ ทำให้ผมตัดสินใจค้นหาฆาตกรตัวจริงให้จูกุ่ย และแก้แค้นให้กับเขา
ความเป็นความตายของคน ไม่ใช่เรื่องที่สิ่งชั่วร้ายเหล่านี้จะควบคุมได้
และคนปราบสิ่งชั่วร้ายอย่างพวกเรา ก็ต้องรักษาความจริงในเรื่องนี้ให้สืบต่อไปในภายภาคหน้า
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผมก็ตัดสินใจเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับตาสวรรค์
ขอแค่เจ้าสิ่งชั่วร้ายนั้นเข้ามาใกล้แถวนี้ ผมก็จะสามารถตามพลังชั่วร้ายสีเหลืองอ่อนนั้นและหาตัวฆาตกรเจอ
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ผมก็เดินออกมาจากฝูงชน และมาถึงข้างตัวเสี่ยวม่าน
เสี่ยวม่านไม่ได้เป็นคนขี้ขลาดอย่างที่ผมคิด ตอนนี้เธอกลับมาสงบเหมือนเดิมแล้ว
เมื่อเห็นผมกลับมา เธอก็พูดกับผมทันที “ …เป่า เมื่อกี้นายพูดว่าจูกุ่ยถูกใครฆ่านะ ”
เมื่อผมได้ยินสิ่งที่เธอพูด ก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ ใครจะไปรู้ละ ! ตอนนี้มันดึกมากแล้ว เธอรีบกลับห้องไปพักผ่อนเถอะ ! ฉันจะออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อย ”
“ นายยังจะออกไปเดินข้างนอกอีกเหรอ ที่นี่มีคนถูกฆ่านะ ! นายออกไปคนเดียวมันอันตรายมากเลยนะ ” เสี่ยวม่านพูดด้วยความตกใจ
แต่ผมกลับยิ้มให้เธอเล็กน้อย “ เธอลืมแล้วเหรอ ฉันเป็นนักพรต แม้ว่าฉันจะไม่ค่อยชอบเจ้าจูกุ่ยเท่าไหร่ แต่ก็เคยเป็นเพื่อนห้องเดียวกัน ฉันจะออกไปเปิดทางให้เขาน่ะ…… ”
เมื่อเสี่ยวม่านได้ยินผมพูดแบบนี้ เธอก็เบิกตากว้างจ้องผมทันที และพูดว่า “ อ่อ ” จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีกเลย
หลังจากนั้น ผมก็เดินไปส่งเสี่ยวม่านที่ห้อง
ขณะที่ผมกำลังจะเดินออกมา ก็แปะยันต์เอาไว้ที่หัวเตียงของเธอหนึ่งแผ่น
เสี่ยวม่านไม่รู้จักของสิ่งนี้ เธอจึงถามผมว่านี่คืออะไร
แต่ผมก็ไม่อธิบายอะไรมาก เพียงบอกว่าคนรอบข้างพึ่งตาย มันเอาไว้ใช้คุ้มครอง และผมบอกให้เธออย่าแกะออก
หลังจากพูดจบ ผมก็บอกลาเสี่ยวม่าน จากนั้นก็ลงมาจากตึกทันที
พึ่งออกมาจากลิฟต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาถึงแล้ว
ผมไม่ได้สนใจ นอกจากที่ห้องโถงแล้ว ผมก็ใช้ตาสวรรค์ตรวจดูรอบๆ
ภายใต้ดวงตาสวรรค์ ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวผมจึงชัดเจนขึ้นมาก
และผมก็มองไปในอากาศ จับสัมผัสไอสีเหลืองอ่อนๆนั้น
มันบางมาก ราวกับเส้นใยบางๆ
และไอสีเหลืองอ่อนนี้ กลับตรงไปที่ป่าทางเหนือของโรงแรม !
ทางนั้นมืดมาก มองไปแทบไม่มีแสงไฟบนถนนอยู่เลย
ผมไม่กล้าชักช้า กลัวว่าอีกเดี๋ยว พลังชั่วนี้จะจางหายไป
และเมื่อถึงตอนนั้น ผมก็คงหาฆาตกรตัวจริงได้ยากแล้ว
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ รีบไล่ตามมันไปทันที
จากพลังชั่วสีเหลืองอ่อน ทำให้ผมวิ่งเข้ามาในป่าแห่งหนึ่ง
ที่นี่อากาศเย็นสบาย มีลมเย็นๆพัดเข้ามาเบาๆ
แต่ตอนนี้เป็นฤดูร้อนดังนั้นอากาศก็ควรจะร้อน แต่เมื่อผมเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ รอบๆก็ยิ่งเงียบ และไม่มีเสียงแมลงแม้แต่ตัวเดียว
พลังสีเหลืองอ่อนนั้น ก็ค่อยๆเข้มขึ้นทีละนิด
ไม่ใช่เพียงเท่านี้ สิ่งที่ทำให้คนใจสั่นที่สุดคือ มันทำให้คนรู้สึกเศร้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และความรู้สึกนั้นก็ยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ……