ตอนที่ 119 บ้านเสี่ยวม่าน
ไม่ได้เจอเสี่ยวม่านมาหลายปี เธอถึงกับทำให้ผมแปลกใจมาก
ไม่ใช่แค่ภายนอกเท่านั้นที่ผมจำไม่ได้ แม้แต่ฐานะของเธอ ก็ยังดูแตกต่างจากผมราวฟ้ากับเหว
เมื่อได้ยินเสี่ยวม่ายชวนไปที่บ้านของเธอ ผมจึงรู้สึกสงสัยอีกครั้ง “ เสี่ยวม่าน เธอไม่ได้บอกว่าอยู่ที่เมืองถัดไปเหรอ แม้แต่ที่นี่ เธอก็ยังมีบ้านด้วยเหรอ ”
หลังจากเสี่ยวม่านฟังผมพูดจบ กลับทำปากมุ่ย “ แม่มีบ้านอยู่ที่นี่สองสามหลัง ต่อไปฉันก็จะมาทำงานที่เมืองนี้ ฉันก็เลยอยู่บ้านหลังหนึ่ง ถ้านายมีเวลาว่างก็มาเที่ยวหาฉันได้นะ ! ”
เมื่อได้ยินเสี่ยวม่านตอบกลับแบบนั้น ผมก็เป็นใบ้ไปสักพัก
สำหรับคนธรรมดาอย่างพวกเรา การมีบ้านแค่หนึ่งหลัง ก็ต้องเป็นหนี้ไปทั้งชีวิตแล้ว
แต่เสี่ยวม่านพูดว่าอะไรนะ ครอบครัวเธอมีบ้านอยู่ที่นี่สองสามหลังงั้นเหรอ นี่มันต้องภูมิใจถึงขนาดไหนเนี่ย
แต่หลังจากนั้นผมถึงรู้ว่า เสี่ยวม่านกลัวทำให้ผมตกใจ จึงพูดจาให้ฟังดูธรรมดาๆ
แต่ทนายจางที่อยู่ข้างๆกลับมองเราสองคนพร้อมกับรอยยิ้มที่ยิ้มก็เหมือนไม่ยิ้ม และในเวลาเดียวกัน เสี่ยวม่านก็หันไปพูดกับทนายจางว่า “ พี่จาง รบกวนคุณอีกแล้ว ! คุณกลับไปก่อนนะ ! ”
เสี่ยวม่านสุภาพมาก เมื่อทนายจางได้ยินแบบนั้น กลับแสดงท่าทางที่จริงจังและเคารพมาก “ คุณหนูล้อเล่นแล้วครับ ! ช่วยทำงานให้คุณและท่านประธานต่ง เป็นหน้าที่ของผมครับ ในเมื่อธุระของคุณหนูเสร็จแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ! ”
ขณะที่พูด ทนายจางก็กำลังจะเดินออกไป
แต่วินาทีนั้น ผมกลับนึกขึ้นได้ว่าอู่ฮุ่ยฮุ่ยก็ถูกพาตัวมาด้วยกัน
เธอเองก็เป็นผู้บริสุทธิ์ และยังตกเป็นเหยื่ออีกด้วย
ดังนั้นผมจึงรีบพูดกับทนายจางว่า “ ช้าก่อนทนายจาง ! ”
จางเป่าเจี่ยนก็หยุดในทันที จากนั้นก็หันมามองผม “ ไม่ทราบว่าคุณติงฝานยังมีธุระอะไรอีกรึเปล่าครับ ”
“ เอ่อ เอ่อคือเป็นแบบนี้ คนที่ถูกพาตัวมากับผมยังมีผู้หญิงอีกหนึ่งคน ชื่ออู่ฮุ่ยฮุ่ย เธอก็เป็นผู้บริสุทธิ์ คุณช่วย พาเธอออกมาด้วยได้ไหมครับ ” ผมพูดด้วยความรู้สึกเกรงใจ
แต่จางเป่าเจี่ยนไม่ได้ตอบกลับทันที เขาหันไปมองทางเสี่ยวม่านที่อยู่ข้างๆ
เสี่ยวม่านกลับกลอกตาให้ผม “ เธอไปตั้งนานแล้ว ตอนที่พี่จางกำลังทำเรื่องให้กับนายนั่นแหละ ”
หลังจากพูดจบ เสี่ยวม่านก็หันไปพูดกับทนายจางอีกครั้ง “ พี่จาง คุณกลับไปเถอะ ! ”
“ ครับ คุณหนู ! ” จางเป่าเจี่ยนพูดด้วยความเคารพ จากนั้นก็เดินออกไปทันที
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมายาวๆ
