ตอนที่ 137 การแก้ไขที่เพอร์เฟค
เมื่อเห็นร่างของผีทารกหายไป พวกเราสามคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
นี่คือเด็กที่น่าสงสารคนหนึ่ง แต่การเกิดใหม่กลับเป็นสิ่งที่ผิด
แม้ว่าจะกลายเป็นวิญญาณร้าย แต่ก็ได้เจอกับคนที่ใช่
ถ้าตอนแรกพวกเรามีใจคิดสังหารอย่างเดียว ตอนที่เด็กถูกสะกดเอาไว้ พวกเราก็คงกำจัดเขาไปแล้ว และเขาก็คงไม่มีโอกาสหรือความเป็นได้ที่จะไปเกิดใหม่ได้อีก
ถึงการทำแบบนี้จะยุ่งยากไปบ้าง แต่เมื่อคิดถึงรอยยิ้มในฉากสุดท้ายของผีทารก เสียง “ ขอบคุณ ” ที่ไร้เดียงสานั้น ก็ทำให้ในใจของผมรู้สึกว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว และยังรู้สึกพอใจมาก
ผมรู้ว่า การที่พวกเราทำแบบนี้เป็นสิ่งที่ถูก ทำแบบนี้ถึงจะเรียกว่า “ คนปราบผี ” สามคำนี้
ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มบางเบา ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ “ โอเคทุกคน จบเรื่องแล้ว พวกเราก็จะได้พักผ่อนดีๆกันซะที ! ”
หยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานถอนหายใจยาวๆ จากนั้นก็ยิ้มออกมา
“ ติงฝาน ครั้งนี้ขอบใจนายมากนะ ถ้าไม่มีนายช่วย ชีวิตของพวกเราคงไม่เหลือแล้ว ! ” จู่ๆหยางเฉ่วก็พูดกับผม
เฟิงเฉ่วหานเผยรอยยิ้มออกมา “ ติดหนี้ชีวิตนายครั้งหนึ่งแล้ว ! ”
ผมทำหน้าอึดอัดใจ นี่มันผลงานของผมที่ไหนละ
เป็นของมู่หลงเหยียนชัดๆ ถ้าเธอไม่ปรากฎตัว พลังแค่น้อยนิดของผม จะไปปราบผีผู้หญิงที่ดุร้ายแบบนั้นได้ยังไง
แต่ผมก็ไม่ได้พูดออกมา เพียงส่ายหัวให้ “ เรื่องเล็ก เรื่องเล็กน่า พวกเราไปจัดการบาดแผลกันก่อนเถอะ แล้วพรุ่งนี้พวกเราค่อยไปดื่มกัน ! ”
แต่หยางเฉ่วกลับบ่น “ ยังจะดื่มอีก ฉันโดดเรียนมาแล้ววันนึง พรุ่งนี้เช้าฉันต้องกลับมหาลัยแล้ว ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมและเฟิงเฉ่วหานก็หัวเราะ “ ฮ่าฮ่าฮ่า ” บรรยากาศก็เริ่มผ่อนคลาย ไม่ตรึงเครียดและเงียบสงัดเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
จากนั้น พวกเราก็ทำแผลบนร่างกายของตัวเองอย่างง่ายๆ
โชคดีที่เป็นแผลภายนอก เพียงแค่ช่วงนี้เจอกับผีติดกัน บนร่างกายจึงมีแผลเป็นอยู่จำนวนมาก แผลเก่าเกือบทั้งหมดที่ใกล้จะหายดีแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีแผลใหม่ขึ้นมาอีก
แต่หลังจากที่ความสามารถของผมอัพเกรดขึ้น กลับมีผลต่อการทำงานชัดเจนมาก
ตัวผมเองสามารถสัมผัสได้ พลังที่จุดตานเถียนของผม เริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ
การฝึกฝนจากการต่อสู้ ทำให้พัฒนาได้อย่างเห็นได้ชัด
ไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่สามารถใช้เวลาสั้นขนาดนี้ พัฒนาจากนักพรตฝึกหัด ให้มาถึงขั้นนักพรตในตอนนี้ได้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าจะยังน้อยมาก แต่นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ผมได้มาจากการต่อสู้ ซึ่งสะสมมาทีละนิดๆ
