ตอนที่ 131 พลังของวงเวทย์
ตอนนี้ผมและเฟิงเฉ่วหานกำลังดูวงเวทย์ของหยางเฉ่วอยู่ แถมยังตกตะลึงที่วงเวทย์ของเธอทั้งยอดเยี่ยมและมหัศจรรย์ แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆก็ได้ยินหยางเฉ่วตะโกนออกมาแบบนั้น
ผมและเฟิงเฉ่วหานจะกล้าลีลาอยู่ได้ยังไง ถ้าวงเวทย์ของหยางเฉ่วล้มเหลว พวกเราก็ต้องต่อสู้ตรงๆกับผีทารกอีกครั้ง
และเมื่อเวลานั้นมาถึง ถ้ายังอยากคิดจะจับผีทารก ก็คงต้องเปลืองแรงอย่างมหาศาลแล้วละ
เมื่อได้สติกลับมา ผมก็ไม่ลังเล
รีบถอยไปหาดาบที่วางอยู่ข้างหลัง จากนั้นก็ชักดาบออกมาจากฝักอย่างรวดเร็ว
เฟิงเฉ่วหานดึงดาบไม้ออกมาเรียบร้อย เขาพุ่งเข้าไปในวงเวทย์ทันที
ผมเองก็ไม่เกรงใจ จับด้ามดาบไม้ให้แน่น รีบตามเข้าไป โจมตีซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว
เชือกแดงพวกนั้นไม่มีผลอะไรกับผมและเฟิงเฉ่วหาน แต่สำหรับเด็กคนนั้นแล้ว มันเหมือนลวดไฟฟ้า ไม่อาจสัมผัสโดนมันได้แม้แต่ปลายก้อย
บวกกับกำแพงเวทย์ที่แปลกประหลาด จึงทำให้ผีทารกถูกขังเอาไว้ทั้ง 5 ทิศ ไม่มีทางออกไปข้างนอกได้สักก้าวเดียว
“ เด็กเวร วันตายของแกมาถึงแล้ว ! ” เฟิงเฉ่วหานตะโกน ไม่ยั้งมือ ยกดาบฟาดฟันอย่างรุนแรง
เด็กคนนั้นเผยสีหน้าที่น่าสยดสยองออกมา หัวที่ใหญ่โตนั้นดูไม่เข้ากันกับร่างกายของเขาเลยสักนิด
แต่ปากที่เต็มไปด้วยฟันอันแหลมคม กลับทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว
“ โฮก ! พวกแกมันเป็นคนเลว ! ”
เด็กตะโกน กางกรงเล็บเข้าต่อกร
กรงเล็บพวกนั้นสัมผัสกับดาบไม้ตรงๆ ส่งเสียงดัง “ ปัง ” อย่ามองว่าเจ้าเด็กนี้ตัวเล็ก แต่พลังที่มีกลับเยอะมากจนผิดแปลก
เมื่อเข้าปะทะกับกรงเล็บนั้น เฟิงเฉ่วหานก็ถึงกลับถูกกระแทกจนต้องถอยไปสองสามก้าว จะเห็นได้ว่ามันแข็งแรงมากขนาดไหน
วินาทีที่เฟิงเฉ่วหานถูกแรงกระแทกไปข้างหลัง ผมก็เข้าไปโจมตี
ผมเล็งไปที่หลังของเด็ก และพุ่งเข้าไปแทงทันที
ไม่มีสัญญาณใดๆบอกล่วงหน้า แต่เด็กคนนั้นกลับรู้สึกถึงอันตรายที่ด้านหลัง
เขาหักหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันก็หันหน้ามามอง
ดวงตาสีขาวโพนคู่นั้น จ้องผมตาไม่กระพริบ “ คนเลว แกมันคนเลว เอาตุ๊กตาตัวน้อยของหนูคืนมา ! ”
ขณะที่พูด เจ้าเด็กนั้นก็พุ่งเข้ามาหาผม
แต่เป็นเพราะวงเวทย์ดอกเหมยควบคุมเขาได้ดีมาก ดังนั้นความร้ายกาจของเจ้าเด็กนี่จึงไม่มีเท่าเมื่อวาน
การเคลื่อนไหวก็ช้าลงมาเยอะมาก
แต่ผมยังไม่กล้าประมาท จึงยกดาบไปข้างหน้า
ถึงแม้ว่าเจ้าเด็กนี้จะถูกวงเวทย์ควบคุม และความว่องไวของร่างกายผิดปกติไป
แต่เขากลับทำท่าทางแปลกๆ และหลบการโจมตีของผมตรงๆ
จากนั้น เขาก็อ้าปาก ตรงเข้ามากัดที่ไหล่ของผม
ผมถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว รีบหลบทันที
เด็กคนนั้นกัดเข้ากับอากาศ แต่เขายังไม่ยอมแพ้ ยังโจมตีมาที่ผมอย่างต่อเนื่อง
