ตอนที่ 122 ผีทารก
คนที่มีปัญหาคือรูมเมทของหยางเฉ่ว ชื่อว่าจูจู
จากที่หยางเฉ่วพูด อาจเป็นเพราะชีวิตส่วนตัวของจูจูเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย
เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอเกิดตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ แม้แต่จูจูเองก็ไม่รู้ว่าพ่อของลูกที่แท้จริงคือใคร
และเธอเองก็ยังเป็นนักศึกษาสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน ดังนั้นจึงคิดว่าการเอาเด็กไว้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี
แถมยังไม่มีเงินไปหาหมอ ยิ่งไปกว่านั้นยังอายจนไม่กล้าบอกคนในบ้าน
สุดท้ายจูจูก็ไปคลินิกทำแท้งเถื่อน คิดว่าในขณะที่เด็กยังไม่โตมาก แค่ใช้วิธีกินยาขับออกก็จบแล้ว
หลังจากนั้นเธอก็ยื่นใบลากับทางมหาลัยเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ และไปอยู่ที่บ้านปู่ย่าที่เสียชีวิตไปแล้วของเธอตามลำพัง และก็กินยาทำแท้งเข้าไป
นี่เป็นยาที่อันตรายถึงชีวิต ถ้ากินเข้าไป เด็กที่อยู่ในท้องจะต้องหลุดออกมาอย่างแน่นอน
จูจูอดทนกับความเจ็บปวดในขณะที่เด็กหลุดออกมา แต่หลังจากที่เด็กออกมา จูจูก็พบว่าเด็กเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
แม้ว่าจะเล็กมาก แต่เห็นได้ชัดว่าเขามีแขนมีขาอะไรพวกนั้นแล้ว
ด้วยความที่จูจูกำลังร้อนรน จึงไม่ได้คิดอะไรมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่เข้าใจเรื่องโอกาสรอดอะไรทั้งนั้น
เธอนำเด็กที่มีอวัยวะเกือบครบแล้วนั้น ไปใส่ถุงปูน จากนั้นก็ใช้มือโยนลงไปในบ่อน้ำเก่าที่อยู่ในสวนหย่อม
หลังจากทำเรื่องพวกนี้เสร็จ จูจูก็กลับไปพักในบ้าน
แต่ใครจะรู้ในคืนวันที่สองจูจูฝันเห็นเด็กที่ตัวเองโยนลงไปนั้น นั่งอยู่ในบ่อน้ำด้วยสภาพที่เลือดท่วมตัว และส่งยิ้มให้กับจูจู
จูจูตกใจจึงตื่นจากฝัน ในใจยังรู้สึกหวาดกลัว แต่ก็คิดว่าเป็นเพียงแค่ความฝัน คงไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
แต่ใครจะรู้ ว่าหลังจากความฝันนี้ปรากฎขึ้น มันก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คืนที่สอง คืนที่สาม จนถึงคืนเมื่อวานนี้ เธอล้วนฝันเห็นภาพเด็กคนนั้น
และเด็กที่ตายยังเรียกเธอว่าแม่ ไม่เพียงแค่นั้น สองสามวันมานี้จูจูยังรู้สึกว่าในห้องของตัวเองมีคนอยู่ และเหมือนได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากบ่อน้ำที่อยู่ข้างนอกนั้นด้วย
เมื่อคืนหลังจากจูจูได้ตื่นตกใจจากความฝัน เธอก็ยังได้ยินเสียงแปลกๆจากบ่อน้ำอันนั้นอีก
จูจูเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าหรือสิ่งลี้ลับใดๆทั้งสิ้น แต่ในเวลานี้กลับไม่สามารถกลั้นความกลัวเอาไว้ได้
เพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องนี้เป็นเพียงภาพหลอน และเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เกิดจากความเครียดของตัวเอง เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แกล้งทำใจกล้าเดินไปที่บ่อน้ำอันนั้น
เมื่อเธอเดินมาถึงบ่อน้ำ ก็กลืนน้ำลาย และส่องไฟลงไปในบ่อตรงๆ