ผมเชื่อว่า อีกไม่นาน ผมก็จะร้ายกาจยิ่งกว่าเดิม และสามารถจัดการวิญญาณร้ายที่ร้ายกาจกว่านี้ได้
หลังจากจัดการแผลเสร็จ ก็เป็นเวลาตีห้าแล้ว
พวกเราสามคนจึงนอนพักกันนิดหน่อย เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาสิบโมงครึ่งแล้ว
ผมยังรู้สึกง่วงอยู่ แต่เมื่อมองเห็นแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ร่างกายก็ตื่นตัวขึ้นมาไม่น้อย
ผมหันไปมองรอบๆ ก็พบว่าบนโซฟาเหลือแค่ผมกับเฟิงเฉ่วหานสองคน หยางเฉ่วไม่อยู่แล้ว
แต่ก็ไม่ได้สนใจ ผมลุกขึ้น ยืดเส้นยืดสายทันที
แต่ตอนที่ผมกำลังยืดเส้นยืดสายอยู่นั้น กลับเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ข้างตัวผม
เมื่อเห็นโน๊ตสั้นๆ ก็ตกใจนิดหน่อย จากนั้นผมก็หยิบกระดาษขึ้นมาอ่าน
พบว่าโน๊ตสั้นๆที่เขียนเอาไว้มีเนื้อหาว่า ฉันกับจูจูกลับมหาลัยแล้วนะ ครั้งนี้ฉันขอบใจพวกนายสองคนแทนจูจูด้วย เอาไว้วันหน้าจะเชิญพวกนายไปกินของปิ้งย่าง หยางเฉ่ว
เมื่อเห็นหยางเฉ่วเป็นคนเขียน ผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
ดูเหมือนหยางเฉ่วจะตื่นเช้า เห็นผมและเฟิงเฉ่วหานยังนอนหลับสนิท คงไม่อยากรบกวนผมสองคน ดังนั้นจึงออกไปกับจูจูอย่างเงียบๆ
คิดไม่ถึงว่าหยางเฉ่วจะเป็นคนชวน ในใจของผมจึงรู้สึกดีมาก
ผมพับกระดาษเก็บ จากนั้นก็ปลุกเฟิงเฉ่วหานทันที
เฟิงเฉ่วหานลูบตา “ กี่โมงแล้ว ”
“ จะเที่ยงแล้ว หยางเฉ่วกับจูจูกลับมหาลัยไปก่อนแล้ว พวกเราเองก็กลับกันเถอะ ! ” หลังจากพูดจบ ผมก็หยิบโกศของผีผู้หญิงขึ้น
เฟิงเฉ่วหานหาว พร้อมกับพยักหน้าให้ผม
จากนั้น ผมและเฟิงเฉ่วหานก็ออกจากบ้าน
เมื่อมาถึงสวนหย่อมอีกครั้ง ผมก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองบ่อน้ำ
บ่อน้ำเก่ามาก แต่ในนั้นไม่มีผีผู้หญิงที่ถูกขังเอาไว้ และไม่มีผีทารกที่ถูกทอดทิ้งอยู่อีกต่อไป
อากาศของวันนี้ดูเหมือนจะสดชื่นเป็นพิเศษ อารมณ์ของผมเองก็ดูจะมีความสุขอยู่ไม่น้อย
หลังเดินออกจากประตูที่สวนหย่อมแล้ว พวกเราก็กลับไปตามทาง
ระหว่างทางบางครั้งผมและเฟิงเฉ่วหานก็พูดถึงเรื่องผีทารกและผีผู้หญิง เรื่องของผีทารกยังถือว่าดี เรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่างต่างกระจ่างชัด
แต่เรื่องผีผู้หญิงที่น่าสงสาร และนักพรตที่ลงมือกับเธอ ทำให้พวกเรารู้สึกสงสัย
ได้ยินผีผู้หญิงบอกว่า นักพรตคนนั้นใช้ชีวิตแลกชีวิต
ถ้าเขามีอาคมแบบนี้ พลังที่มีก็คงไม่ใช่ย่อย ต้องเป็นยอดฝีมือที่ร้ายกาจมากคนหนึ่ง
แต่เรื่องแบบนี้ยังกล้าทำ เขาก็คงไม่ใช่คนดีอะไร
แม้ว่าผมสองคนจะอยากรู้เรื่องนักพรตคนนี้ แต่สิ่งต่างๆย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา นี่มันก็ผ่านไป 20 ปีแล้ว
ปู่ย่าของจูจูก็ตายไปแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงไม่รู้จะไปสืบหาข้อมูลมาจากที่ไหน
หลังจากคุยกับเฟิงเฉ่วหานได้ไม่นาน ผมก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก เพราะมันไม่ได้อะไรขึ้นมา
