ศพ – ตอนที่ 125 ปิดประตูตีแมว

ตอนที่ 125 ปิดประตูตีแมว

ขณะมองผีเด็กทั้งคลาน และพูดไปพร้อมกัน พวกเราก็รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว

ในใจมีความรู้สึกแปลกๆบางอย่าง ที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น พวกเราก็ยังไม่ประมาท  ต่างจับดาบไม้ในมือให้แน่น และมองอีกฝ่ายที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ

ขอแค่เด็กคนนี้เข้ามาในบ้าน พวกเราก็จะปิดกั้นทางหนีของเขาทันที

ถึงเวลานั้นก็ปิดประตูตีแมว ทำให้เด็กคนนั้นออกไปไหนไม่ได้

ถ้าพวกเราสามารถคุยกันดีๆ ทำให้พ้นจากความทุกข์ได้ พวกเราก็จะลองดูว่าจะสามารถส่งวิญญาณได้ไหม

 

แต่ถ้าเขาไม่ร่วมมือ ก็ทำได้แค่ฆ่าเขาให้ตาย และดวงวิญญาณแตกสลายก็เท่านั้น

ตอนนี้ พวกเราสามคนกลั้นหายใจ เดินเข้าไปใกล้เจ้านี้อย่างเงียบๆ

“ นม หนูจะกินนม…… ”

เสียงดังขึ้นอีกครั้ง เสียงที่พูดแหบแห้ง ออกมาจากปากของผีเด็กอย่างต่อเนื่อง

พวกเราทุกคนต่างตั้งสติ เตรียมพร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ

3 เมตร 2 เมตร 1 เมตร ในที่สุดผีเด็กก็คลานเข้ามาในประตู

ตอนนี้เขา ไม่สังเกตเห็นพวกเราที่อยู่หลังโซฟา เอาแต่จ้องจูจูที่นอนสลบอยู่ที่พื้นเท่านั้น

ผ่านไปไม่นาน เขาก็คลานมาถึงด้านหน้าของจูจู

 

ทันใดนั้นก็หัวเราะ “ คิคิคิ ” ออกมา จากนั้นก็ยื่นมือที่ขาวซีด ไปจับตัวจูจูเบาๆ

“ แม่ ! แม่ ! หนูจะกินนม…… ”

ขณะที่พูด ผีเด็กคนนี้ก็ยังใช้หัวของเขาถูจูจูที่สลบอยู่

เมื่อเห็นฉากนี้ผมก็รู้สึกถึงความอบอุ่น แม้ว่าผีทารกจะโตขึ้นหลังจากตายไปแล้ว แต่เขาก็ยังจำแม่ของตัวเองได้ ในสายตาของผมการกระทำนั้นมันช่างดูอบอุ่นมาก

ขณะที่ผมกำลังชื่นชมฉากอันอบอุ่นนี้อยู่ เพียงเสี่ยววินาทีต่อมาการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้น

ผีเด็กคนนั้นเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็อ้าปาก เผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคม

 

ยกกรงเล็บในมือขึ้น และเลื่อนลงอย่างรวดเร็ว เขาเริ่มฉีกเสื้อของจูจูออก จนเผยให้เห็นเนินอกสีขาวทั้งสองข้าง กระดุมสองสามเม็ดต่างหลุดล่วงลงพื้นทันที

เมื่อเห็นฉากนี้ต่อหน้า ผมก็ตกตะลึง

ดูเหมือนผมจะคิดมากไป ผีทารกยังไงก็คือผีร้าย แม้ว่าชีวิตของเขาจะทำให้คนรู้สึกสงสาร แต่หลังจากที่เขาปรากฎตัว เขาก็กลายเป็นผีชั่วร้ายที่ดุร้ายแล้ว

ผมแสดงสีหน้าที่เคร่งขรึม และพูดออกมาทันที “ ลงมือ ! ”

เสียงพึ่งจางหาย ตัวผมก็พุ่งออกไปทันที

ถือดาบไม้ ตรงเข้าไปหาผีเด็กตนนั้น

 