ขาทั้งสองข้างเตะอย่างรุนแรง และตรงเข้ามาทางผมอีกครั้ง
ไม่ใช่แค่นี้ ระหว่างนั้นจู่ๆลิ้นสีแดงของเจ้าเด้กผีก็พุ่งออกมา ที่คอของผมอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นลิ้นพุ่งออกมา ม่านตาของผมก็ขยายใหญ่ ในใจกลับดีใจ แอบพูดว่าโอกาสดีๆมาแล้ว
เมื่อคืนตอนประมือกันผมพบว่า นอกจากเจ้าเด็กนี้จะมีพลังเยอะผิดปกติและร่างกายที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วแล้ว พลังป้องกันของเขาก็ทำให้คนทึ่งได้
หลังจากวิเคราะห์แล้ว พวกเราก็คิดว่าลิ้นอันนี้ เป็นจุดอ่อนของเด็กคนนี้
ตอนนี้เมื่อเห็นลิ้นพุ่งออกมา ไม่ใช่แค่ผมไม่กลัว ผมยังรู้สึกดีใจมากอีกด้วย
ผมมองทิศทางการเคลื่อนไหวของลิ้นให้แน่ชัด ร่างกายย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว ลิ้นอันนั้นจึงตวัดผ่านหัวของผมไป
ในเวลาเดียวกัน ผมก็ใช้มือขวา คว้าไปที่ลิ้นของเจ้าเด็กนั้นอย่างรวดเร็ว
ตอนที่สัมผัสโดนลิ้นอันนั้นมันหยาบมากแต่ก็นุ่มมาก แต่มันกลับเย็นจนถึงกระดูก
หลังจากเจ้าเด็กนั้นโดนผมจับประตูชีวิต ก็แสดงท่าทางหวาดกลัวออกมาทันที
แขนและขาทั้งสี่ข้างยึดอยู่กับพื้นให้มั่นที่สุด สะบัดหัวไปมา ในปากยังกรีดร้อง “ ฮือฮือฮือ ” อยากจะดึงลิ้นกลับ
แต่ผมจะปล่อยให้เขามีโอกาสได้ยังไง มันเป็นไปไม่ได้
ผมจับลิ้นนั้นเอาไว้แน่น จากนั้นก็ตะคอกทันที “ มาหาฉันเดี๋ยวนี้ ! ”
ออกแรงที่มือ ทันใดนั้นเจ้าเด็กนั้นก็เซไปเซมาทันที และสุดท้ายก็กระแทกลงกับพื้นอย่างแรง
“ โอ๊ย ” เสียงร้องดังขึ้น เจ้าเด็กนั้นล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างจัง
หลังจากเจ้าเด็กนั้นถูกผมจับเหวี่ยงกระแทกลงกับพื้น ผมก็ใช้ดาบไม้ที่อยู่ในมืออีกข้างหนึ่ง แทงลงที่ลิ้มสีแดงนั้นอย่างรุนแรง
“ ฉึก ” ดาบไม้แทงทะลุลิ้นของเด็กคนนั้น และปักลงกับพื้นทันที
เมื่อลิ้นของเจ้าเด็กนั้นถูกแทง ในปากก็มีเสียงกรีดร้องอย่างรุนแรง “ อ๊าก ! ”
เสียงดังมาก และฟังแล้วเจ็บปวดทรมานจนถึงขีดสุด
การกระทำเหล่านี้ ก็เกิดขึ้นในเวลาที่สั้นมากๆ แต่กลับเป็นเส้นแบ่งความเป็นความตาย ที่อันตรายมาก
ถ้าระหว่างนั้นทำพลาด ผมอาจต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเอง
เมื่อหยางเฉ่วและหานเฉ่วเฟิงเห็น ก็ตื่นเต้นทันที
หยางเฉ่วที่ยืนอยู่ไม่ไกลส่งเสียงเชียร์ “ ติงฝานทำได้ดีมาก ! ”
ส่วนเฟิงเฉ่วหาน กลับรีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ดึงตาข่ายดำที่เอวออกมาทันที
ตาข่ายดำไม่ใหญ่มาก เป็นตาข่ายที่คลุมได้ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก
และตาข่ายสีดำนี้ เป็นตาข่ายที่ถูกถักทอมาจากด้ายดำ ชุบด้วยเลือดหมาดำอีกที มีผลในการปราบวิญญาณชั่วร้าย
เฟิงเฉ่วหานถือตาข่ายดำขึ้น ไม่สนใจเสียงกรีดร้องของเด็กเลยสักนิด
เขากางตาข่ายออก และโยนใส่ตัวเด็กทันที
ผลลัพธ์หลังจากตาข่ายดำนี้สัมผัสตัวเด็ก เฟิงเฉ่วหานก็ใช้มือเดียวเสกคาถา และตะโกนออกมาติดๆ “ เก็บ ! ”
