ตอนที่ 123 วางแผน
ผมก้มลงไปมองครั้งเดียว แต่ก็ไม่เห็นอะไร
แต่กลับสัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือกที่ลอยขึ้นมา นั้นเป็นความรู้สึกหนาวเย็น จนทำให้ขนลุกได้
แม้ว่าจะมองไม่เห็นเจ้าสิ่งนั้น แต่เด็กที่ตายคนนั้นจะต้องอยู่ข้างในนี้แน่ๆ
ไม่เพียงเท่านั้น ถ้าคิดจะจัดการเด็กคนนี้ พวกเราจะลงไปไม่ได้ ต้องล่อเขาออกมาเท่านั้น
เพราะบ่อน้ำนี้ลึกมาก ถ้าพวกเราเซ่อๆซ่าๆตกลงไป ก็คงพูดได้ว่าอันตรายมากๆ
หลังจากที่ทำความเข้าใจเรื่องพื้นฐานเหล่านี้แล้ว ผมก็ถอยหลังไปอีกด้านหนึ่ง หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ในเวลาเดียวกันก็สังเกตรอบๆสวนหย่อม และบริเวณรอบๆบ้านหลังนี้
รอบๆบ้านหลังนี้มีแต่บ้านเก่าๆตั้งอยู่ แทบจะไม่มีผู้คนอาศัย เพราะคนส่วนมากต่างย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด
ดังนั้นรอบนี้จึงมีต้นไม้เล็กๆขึ้น เมื่อลองมองดูบนถนน ก็แทบมองไม่เห็นเลยสักนิด
ตอนนี้ เฟิงเฉ่วหานก็เดินเข้ามา
เห็นผมสำรวจรอบๆอยู่ จึงพูดว่า “ มีความคิดดีๆรึยัง ”
เมื่อผมเห็นเฟิงเฉ่วหานถาม ก็ตอบกลับเบาๆ “ ก็ไม่เชิง ถ้าพวกเราต้องการจัดการเด็กที่ตายอยู่ในบ่อนน้ำ จะต้องล่อเขาออกมา จากนั้นก็ใช้วิธีอะไรก็ได้จัดการเขา ! และ…… ”
“ และอะไร ” เฟิงเฉ่วหานถาม
ผมเลิกคิ้ว “ และฉันไม่อยากฆ่าผีเด็กนั้นเลยจริงๆ ! ”
“ ทำไม ” เฟิงเฉ่วหานถามต่อ พร้อมท่าทางที่เหมือนเดิม
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ “ จริงๆแล้ว ความผิดมันไม่ได้เกิดจากตัวเด็ก และเด็กคนนั้นยังไม่เคยฆ่าคน ฉันอยากลองคุยดู ! ”
เมื่อเฟิงเฉ่วหานได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็พยักหน้าให้เล็กน้อย “ ลองดูก็ได้ แต่ฉันว่ามันยากมาก ! ”
เมื่อได้ยินเฟิงเฉ่วหานพูดแบบนั้น ผมก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย และไม่คุยกันต่ออีก
จากนั้น หยางเฉ่วและจูจูก็เดินเข้ามา
เพราะจูจูเป็นแม่ของผีทารก ดังนั้นคืนนี้จูจูจะต้องอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นผีทารกนั้นจะต้องคิดวิธีไปหาเธอเองแน่
ถ้าปล่อยให้มันไป ชีวิตของจูจูจะตกอยู่ในอันตราย
ดังนั้นก่อนที่จะจัดการผีทารกตนนี้ได้ จูจูจะต้องอยู่ข้างๆพวกเราตลอด
ผ่านไปแค่แป๊บเดียวก็มาถึงช่วงเที่ยงวันแล้ว ในบ้านของจูจูไม่มีอะไรให้กินได้มากนัก เหลือแค่พวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและบิสกิตเท่านั้น
พวกเราสองสามคนจึงกินเท่าที่มี หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ
เพราะร่างกายของจูจูอ่อนแอ เธอจึงเดินเข้าไปพักในห้อง
พวกเราสามคนที่อยู่ด้านนอก กลับนั่งคุยกันถึงวิธีรับมือกับผีทารก
ตอนนี้มีคนพอแล้ว ดังนั้นวิธีแก้ไขก็ง่ายขึ้น
จูจูเป็นแม่ของเด็กที่ตาย ขอแค่ใช้สถานะนั้นของจูจูให้ดี ก็น่าจะล่อผีทารกนั้นออกมาได้ง่ายๆแล้ว
