ตอนที่ 114 ล่าผี
ผ่านเรื่องราวมาตั้งมากมายขนาดนั้น ดังนั้นระดับความเร็วในการรับรู้พลังชั่วร้ายของผม จึงได้พัฒนาขึ้นมากแล้ว
ขณะที่ความรู้สึกใจสั่นปรากฎขึ้น ผมก็เริ่มระวังตัวทันที
ผมไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้จะอ่อนแอหรือแข็งแกร่ง และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีจำนวนเท่าไหร่
แต่ตามสัญชาตญาณของคนปราบสิ่งชั่วร้าย ผมยังคงเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ มันไม่ได้เป็นเพราะผมไม่รู้ และถอยหลังไม่ได้
หลังจากไล่ตามพลังชั่วที่เหลือทิ้งเอาไว้ในอากาศมาได้ระยะหนึ่ง ผมก็มาถึงส่วนลึกของป่า
และที่นี่ ก็เต็มไปด้วยพลังชั่วร้ายที่เข้มข้น
ภายใต้ดวงตาสวรรค์ ทำให้ผมรู้ได้ว่ารอบๆต่างมีไอสีเหลืองอ่อนลอยอยู่
ผมมองสำรวจรอบๆตัว แต่ก็ไม่พบสิ่งชั่วร้ายแต่อย่างใด
แต่ผมกลับสามารถรับรู้ได้ว่า มันอยู่แถวๆนี้ น่าจะห่างจากผมไม่ไกลมาก
ผมจึงเดินต่อไปข้างหน้าอีกครั้ง ทันใดนั้นผมก็เห็นเงาของใครบางคนอยู่ตรงพุ่มไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
คนๆนั้นดูเหมือนกำลังตัวสั่น ร้อง “ ฮึฮึฮือฮือ ” ออกมาอย่างต่อเนื่อง ดูแล้วท่าทางแปลกมากๆ
ผมคิดว่า เงาของคนๆนี้ไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายที่ผมตามหา
แต่เมื่อมองให้ละเอียด ก็ไม่ใช่อย่าที่คิด
เพราะเงานี้เป็นคน มีดวงไฟชีวิตอยู่ด้านบน ไม่ใช่ไฟของวิญญาณ
แต่ก็มีบางสิ่งที่แปลกอยู่ ทำไมที่ผิวของคนๆนี้ ถึงมีพลังหยินอ่อนๆอยู่ละ
เพราะอยู่ค่อนข้างไกล ดังนั้นผมจึงมองเห็นไม่ชัด แต่ผมคิดว่า คนๆนี้จะต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่ๆ
ดึกดื่นป่านนี้ กลับมาอยู่ที่นี่ตัวคนเดียว
ทันใดนั้นมันก็เตือนใจผมขึ้นมา ผมไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
ผมย่องเข้าไปใกล้ๆอย่างระมัดระวัง แต่ตอนที่ผมอยู่ห่างจากคนๆนั้นประมาณ 10 เมตร
เสียงแปลกๆที่คนๆนั้นร้องออกมา กลับหยุดอย่างกระทันหัน
จากนั้น ผมก็เห็นคนๆนั้นยืนขึ้นอย่างช้าๆ
หลังจากเขาลุกขึ้นยืน ผมก็ตกตะลึงทันที เพราะด้านหลังของเขาทำให้ผมรู้สึกคุ้นตา
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็อดสูดหายใจเข้าลึกๆไม่ได้ จากนั้นก็ไปข้างหน้าต่ออย่างระมัดระวัง
แต่ตอนนั้นเอง คนๆนั้นกลับหันมาอย่างฉับพรัน
จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หวาดกลัว “ ใคร ใครกัน ”
หลังจากพูดจบ เขาก็เปิดไฟฉายจากมือถือส่องมาทางผม
ทันใดนั้น ในใจของผมก็มีเสียงกัน “ กึก ”
เพราะขณะที่ผมได้ยินเสียงนี้ ผมก็รู้ได้ทันที ว่ามันเป็นเสียงผู้นำในการนัดเพื่อนมารวมตัวกันในครั้งนี้ ผู้นำคนนั้นก็คือจางจึเทาคนที่โทรศัพท์หาผมนั่นเอง
ผมนิ่งอึ้งไปทันที ดึกขนาดนี้ ทำไมจางจึเทาถึงมาอยู่ที่นี่เพียงลำพังได้
และบนร่างกาย ยังมีพลังหยินอ่อนๆอยู่ด้วย
หรือว่า เขาก็ถูกมนต์สะกดจากสิ่งชั่วร้ายให้เดินเข้ามาที่นี่
ผมพูดด้วยความสงสัย “ จางจึเทา ”
เมื่ออีกฝ่ายได้ยินผมพูด กลับดูเหมือนกำลังตกใจเล็กน้อย “ ใช่ฉันเอง นายคือติงฝานเหรอ ”
“ อือฉันเอง ! ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้ละ ” ผมถามด้วยความสงสัย
ในเวลาเดียวกัน ก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาเขา
แต่ไม่ได้ลดความระมัดระวังลง เพราะเจ้าสิ่งชั่วร้ายนั้นอาจอยู่ใกล้ๆนี้ก็ได้
เมื่อจางจึเทาได้ยินผมถาม ก็รีบตอบกลับทันที “ ไม่มีอะไร ฉันก็แค่อยากออกมาเดินสูดอากาศ เลยเดินมาเรื่อยๆ ก็มาถึงที่นี่น่ะ เออใช่ แล้วทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ละ ”
หลังจากพูดจบ จางจึเทาก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของผมแล้ว
ท้องฟ้าดำมืด แต่ในเวลานี้ผมกลับใช้ตาสวรรค์ มองเห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
แต่ขณะที่ผมเห็นใบหน้าของเขาชัดๆ ใจของผมก็หล่นวูบ วินาทีนั้นเสียง “ ฟรึบ ” ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะที่หน้าและคางของจางจึเทา มีคราบเลือดสีแดงๆติดอยู่
และตอนนี้ไม่รู้ว่าทำไม แต่หน้าของจางจึเทา กลับดูขาวซีดมาก เหมือนกับไม่มีพลังชีวิตหลงเหลืออยู่
ผมตกใจกลัว แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา
จากนั้นผมก็มองลงไปตามร่างกาย มองไปที่มือทั้งสองข้างของเขา
แต่ขณะที่ผมกำลังมองไปที่มือของเขา ทันใดนั้นผมกลับพบว่าเล็บของเจ้าหมอนี้
ยาวออกมา ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และในเล็บของเขา ก็ยังมีคราบเลือดติดอยู่ด้วย
เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้ ผมก็รู้สึกเสียวที่หนังหัว ชาไปทั้งตัว
พระเจ้าช่วย สิ่งที่เห็นทั้งหมด มันบ่งบอกว่าเจ้าหมอนี้ผิดปกติจริงๆ
และสิ่งที่ผมกำลังสงสัยก็คือ เจ้าหมอนี้อาจกำลังถูกผีสิง หรือไม่ใช่จางจึเทาตั้งแต่แรกแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผมก็ยังแสดงท่าทีสงบ
แต่ปากกลับพูดกับเขาว่า “ ร้องเพลงโครตเหนื่อยเลย ฉันก็ออกมาเดินเล่นเหมือนกัน ! ฉันเห็นที่นี่สงบดี ก็เลยเดินเข้ามาน่ะ ! ”
เมื่อจางจึเทาได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็หัวเราะ “ ฮ่าฮ่า ” ให้ผม “ อีกเดี๋ยวฟ้าจะมืดกว่านี้แล้ว พวกเราเดินกลับไปด้วยกันเถอะ ! ”
หลังจากพูดจบ จางจึเทาก็ยิ้มให้ผม
ผลลัพธ์ขณะที่เขาเผยรอยยิ้มออกมา ทันใดนั้นผมก็พบว่าใบปากของจางจึเทา มีเขี้ยวแหลมงอกออกมาสองซี่
ม่านตาของผมขยายอย่างรวดเร็ว ตะโกนในใจว่าแย่แล้ว
เจ้านี้ไม่ใช่จางจึเทาแน่ๆ จางจึเทาเป็นคน แต่คนจะมีเขี้ยวยาวงอกออกมาได้ยังไงละ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ สีหน้าของผมก็ตรึงเครียดทันที