เสียงพึ่งเงียบลง ตาข่ายผืนนั้นก็หดตัว รัดรอบตัวเด็กเอาไว้อย่างแน่นหนา
และเด็กคนนั้น ก็กรีดร้องโหยหวนยิ่งกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าเขากำลังทรมานหนักมาก
“ อ๊ากก ! อ๊ากก ! เจ็บ เจ็บ…… ”
แม้ว่าเสียงจะเริ่มอ่อนลง แต่เขาก็ยังกรีดร้องอย่างสุดชีวิต
ขณะที่ฟังเสียงเด็กร้องโหยหวน พวกเราก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน
ตอนนี้เด็กถูกขังเอาไว้ตรงกลางของวงเวทย์ดอกเหมย ลิ้นถูกดาบตรึงเอาไว้ และตอนนี้ก็ยังโดนตาข่ายดำรัดตัวเอาไว้อีก ดูจากสภาพนี้เขาไม่มีทางหนีได้แล้ว
ตอนนี้เขา ทำได้เพียงรอให้พวกเราเข้าไปเฉือด
ผมและเฟิงเฉ่วหานไม่ได้ลงมือฆ่าตอนนี้
เพราะก่อนหน้านี้ผมเคยพูดว่า แม้ว่าผีทารกจะเป็นวิญญาณชั่วร้าย แต่ชีวิตของเขาก็น่าสงสาร เพราะมีคนอื่นเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้
ถ้าสามารถทำให้เขาพ้นทุกข์ได้ ก็จะสวดส่งวิญญาณให้เขา ถือว่าเป็นการให้โอกาสเด็กคนนี้สักครั้ง และสร้างคุณความดีให้กับตัวเอง
เมื่อผมเห็นว่าเด็กถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์ ก็หันไปคุยกับหยางเฉ่วที่อยู่ไม่ไกล “ พอเถอะหยางเฉ่ว เธอปลดวงเวทย์ได้แล้ว ! ”
อย่ามองว่าหยางเฉ่วใช้คาถาเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ตอนนี้เธอกลับมีเหงื่อไหลอยุ่เต็มหัว และหายใจหอบเหนื่อย จะเห็นได้ว่าวงเวทย์ที่เธอใช้นี้ต้องใช้พลังหมาศาล
เมื่อหยางเฉ่วได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็ทำมืออีกสองสามครั้ง จากนั้นก็ตะโกนว่า “ คลาย ”
เสียงพึ่งจางหาย กระดิ่งที่กำลังแกว่งไปมารอบๆ ทันใดนั้นมันกลับหยุดลงดื้อๆ
เสียง “ กริ้ง ” ที่ดังออกมาก็หายไป เหลือเพียงเสียงกรีดร้องของเด็กคนนี้เท่านั้น
ผมและเฟิงเฉ่วหานไม่ได้สนใจ และจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ
พึ่งจุดบุหรี่ หยางเฉ่วก็เดินเข้ามา
เธอมองไปที่เด็กแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันมาคุยกับผมและเฟิงเฉ่วหานว่า “ ตอนนี้จับผีทารกได้แล้ว พวกเราจะจัดการเขายังไง ”
ไม่รอให้ผมได้พูด เฟิงเฉ่วหานที่อยู่ข้างๆก็พูดออกมาเบาๆ “ ตาข่ายดำของฉันมีฤทธิ์ปราบวิญญาณชั่วร้าย ให้มันกำจัดพลังชั่วร้ายให้สะอาดหมดจดก่อน ปล่อยให้เขาสงบลง แล้วค่อยลองดูว่าจะส่งเขาไปอย่างสงบได้ไหม ! ”
เมื่อได้ยินเฟิงเฉ่วหานพูดแบบนั้น ผมก็พยักหน้าเล็กน้อย แสดงความเห็นด้วย
หยางเฉ่วเห็นผมสองคนอยากลองคุย จึงไม่พูดอะไรอีก
พวกเราคนปราบสิ่งชั่วร้าย ยึด “ การปัดเป่า ” เป็นหลัก ไม่ใช่การฆ่า
แต่ผมสามคนไม่รู้ ตอนที่ตัดสินใจจะคุยกับเจ้าเด็กนั้นดีๆ
เจ้าผีทารกนั้นกลับเริ่มบ้า “ กึก ” เขากัดลิ้นของตัวเองขาดทันที
จากนั้น เขาก็อ้าปากที่โชกเลือดนั้นขึ้น มองไปที่บ่อน้ำแล้วตะโกนว่า “ คุณป้า คุณป้าช่วยหนูด้วย…… ”