ถ้าไม่ส่องคงดี เพราะหลังจากส่องลงไป จูจูก็เห็นว่า ที่ก้นบ่อมีเด็กตัวใหญ่อาบไปด้วยเลือดอยู่จริงๆ
เด็กคนนั้นกำลังนั่ง ในมือถือหนูที่ตายแล้ว และตอนนี้ก็กำลังเงยหน้ายิ้มให้จูจู
ไม่ใช่เพียงเท่านี้ ปากที่เขามียังใหญ่ไปจนถึงติ่งหู
ในเวลานี้ ยังร้องเรียก “ แม่จ๋า ” ออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่าสยดสยอง
เมื่อเห็นฉากนี้ และได้ยินเสียงนั้น
จูจูก็ตกใจจนเสียสติ กรีดร้องเสียงดัง และถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง
เดิมทีร่างกายที่พึ่งคลอดลูกก็อ่อนแออยู่แล้ว เมื่อบวกกับสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ และตอนนี้ก็ยังถูกทำให้ตกใจ
จูจูจึงสลบไปในทันที ภายใต้สถานการณ์ที่คลุมเครือ เธอรู้สึกเหมือนมีคนมาดูดนมของเธอ
หลังจากเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าเสื้อผ้าของตัวเองถูกฉีกออก
แต่สิ่งที่แปลกยิ่งไปกว่านั้นคือ ที่หน้าอกของเธอเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนของมือเล็กๆและรอยฟันของเด็ก……
จูจูรู้สึกหวาดกลัว เมื่อเหลือบมองไปที่บ่อน้ำ และนึกถึงเด็กปากใหญ่ที่อยู่ในบ่อน้ำเมื่อคืน
จูจูก็ร้อง “ อร๊าย ” ออกมาและถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง ยังไม่ได้จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เธอก็วิ่งหนีออกจากสวนหย่อมทันที
หลังจากนั้น จูจูก็กลับมาที่หอพักนักศึกษาพร้อมกับหัวใจที่เต้นตุ๋มๆต่อมๆนั้น และอังเอิญเจอกับหยางเฉ่วพอดี
หยางเฉ่วเป็นคนมีวิชาอาคม เพียงมือเดียวก็สามารถเสกคาถาที่ทรงพลังมากได้แล้ว
เมื่อชนเข้ากับจูจู เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นเธอก็รู้ว่าจูจูโดนวิญญาณตามรังควานอยู่ พลังหยางอ่อนมาก นี่เป็นสัญญาณที่บอกว่าเธอจะต้องไปเจอกับสิ่งชั่วร้ายมาแน่ๆ
ดังนั้นหยางเฉ่วจึงถามไถ่สองสามข้อ ถึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนนั้นหยางเฉ่วมั่นใจ 7 ใน 10 ส่วนว่าเจ้าสิ่งนั้นคืออะไร เด็กที่ถูกทำแท้ง และพลังหยินที่อยู่รอบๆบ่อน้ำ
เมื่อนำสองอย่างนี้มารวมกัน ก็จะเกิดสิ่งชั่วร้ายได้อย่างง่ายดาย
แต่เพื่อความแน่ใจ และปกป้องความปลอดภัยของจูจู
เมื่อวานตอนกลางวัน หยางเฉ่วและจูจูจึงเข้ามาตรวจสอบที่นี่ให้ละเอียด
สุดท้ายหยางเฉ่วก็มั่นใจ ว่าในบ่อน้ำแห่งนี้มีเด็กตายอยู่หนึ่งคน
และได้กลายเป็นผีทารกที่มีแรงแค้นมหาศาลไปแล้ว จากนั้นหยางเฉ่วก็ทนรอหนึ่งคืน เพราะไม่กล้าลงมือคนเดียว
นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมเธอถึงรีบโทรศัพท์หาพวกเราในตอนรุ่งเช้า ก็เพื่อบอกให้พวกเราเข้ามาช่วยนั่นเอง
ถ้าไม่รีบจัดการ แล้วรอให้เด็กที่ตายในบ่อโตได้ 10 วันหรือครึ่งเดือน
งั้นคนที่เด็กคนนั้นจะฆ่าเป็นคนแรก ก็ต้องเป็นจูจูอย่างแน่นอน จากนั้นก็ไปตามหาพ่อของเขา
หลังจากฆ่าพ่อแม่เสร็จ เจ้าผีทารกตนนี้ก็จะกลายเป็น “ ทารกอาฆาต ” ที่ดุร้ายยิ่งกว่าเดิม มีพลังแค้นที่โหดเหี้ยมติดตัว ถ้ามีใครมารบกวนเขาเขาจะต้องฆ่าคนๆนั้นอย่างแน่นอน และสุดท้ายก็กลายเป็นวิญญาณชั่วช้าที่ไม่มีวันหวนกลับ