ใช้มืออีกข้าง เอื้อมมือออกไปหยิบยันต์ที่อยู่ในกระเป๋าออกมา
เมื่อจางจึเทาเห็นท่าทีของผมเปลี่ยนไป และใช้มืออีกข้างเอื้อมไปที่กระเป๋า ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ชอบมาพากล
ใบหน้าที่เคยประดับไปด้วยรอยยิ้มของเขา ก็เปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังก้มหน้าลง
ในเวลาเดียวกัน จู่ๆจางจึเทาก็พูดด้วยเสียงที่เย็นชา “ ติงฝาน นายมองเห็นอะไรใช่ไหม ! ”
เมื่อเห็นจางจึเทาเปลี่ยนไป ผมก็ไม่เกรงใจ บิดมือข้างหนึ่ง และหยิบยันต์แปดทิศออกมาทันที
ผมไม่ลังเล เอื้อมมือไปที่จางจึเทา และตะโกนว่า “ ไอ้ปีศาจ ! ”
เสียงพึ่งจางหาย ผมก็คว้าโอกาสนี้ แปะยันต์ลงไปที่หน้าของจางจึเทาทันที
แต่ขณะที่ยันต์ของผมสัมผัสกับหน้าของเขา จางจึเทากลับฉีกยิ้ม
ยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว จับข้อมือของผมเอาไว้
ฝ่ามือนั้นเหมือนกับคีม เขาจับมือผมเอาไว้อย่างอยู่หมัด ผมรู้สึกถึงพละกำลังที่มหาศาล และยากที่จะขัดขืนได้
มือและยันต์ของผม ถูกหยุดเอาไว้กลางอากาศ จนไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้
ผมขมวดคิ้ว พยายามดึงมือออกอีกสองสามครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม
ผมไม่กล้าอยู่เฉยๆ เห็นได้ชัดว่าเจ้าหมอนี้มันผิดปกติ
มีความเป็นได้สูงว่าเจ้านี่จะไม่ใช่จางจึเทา แต่เป็นสิ่งชั่วร้ายที่เข้าไปสิงร่างของเขา
และอาจเป็นไปได้ว่า จางจึเทาที่แท้จริงนั้น ได้ถูกฆ่าตายไปแล้ว
เมื่อเห็นมือไม่สามารถขยับได้ ผมก็ใช้เท้าเตะแรงๆ
แต่ขณะที่ผมกำลังจะใช้เท้าเตะ เจ้าหมอนั้นกลับใช้มือผลักผม
วินาทีนั้น ผมรู้สึกได้ถึงพลังที่มหาศาล
ตัวผมกระเด็นออกไปไกลประมาณสองเมตร และล้มลงไปกับพื้นทันที
ในเวลาเดียวกัน เขาก็พูดกับผมอย่างเยือกเย็น “ คิดไม่ถึงจริงๆ ไม่ได้เจอกัน 10 ปีกว่า นายจะกลายเป็นคนปราบวิญญาณชั่วไปแล้ว ! ”
ผมไม่กล้ารอช้า รีบลุกขึ้นจากพื้นทันที
ขมวดคิ้วและพูดว่า “ แกเป็นใครกันแน่ แกคือจางจึเทาตัวจริงใช่ไหม ”
ในเวลานี้จางจึเทาแสดงสีหน้าจริงจัง เขาไม่ปิดบังอีกต่อไป ยกมือขึ้นสองข้าง “ ไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใครได้ละ ในเมื่อนายรู้ความลับของฉันแล้ว งั้นก็ต้องขอโทษด้วยนะติงฝาน คงต้องใช้เลือดสดๆของนาย มาปิดความลับของฉันแล้วละ ! ”
เสียงพึ่งเงียบลง จางจึเทาก็ตัวสั่นอย่างรุนแรง เพียงเสี่ยววินาที พลังหยินก็ไหลทะลักออกมาจากตัวของเขาอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปมา และออร่าสีเหลืองอ่อนที่ผิวของเขา ก็เพิ่มขึ้นมาหลายเท่า
ทั้งเล็บและฟัน ก็ยาวขึ้นเยอะมาก
แม้แต่ขนของเขา ก็ยาวออกมาอย่างรวดเร็ว และมันยังดำและหนามาก……