ถ้าผีทารกออกมาจากบ่อน้ำแล้ว พวกเราสามคนวิ่งไปล้อมเอาไว้ ขอแค่จับตัวมันได้ อะไรๆก็ง่ายแล้ว
ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ต้องลงมือ ฆ่าผีทารกตนนั้น
แม้ว่าการเกิดของผีทารกจะเป็นสิ่งบริสุทธิ์ และน่าเศร้ามาก แต่การมีอยู่ของเขา จะส่งผลกะทบกับผู้คน และเข้ามาในขอบเขตของคนปราบสิ่งชั่วร้ายอย่างพวกเรา
ถ้าไม่กำจัดเขา เขาก็จะฆ่าคนอื่นๆอีก
หลังจากปรึกษากันเสร็จ ก็เป็นเวลาบ่ายสามแล้ว
เนื่องจากเมื่อวานไม่ได้นอนทั้งคืน และวันนี้ก็ยังต้องอดหลับอดนอนอีก ผมเองก็ยังไม่อยากใช้เวลาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้พวกเขาฟัง จึงเดินไปหาที่พักผ่อน
เมื่อตื่นมาอีกครั้ง ฟ้าก็มืดแล้ว
ผมก้มมองดูเวลา ก็พบว่าตอนนี้ 2 ทุ่มแล้ว
แต่ตอนนี้จูจู กลับดูเหมือนกำลังกระวนกระวาย
ยังบอกว่าฟ้ามืดแล้ว เธอก็จะได้ยินเสียงแปลกๆจากบ่อน้ำ มันจึงทำให้เธอใจไม่ดี
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ เวลายังไม่ดึกมาก หยางเฉ่วจึงบอกให้จูจูเข้าไปอยู่ในห้อง ส่วนพวกเราจะคอยเฝ้าด้านนอก
จูจูที่กำลังหวาดกลัว แต่เธอก็ให้ความร่วมมือมากๆ จึงเดินเข้าไปในห้องแต่โดยดี
เพราะฟ้าพึ่งมืดไม่นาน จึงไม่เหมาะกับการลงมือ
ดังนั้นทุกคนจึงนั่งอยู่ที่หน้าประตู แต่ก็ไม่มีอะไรทำ
แม้ว่าผมจะได้นอนไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังรู้สึกอยากหลับอีก
เมื่อหยางเฉ่วเห็นผมง่วงนอน ขอบตาดำคล้ำ แถมตอนนี้ยังดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา เธอจึงพูดกับผมว่า “ ติงฝาน เมื่อคืนนายไปทำอะไรมา ทำไมเอาแต่ง่วงเหงาหาวนอนทั้งวันเลย ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็แสดงรอยยิ้มที่ขมขื่น “ อย่าไปพูดถึงมันเลย เมื่อคืนเกือบตาย แถมยังโดนจับไปสอบสวนอีก ! ”
“ ฮะ ! ” หยางเฉ่วตกใจ
เฟิงเฉ่วหานก็พูดออกมาตรงๆ “ นายไปงานเลี้ยงรุ่นไม่ใช่เหรอ ”
ผมถอนหายใจ “ ใช่ไปงานเลี้ยงรุ่น แต่พวกนายรู้ไหมว่าหนึ่งในหมู่เพื่อนของฉัน เป็นอะไร ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผมก็หยุดไปแป๊บหนึ่ง หลังจากเห็นแววตาที่ตื่นตกใจของหยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานแล้ว ผมก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ เป็นสมาชิกในองค์กรตาผีนั้น ! ”
“ ไม่ใช่มั้ง ”
“ เกิดอะไรขึ้น ”
เห็นได้ชัดว่าหยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานตกใจอย่างมาก ยังคิดว่าผมแค่พูดเล่น
แต่ผมกลับไม่พูดไร้สาระ นำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เล่าให้ทั้งสองฟังตั้งแต่ต้นจนจบ
แน่นอน สำหรับเรื่องของเสี่ยวม่าน เป็นข้อยกเว้น
เมื่อทั้งสองคนได้ยินเรื่องนี้ ต่างอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