ในเวลาเดียวกัน หยางเฉ่วก็ยืนอยู่ข้างๆผม เธอเองก็เตรียมจัดการผีทารกนี้ตั้งแต่วินาทีแรก

ส่วนเฟิงเฉ่วหาน กลับวิ่งไปที่ประตู ปิดประตูให้เรียบร้อย เพื่อปิดกั้นทางหนีของเด็กคนนี้

จู่ๆพวกเราสามคนก็ปรากฎตัว จึงทำให้ผีเด็กรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

ขณะที่เขายังไม่ได้รับรู้อย่างสมบูรณ์ พวกเราก็เข้ามาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว

ผมกระโดดขึ้นสูงๆ ใช้ดาบไม้ในมือ แทงไปที่ตัวผีเด็กอย่างรวดเร็ว

“ ตายซะ ! ”

แม้ว่าผีเด็กตนนั้นจะอึ้งอยู่แป๊บหนึ่ง แต่เขากลับเร็วมาก ขณะที่ดาบไม้ของผมกำลังแทงลงไป

 

เขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว ตัวของเขาสามารถหลบการโจมตีได้

ผมแทงเข้ากับอากาศ ทำให้ผมอารมณ์เสียเล็กน้อย

ส่วนทางด้านหยางเฉ่ว ในเวลาเดียวกันนี้เธอกลับแทงไปคนละทางกับผม

แต่ใครจะรู้ว่าครั้งนี้เจ้าผีเด็กนั้นไม่คิดจะหลบ เขาแสดงสีหน้าดุร้าย ส่งเสียงร้อง “ หือ ” ออกมา จากนั้นก็อ้าปากที่มหึมานั้นอย่างรวดเร็ว ลิ้นสีแดงฉานนั้น ได้แลบออกมาทันที

สุดท้ายดาบไม้ที่อยู่ในมือของหยางเฉ่ว ก็ถูกพันเข้ากับเอวของหยางเฉ่ว

ในเวลาเดียวกันผีเด็กตนนั้นก็ออกแรก ผลักร่างเธอออกไปอย่างรวดเร็ว

 

ตอนนั้นตัวของหยางเฉ่วขาดสมดุล อย่าพูดว่าจะโจมตีผีเด็กได้ต่อเลย ตอนนี้แม้แต่ยืนให้มั่นคงเธอก็ยังทำไม่ได้

ทันใดนั้นเสียง “ ปัก ” ก็ดังขึ้น เพราะร่างของหยางเฉ่วไม่มีสมดุล จึงกระแทกลงกับพื้น อย่างแรง

เพราะการเคลื่อนไหวของผีเด็กตนนั้นเร็วมาก และเรื่องทุกอย่างนี้ก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมองตามไม่ทันกันเลยทีเดียว

ผลลัพธ์เมื่อผมมองเห็นอีกครั้ง หยางเฉ่วก็ลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว

“ สมควรตาย ! ” ผมทำหน้าเข้ม และแอบพูดในใจ

คิดไม่ถึงว่าพวกเราที่ได้เตรียมการเอาไว้ก่อนแล้ว และออกมาโจมตีอย่างกะทันหัน  พวกเราโจมตีจากรอบๆ

แถมระยะห่างก็ยังใกล้มาก แต่กลับไม่สามารถแตะต้องมันได้แม้แต่ปลายก้อย กลับกันหยางเฉ่วยังถูกเจ้าผีเด็กผลักคว่ำอีกด้วย

นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างคาดไม่ถึง แต่ตอนนี้เฟิงเฉ่วหาน ก็ได้ปิดประตูบ้านเรียบร้อยแล้ว

หลังจากผีเด็กผลักหยางเฉ่วล้มเสร็จ ก็รีบทิ้งระยะห่างจากพวกเราอย่างรวดเร็ว

ช่วงเวลานี้มันกระโดดขึ้นไปบนตู้เย็นที่อยู่ในบ้าน จากนั้นก็นั่งย่องๆ ถลึงดวงตาสีขาวโพน แยกเขี้ยวออกมา และหัวเราะ “ คิคิคิ ” ให้กับพวกเรา

ผมระวังเจ้าเด็กนั้นทันที แต่ก็ประคองหยางเฉ่วขึ้น “ ไม่เป็นไรใช่ไหม ! ”