พวกเราเดินอยู่บนถนนประมาณ 20 นาที ก็ได้เจอรถสามล้อคันหนึ่ง นี่จึงทำให้พวกเราได้นั่งรถโต้ลมกลับไปในเมือง
หลังจากกินอะไรนิดๆหน่อยๆ ผมและเฟิงเฉ่วฟานก็ไปสถานีขนส่งนั่งรถกลับตำบลชิงฉือทันที
เมื่อมาถึงตำบล ก็เป็นเวลาบ่ายสามกว่าๆแล้ว
หลังจากบอกลาเฟิงเฉ่วหานเสร็จ ก็ถือโกศของจูชิงกลับไปที่ร้าน
ขณะนี้อาจารย์กำลังพูดคุยกับลูกค้า เมื่อเห็นผมกลับมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมมาก
ผมเห็นมีลูกค้าอยู่ จึงไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันมานี้ เพียงนำโกศและถุงเฉียนคุนวางลงบนโต๊ะบูชา แล้วก็เดินเข้าไปในห้องทันที
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมถึงได้เดินออกมาด้วยท่าทางสดชื่นตื่นเต็มตา
ตอนนี้ลูกค้าได้ออกไปแล้ว มีเพียงอาจารย์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้คนเดียว
เขากำลังถือกระบอกสูบยาเก่าๆ พร้อมพูดกับผมอย่างไม่สนใจยังดี “ ติงฝาน สองวันมานี้แกไปไหนมา แถมยังเอาเจ้านี้กลับมาด้วย ”
ขณะที่พูด เขายังเหลือบไปมองถุงเฉียนคุนและโกศ
เมื่อได้ยินอาจารย์ถาม ก็เป็นธรรมดาที่ผมจะไม่ปิดบัง
“ อาจารย์อย่าไปพูดถึงมันเลย สองวันมานี้นะผมเจออันตรายจนเกือบจะตายแล้ว อีกนิดเดี๋ยวก็จะไม่รอดแล้ว ดูแผลที่หน้าอกของผมซิอาจารย์ ! ”
หลังจากพูดจบ ผมก็เลิกเสื้อขึ้น ให้อาจารย์มองบาดแผลที่หน้าอกของผม
อาจารย์มองแผลที่หน้าอกของผมแวบหนึ่ง “ พรึบ ” เสียงลุกจากเก้าอี้ “ รอยกรงเล็บผี ”
“ ใช่ไหมละ ! นี่ก็คือรอยกรงเล็บผีผู้หญิงที่อยู่ในนั้น ! ”
“ อ่อ ! แกออกไปจัดการผีผู้หญิงมางั้นซิ ”
ผมหัวเราะ “ ฮ่าๆ ” “ มันก็ไม่ใช่แบบั้นซะทีเดียว นอกจากผีผู้หญิงแล้ว ยังมีผีทารก…… ”
หลังจากนั้นผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นสองวันมานี้ รวมถึงเรื่องที่ผมไปงานเลี้ยงรุ่นที่โรงแรมไดนาสตี้ เจอกับตาผีขององค์กร จางจึเทาหนึ่งในเพื่อนสมัยประถมกลายเป็นสมาชิกองค์กรตาผี แม้แต่เรื่องที่เจอเสี่ยวม่านก็เล่าให้อาจารย์ฟังทั้งหมด
เมื่ออาจารย์ได้ยินก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน หลังจากผมเล่าเรื่องสองสามวันที่ผ่านมาอย่างละเอียดจบ อาจารย์ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ มองสำรวจตัวผมอย่างจริงจัง
จากนั้นอาจารย์ก็ตบที่ไหล่ผม พูดด้วยความเสียใจ “ เสี่ยวฝานเอ๋ย ! แกเพิ่งเข้ามาทำงานไม่นานก็ต้องเจอกับเรื่องอันตรายติดๆกัน แต่ก็ยังใช้พลังของตัวเองพลิกสถานการณ์อันตรายให้กลับมาดีได้ทุกครั้ง แกเก่งมากจริงๆ ”
“ และวิธีแก้ไขเรื่องผีผู้หญิง และผีทารกยังเป็นสิ่งที่เหมาะสมมาก แกมีหัวใจที่ดีงาม ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ อาจารย์ก็ยิ้มออกมา “ ฮ่าฮ่าฮ่า ! อาจารย์มองไม่ผิดจริงๆ ! ฉันไม่ได้ถ่ายทอดวิชาให้คนผิดอีกแล้ว หวังว่าในอนาคตแกจะรักษาหัวใจแบบนี้เอาไว้ และใช้วิชาที่เรียนมา ทำสิ่งดีๆให้กับวิญญาณเยอะๆ ทวงคืนความยุติธรรมให้กับวิญญาณพวกนั้น…… ”