ที่แท้อู่ฮุ่ยฮุ่ยก็ไปตั้งนานแล้ว ทันใดนั้นใจของผมก็ผ่อนคลายลงมาไม่น้อย
แต่เสี่ยวม่านกับเหล่ตาและยิ้มให้ผม “ ยัยนั้นเป็นอะไรกับนาย ถึงได้เป็นห่วงเธอนัก ”
“ ไม่ได้เป็นอะไรกัน ก่อนหน้านี้เคยเจอกันครั้งนึงก็เท่านั้น ! และก็ตอนที่พวกเราถูกพาตัวมา ก็ได้เจอกันพอดี ! ได้คุยกันไม่กี่ประโยค สุดท้ายก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร แล้วก็ถูกพาตัวมาที่นี่ ” ผมพูดพร้อมกับเกาหัว
อารมณ์ของเสี่ยวม่านเองก็ไม่ได้แปรปวนมากนัก แค่ส่งสัญญาณบอกให้เดินไปข้างหน้า ไปนั่งคุยที่บ้านของเธอ แถมมันยังอยู่ไม่ไกลจากสถานีตำรวจอีกด้วย
ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไร เธอเป็นเพื่อนที่ไม่ได้เจอกัน 10 กว่าปีแล้ว แถมตอนนี้ผมก็เหนื่อยมากแล้ว เข้าไปนั่งพัก รู้จักบ้านเธอเอาไว้หน่อยก็ดี
ดังนั้น ผมจึงเดินตามเสี่ยวม่านออกมาจากสถานีตำรวจ จากนั้นพวกเราก็เดินไป คุยไป
ผมถามเสี่ยวม่านว่าทำไมรู้ว่าผมถูกพามาที่สถานีตำรวจ เสี่ยวม่านก็บอกว่าตอนที่ผมกับอู่ฮุ่ยฮุ่ยถูกพาออกมา เธอเห็นผมสองคนพอดี
ต่อมาก็ถามตำรวจที่อยู่ข้างๆ เขาบอกว่าตกเป็นผู้ต้องสงสัย จึงถูกพาตัวไปที่สถานีตำรวจ
ก่อนหน้านี้ ผมและเสี่ยวม่านนั่งร้องเพลงอยู่ห้องส่วนตัวนั่นตลอด เป็นธรรมดาที่เธอจะรู้ว่าผมเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นเธอจึงโทรหาทนายจาง บอกให้เขาเข้าไปประกันตัวผมที่สถานีตำรวจภายในคืนนี้
หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น เมื่อได้ยินถึงจุดนี้ ผมก็รู้สึกขอบคุณเสี่ยวม่านมาก
ตอนเด็ก บ้านของเสี่ยวม่านจนมาก พ่อก็เป็นคนขี้เหล้า และแม่ของเธอก็ขี้เกียจมากๆ
ถึงแม้ว่าในกระเป๋าจะมีลูกอมอยู่สองเม็ด เธอก็ยังไม่ยอมกินให้หมด แต่กลับเลือกที่จะแบ่งให้กับผมหนึ่งเม็ด
คิดไม่ถึงว่าเวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เธอก็ยังดีกับผมเช่นเดิม
แต่นอกจากนี้แล้ว ตอนนี้ผมยังรู้สึกสนใจครอบครัวของเสี่ยวม่านมาก คิดว่าครอบครัวของเสี่ยวม่านจะต้องเป็นมหาเศรษฐีหลายพันล้านแน่ๆ
จึงถามเสี่ยวม่านว่าครอบครัวของเธอทำอะไร ทำไมถึงได้มีทนายและยังดูเคารพเธอมากขนาดนี้ แถมยังเรียกเธอว่า “ คุณหนู ” ราวกับอยู่ในครอบครัวคนรวย
แต่เสี่ยวม่านกลับยิ้มเล็กน้อย “ นี่เป็นเพราะพี่จางทำงานในบริษัทของบ้านฉัน ดังนั้นพี่จางจึงเรียกฉันแบบนั้น ! ”
“ เสี่ยวม่าน แม่ของเธอทำอะไร บริษัทใหญ่ขนาดไหน ” ผมพูดด้วยความสงสัย
เสี่ยวม่านหลี่ตามองผม ก็ไม่ใหญ่มากนะ !
หลังจากพูดจบ พวกเราก็ไม่ได้คุยกันต่อ
ผมเห็นท่าทางเสี่ยวม่านไม่อยากพูด ผมจึงไม่ถามเธออีก
ถึงจะยังรู้สึกสงสัย แต่สิ่งสำคัญคือ ผมได้เจอเพื่อนเล่นตอนเด็ก จึงเป็นเรื่องที่น่าดีใจเป็นพิเศษ
ดังนั้นจึงถามว่าทางด้านงานเลี้ยงรุ่นของเพื่อนๆเป็นยังไงบ้าง เสี่ยวม่านก็พูดว่าเพราะการตายของจูกุ่ยเพื่อนส่วนใหญ่ เลยรู้สึกไม่ดี หลังจากให้ปากคำเสร็จ ก็ออกไปจากที่นั้นทันที……
ดังนั้นเพื่อนที่มางานก็ต่างแยกย้ายกันไปทั้งแบบนี้ ตอนมาก็มาด้วยความสุขแต่พอตอนกลับดันได้กลับไปพร้อมความผิดหวังซะงั้น
สีของท้องฟ้าไม่ค่อยมืดอีกต่อไป เพราะตอนนี้ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว
ผมสองคนคุยกันมาเรื่อยๆ จนเสี่ยวม่านมายืนหยุดที่หน้าประตูบานเล็กๆบานหนึ่ง
เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ยัยเพื่อนตัวแสบเอาอีกแล้ว เพราะผมเห็นบ้านสวนขนาดใหญ่
และที่นี่ยังเป็นที่ดินทำเลทอง พื้นดินแห่งขุมทรัพย์ชัดๆ
เสี่ยวม่านไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงพาผมเข้าไปข้างใน ผ่านไปไม่นานพวกเราก็มาถึงบ้านของเธอ
ตอนนี้สถานที่ที่เธอพักนอกจากจะทำเลดีแล้ว บ้านก็หลังใหญ่มาก แถมยังมีหลายชั้น
การตกแต่งไม่หรูหรามากนัก เป็นแบบทันสมัยและเรียบง่ายมาก และสิ่งของภายในบ้านก็ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบมากๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่มาบ้านของผู้หญิง ผมจึงรู้สึกมือเท้าสั่นทำอะไรไม่ถูก
แม้แต่นั่งลงที่โซฟาก็ยังรู้สึกเขิน เสี่ยวม่านริมชาให้ผม และบอกให้ผมพักผ่อน ส่วนเธอจะไปทำโจ๊กมาให้
ผมขยับตัวเล็กน้อย และพูดว่า “ โอเค ”
จากนั้นเสี่ยวม่านก็เข้าไปในครัว ผมยกชาขึ้นมาดื่มสองอึก มองสำรวจรอบๆสองสามครั้ง จากนั้นก็ลุกไปเดินดูรอบๆ
บ้านกว้างขวางมาก ในบ้านมีตู้ปลาขนาดใหญ่ ระเบียงขนาดใหญ่ และยังปลูกต้นไม้ดอกไม้ไว้หลายกระถาง
แต่ขณะที่ผมกำลังมองดูรอบๆ ทันใดนั้นด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตู
“ ก๊อกก๊อกก๊อก ! ”
เมื่อได้ยินเสียงคนเคาะประตู ผมก็หันไปมองที่ประตูด้วยความสงสัย
เสี่ยวม่านเองก็เช็ดมือ เดินออกจากห้องครัวทันที “ นั่นใคร ”
ผลลัพธ์เสียงพึ่งเงียบลง ข้างนอกก็มีเสียงผู้หญิงพูดว่า “ ลูกนี่แม่เอง แม่มาหาลูกแล้ว ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมและเสี่ยวม่านก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
ไม่รู้ว่าทำไม แต่ในใจกลับตื่นกลัวขึ้นมา
ฉิบหายละ ครั้งแรกที่มาบ้านผู้หญิงก็ได้เจอแม่เขาเลยเหรอวะ
มองไปที่เสี่ยวม่านอีกครั้ง แต่เธอกลับทำหน้าหวาดกลัว
ตอนนี้ ผมสองคนมองหน้ากัน อีกฝ่ายต่างมองเห็นสีหน้าที่หวาดกลัวของกันและกัน
“ ก๊อกก๊อกก๊อก ! ลูกรีบเปิดประตู ! ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เสี่ยวม่านกลับดูทำอะไรไม่ถูก เธอก็พูดกับผมว่า “ …เป่า รีบ รีบไปซ่อนเร็ว ”
“ รีบไปซ่อนงั้นเหรอ ” ผมค่อนข้างงง
ถึงผมจะตื่นเต้นมาก แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย ! แค่เจอคุณป้า ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลยนิ
ผลลัพธ์เสี่ยวม่านกลับรีบพูด “ ฉันบอกให้นายไปซ่อนก็ไปซ่อนซิ ! ถ้าให้แม่ฉันเห็นนายอยู่กับฉันในบ้านตามลำพังละก็ เธอต้องเป็นบ้าแน่ ! และจะต้องฉีกฉันเป็นชิ้นๆแน่ ”
ผมตกใจในใจ มันจะขนาดนั้นเลยเหรอ
แต่ไม่รอให้ผมได้พูดต่อ เสี่ยวม่านกลับผลักหลังของผม พาผมไปทางห้องครัวทันที !
เมื่อเห็นเสี่ยวม่านเป็นถึงขนาดนี้ ผมก็ไม่พูดอะไรไร้สาระแล้ว !
ซ่อนอยู่ในห้องครัว แอบอยู่ที่ประตูหลัง โดยไม่ขยับตัวไปไหนทันที
หลังจากนั้นเสี่ยวม่านก็ปิดประตู บอกให้ผมห้ามพูดอะไร และเดินออกไปเปิดประตูทันที
“ แกร๊กๆ ” ประตูเปิดออกเรียบร้อย
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงโมโหดังขึ้น “ ลูก ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่เปิดประตูซะที ดูซิ ว่าแม่พาใครมาด้วย…… ”
เสียงพึ่งเงียบไป ผมก็ได้ยินเสียงพูดสั่นๆของเสี่ยวม่าน “ แม่ แม่ แม่พาคนมาด้วยเหรอ ”