เมื่อหยางเฉ่วลุกขึ้นมาได้ ก็ส่ายหัวให้ผม “ ไม่เป็นไร คิดไม่ถึงแค่ไม่กี่วัน การเคลื่อนไหวและพลังของผีทารกนี้จะเพิ่มมาถึงขั้นนี้แล้ว ! ”

 

หยางเฉ่วเองก็แสดงสีหน้าหนักใจ ตอนแรกเธอก็ระวังมากอยู่แล้ว แต่พวกเราประเมินความสามารถของผีทารกนี่ต่ำเกินไป

“ ฉันแปะยันต์เอาไว้ที่ประตูบ้านแล้ว พวกเราสามคนมาสู้พร้อมกัน จะต้องกำจัดมันได้แน่ๆ ! ” เฟิงเฉ่วหานพูดพร้อมสีหน้าเย็นชา

ผลลัพธ์เสียงของเฟิงเฉ่วหานพึ่งเงียบลง จู่ๆผีเด็กที่พึ่งกระโดดขึ้นไปบนตู้เย็นก็อ้าปาก จนทำให้น้ำลายไหลออกมา

ตอนนี้เขาจ้องมาที่เนินสูงตะหง่านบนร่างของหยางเฉ่วอย่างไม่ละสายตา ขณะเดียวกันก็พูดออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งอย่างต่อเนื่อง “ นม หนูอยากกินนม ! ”

เมื่อหยางเฉ่วเห็นอีกฝ่ายจ้องหน้าอกของตัวเอง และยังมีน้ำลายไหลออกจากมาปาก ก็โมโหขึ้นมาทันที “ เด็กเวร ดูซิฉันจะฆ่าแกยังไง ! ”

 

หลังจากพูดจบ หยางเฉ่วก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอยกดาบขึ้นและพุ่งเข้าไปทันที

แน่นอนว่าผมและเฟิงเฉ่วหานเองก็ไม่รอช้า ได้เผชิญหน้ากับผีทารกที่ดุร้ายแบบนี้ ก็ต้องสู้เป็นกลุ่มเท่านั้น

แต่เจ้าผีเด็กนั้นเคลื่อนไหวเร็วมาก และยังว่องไวมากอีกด้วย

พวกเราสามคนพึ่งเข้าไปใกล้ตู้เย็น เจ้าเด็กนี้ก็ก้าวถอยหลัง และกระโดดออกมาทันที

สุดท้ายก็ไปเกาะที่พัดลมเพดานตรงกลางบ้าน เจ้าเด็กนั้นยังทำหน้าตื่นเต้น หันมามองพวกเราสามคนและพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “ จับฉันไม่ได้หรอก จับฉันไม่ได้หรอก…… ”

เมื่อเห็นผีเด็กกำลังแขวนตัวอยู่บนพัดลมเพดาน ก็ทำให้พวกเราโมโหทันที แกเห็นว่าพวกเราเล่นอยู่ซินะ

“ เด็กเวร ! ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสลองคาถาใหม่ของฉัน ” หยางเฉ่วพูดอย่างเย็นชา

 

หยางเฉ่วหยิบยันต์ออกมา จากนั้นก็นำดาบไม้ไปไว้ที่มืออีกข้าง แล้วก็เริ่มเสกคาถาด้วยมือเดียวทันที

ทันใดนั้นเธอก็พูดว่า “ วิชาขับไล่วิญญาณ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง เพี๊ยง ! ”

เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น หยางเฉ่วก็กัดลิ้นแรงๆ พ่นเลือดที่ไหลออกมาไปที่ยันต์แผ่นนั้นทันที

จากนั้น หยางเฉ่วก็โยนยันต์ที่อยู่ในมือออกไป

เมื่อยันต์แผ่นนั้นหลุดออกจากมือ มันก็เหมือนกับมีดบิน ที่ถูกขว้างออกไป ใส่ผีทารกตรงๆ