และเมื่อถึงเวลานั้น เขาก็คงโตเป็นผู้ใหญ่ไปแล้ว
ถ้าคิดจะกำจัดเจ้าสิ่งนี้อีก จากพลังของพวกเราสามคน ก็คงไม่สามารถจัดการได้แล้ว
เมื่อฟังเรื่องพวกนี้จบ ในใจของผมและเฟิงเฉ่วหานรู้ดีว่าต้องทำยังไง
แม้ว่าจะกำจัดผีทารกที่ดุร้ายแบบนี้ได้แล้ว แต่ถ้าพูดในอีกแง่หนึ่ง ผีทารกตนนี้ก็เป็นเพียงแค่เด็กน้อยที่น่าสงสารคนหนึ่ง
เพราะวิญญาณทารกมากมายที่กลายเป็นวิญญาณร้ายนั้น ส่วนใหญ่ก็มีสาเหตุมาจากแม่ของตัวเองทำแท้งพวกเขาทั้งนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น พวกวิญญาณทารกหรือวิญญาณที่กลับชาติมาเกิด 3-5 ครั้งนั้น ทุกครั้งก็ล้วนเป็นเพราะต้องตายกลางคัน
ท้ายที่สุดก็นำไปสู่ความแค้นที่มหาศาล กลายเป็นผีทารกมาแก้แค้น นี่ก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย
บวกกับตอนนี้การทำแท้งเหมือนกับเป็นเรื่องเล่นๆ จึงมีแนวโน้มที่จะเกิดสิ่งนี้ได้ง่ายมากๆ
แค่อาจารย์ผมคนเดียว ก็เคยจัดการเรื่องแบบนี้มาแล้ว 2 ครั้ง
จะเห็นว่าเจ้าสิ่งชั่วร้ายนี้ พบเห็นได้บ่อยแค่ไหน
คุยไปคุยมา พวกเราก็เดินมาถึงประตูรูปร่างสี่เหลี่ยม
ที่หน้าประตูมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ รูปร่างหน้าตาพอใช้ได้ อายุน่าจะห่างจากพวกเราไม่มาก
สีหน้าของเธอดูแย่มากๆ หน้าตาของเธอนั้นซีดขาวราวกระดาษ แถมพลังหยางอ่อนแอมาก
แต่เห็นได้ชัดว่าท่าทางของเธอดูร้อนรนมาก ตอนนี้เธอกำลังเดินไปมาอยู่หน้าประตู
นี่น่าจะเป็นจูจู แม่ของเด็กที่ตาย
เมื่อเห็นพวกเราปรากฎตัว เธอก็แสดงท่าทางดีใจเล็กน้อย และเข้ามาต้อนรับหยางเฉ่วทันที “ หยางเฉ่ว ในที่สุดเธอก็กลับมา ! ”
“ อือ ! จูจู ฉันจะแนะนำให้เธอรู้จัก สองคนนี้คือนักพรตที่ฉันเคยเล่าให้เธอฟัง ติงฝาน และเฟิงเฉ่วหาน ! ” หยางเฉ่วแนะนำ
ผมและเฟิงเฉ่วหานพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย และเงยหน้ายิ้มให้
จูจูฝืนยิ้มออกมา แต่แววตากลับขมขื่น และมีน้ำตาคลออยู่ “ ท่าน ท่านนักพรตทั้งสองท่าน เรื่อง เรื่องของฉัน รบกวนพวกท่านด้วยนะคะ ! ”
ผมโบกมือ “ เป็นเรื่องของคนกันเอง พาพวกเราไปดูบ่อน้ำก่อน ! ”
ผมตอบกลับเบาๆ แสดงท่าทีเมินเฉย
เมื่อจูจูได้ยินที่ผมพูด ก็พยักหน้ารับรัวๆ จากนั้นก็พาพวกเราสามคนไปที่บ่อน้ำนั้นทันที
พึ่งเข้ามาในสวยหย่อม ผมก็รู้สึกถึงอากาศที่หนาวเย็น
และยังชัดเจนมากว่าความเย็นที่สัมผัสได้นั้น มาจากในบ่อน้ำ
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว พวกเราจึงไม่กลัวเจ้าสิ่งนั้น
พวกเราเดินตรงไปที่หน้าบ่อน้ำ สำรวจดูที่ปากบ่อ
พบว่านี่คือบ่อน้ำเก่าแก่ ด้านบนมีลายหินแกะสลักมากมาย น่าจะพูดได้ว่าบ่อน้ำอันนี้มีอายุประมาณเจ็ดสิบหรือแปดสิบปีได้
และเมื่อมองลงไป ก็พบว่าด้านล่างบ่อลึกมาก ราวๆ 5 เมตรได้ ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆก็ประมาณตึกสองชั้น
เป็นบ่อน้ำแห้งที่มีรูปทรงผลน้ำเต้า ด้านล่างกว้างด้านบนแคบ ทำได้แค่ก้มลงไปมองเท่านั้น ส่วนเด็กที่ตายนั้น พวกเรากลับไม่เห็นแม้แต่ร่องรอย……