จากนั้นก็ได้ยินหยางเฉ่วพูดว่า “ ถ้างั้น เพื่อนที่ชื่อจางจึเทาของนายก็ไม่ได้เป็นสมาชิกในองค์กรตาผีอย่างเดียว แต่เขายังหนีไปได้อีกด้วย ”
ผมแสดงสีหน้าจริงจัง จากนั้นก็พยักหน้าให้ “ ไม่ใช่แค่หนีไปได้ เขายังรู้เรื่องของฉันทุกอย่าง รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ และบ้านของญาติๆของฉัน ! ”
“ ตามที่นายพูด งั้นในอนาคตก็อาจเป็นไปได้ว่าเขาจะตามมาล้างแค้นนะซิ ! ”
“ อือ ! แต่ถ้าเจอ ฉันก็ไม่กลัวว่าเขาจะมาแก้แค้น แถมมาก็ยิ่งดี เพราะยังไงก็มีคนจัดการเขาแน่…… ”
ผมพูดออกมาเบาๆ แต่ในสมองกลับนึงถึงน้องศพและโจวหยุน
ผีสองตนนี้ไม่ใช่ผีที่ร้ายกาจธรรมดาๆ แต่เธอสองคนนี้เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับองค์กรนั้น
ถ้าจางจึเทากล้ามาล้างแค้นผมที่ตำบลชิงฉือจริงๆ กลัวว่าพอถึงเวลานั้นเขาคงไม่มีทางกลับไปได้
แต่หลังจากที่ผมพูดจบ หน้าของเฟิงเฉ่วหานและหยางเฉ่วก็เต็มไปด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่ากำลังรู้สึกสนใจกับคำว่า “ มีคนจัดการแน่ ” ที่ผมพูดออกมา
เมื่อผมเห็นอีกฝ่ายกำลังขยับปาก ก็รีบพูดเพิ่มทันที “ ชั่งเถอะ ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว ไม่ว่ายังไงฉันก็มีวิธีรับมือ อีกเดี๋ยวก็จะสามทุ่มครึ่งแล้ว พวกเรามาจัดการผีเด็กนั้นให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาคุยกันเถอะ ! ”
เมื่อทั้งสองคนได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็กลับมามีสติอีกครั้ง
ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว ฟ้ามืดสนิท พระจันทร์ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า
ถ้าลงมือตอนนี้ อาจสามารถล่อเด็กนั้นออกมาจากบ่อน้ำได้
ดังนั้น ทุกคนจึงเริ่มทำตามแผน
ตามที่วางแผนเอาไว้ พวกเราสามคนจะซ่อนอยู่ในบ้าน จากนั้นก็ให้จูจูเรียกเบาๆ ใช้ความเป็นแม่ ล่อเด็กคนนั้นออกมา
หลังจากเตรียมตัวเสร็จ หยางเฉ่วก็เข้าไปเรียกจูจูในห้อง
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้จูจูกำลังตื่นกลัวมาก เหงื่อออกเต็มหน้าผาก
ทางด้านหยางเฉ่วก็ปลอบใจไม่หยุด “ จูจูอย่ากลัวไปเลย สบายใจได้ตะโกนสองสามครั้งเสร็จ ถ้าเรียกเจ้านั้นออกมาได้แล้ว พวกเราจะเป็นคนจัดการเขาเอง ! ”
จูจูรู้สึกหวาดกลัว “ หยาง หยางเอ๋อ เธอ เธอจะต้อง จะต้องปกป้องฉันนะ ! ”
หยางเฉ่วยิ้มเล็กน้อย และพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “ วางใจได้ เธอเรียกฉันได้ตลอด ! ”
จูจูสูดหายใจเข้าลึกๆ แสดงท่าทางตกลง
จากนั้นหยางเฉ่วก็เข้าไปซ่อนกับผม ที่หลังโซฟา
ส่วนจูจู ก็เตรียมใจอยู่ครูหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆเดินออกมาจากห้อง
เธอมองไปที่บ่อน้ำอันนั้น แล้วตะโกนเรียกด้วยเสียงติดอ่างสองสามครั้ง “ ลูก ลูกจ๋า รีบ รีบออกมา หา หาแม่เร็ว แม่อยู่นี่แล้ว…… ”