แม้ว่าเด็กที่ตายจะกลายเป็นผีร้ายไปแล้ว แต่ก็ยังมีนิสัยเหมือนเด็กอยู่

เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นยันต์มาก่อน เมื่อเห็นยันต์ของหยางเฉ่วบินออกไป ไม่เพียงไม่หลบ เขายังสนใจมันมาก ราวกับคิดว่าเป็นของเล่นที่น่าสนุกชิ้นหนึ่ง

 

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเราตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ เจ้าเด็กคนนี้เอื้อมมือออกไปจับยันต์แผ่นนั้นด้วย

นี่เป็นยันต์ที่ใช้จัดการเขานะ จะไปแตะมัวๆได้ยังไง

ผลลัพธ์หลังจากนั้น วินาทีที่กรงเล็บของเด็กเพิ่งสัมผัสกับยันต์ แสงสีขาวก็ปรากฎขึ้นทันที

จากนั้นเสียงระเบิดดัง “ ปัง ” ก็ดังตามมาติดๆ ยันต์แผ่นนั้นระเบิดทันที เสี้ยววินาทีต่อมาพลังหยางก็ค่อยๆกระจายตัวออกมา

แมวที่อยากรู้อยากเห็นมาก หรือผีเด็กที่กำลังยิ้มอยู่เมื่อครู่ ในตอนนี้กลับกรีดร้อง “ อ๊าก ” ออกมา

ขณะเดียวกันร่างของเขาก็ล่วงลงมาจากพัดลมเพดาน กรงเล็บที่สัมผัสกับยันต์อันนั้น ตอนนี้ถูกระเบิดจนผิวนอกเปิดออกกลายเป็นแผลเวอะ มองดูแล้วเป็นแผลที่น่าสยดสยองมาก

 

แต่ระยะเวลาแค่พริบตา มือของเขาก็กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจนทำให้คนที่มองอยู่ถึงกับตกตะลึง

เมื่อผมและเฟิงเฉ่วหานเห็นฉากนั้น ก็เป็นธรรมดาที่จะปล่อยโอกาสตอนที่เขากำลังบาดเจ็บให้ผ่านไปไม่ได้

พวกเรารีบกระโดด ไปแทงเจ้าเด็กนั้น เพื่อกดตัวเขาให้ยึดอยู่กับพื้น

แต่ใครจะรู้ถึงเจ้าเด็กนั้นจะโดนยันต์ของหยางเฉ่วไปแล้ว แต่ก็อาศัยพลังแค้นที่ทรงพลังของตัวเอง และกระดูกที่ยังแข็งแรง หรือจะเรียกได้ว่าเขาไม่ได้สูญเสียพลังในการโจมตีไปเลยสักนิด

วินาทีที่พวกเรากำลังเข้าไปแทงเขานั้น เจ้าเด็กนั้นก็ม้วนตัว หลบการโจมตีของพวกเราอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ทั้งตัวของเขา ได้ระเบิดพลังหยินที่เข้มข้นกว่าเดิมออกมา

 

จากนั้นเขาก็ค่อยๆคำรามออกมา “ โอมมะลึกกึกกึ๋ยเสี่ยวโม๋เซียน โปคาราจงแปลงร่าง…… ”

เมื่อพวกเราสามคนได้ยินคำพูดนี้ ก็ต่างมึนงงทันที นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เสี่ยวโม๋เซียนโปคาราจงแปลงร่างอะไรกัน

ขณะที่พวกเรากำลังมึนงง เพราะไม่แน่ใจว่าเจ้าผีเด็กนี้กำลังจะทำอะไร

จู่ๆเจ้าผีเด็กนั้นกลับอ้าปากกว้างๆ เผยให้เห็นฟันที่แหลมคม ทันใดนั้นก็มีพลังหยินที่ชั่วร้ายและทรงพลังอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้พุ่งเข้ามาหาเจ้านั้น

อนุภาพของพลังหยินนั้น ดูเหมือนเพิ่มขึ้นมาเยอะกว่าระดับปกติ เพียงแค่ชั่วพริบตานั้น

ไม่เพียงเท่านี้ เขายังคำรามทันที “ โฮก ” และแสดงท่าทีจะพุ่งเข้ามาหาพวกเรา……

ศพ

ศพ

โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset