ตอนที่ 138 ในป่ากุ่ยหม่า
ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอาจารย์จะบอกว่าวิธีการแก้ไขปัญหาของผม จะเหมาะสมและน่าพอใจขนาดนั้น
แต่ตอนที่เขาพูดถึงประโยคนั้น กลับใช้คำว่า “ อีก ” บอกว่า “ ฉันไม่ได้ถ่ายทอดวิชาให้คนผิดอีกแล้ว ”
มันหมายความว่ายังไง หรือว่านอกจากผมแล้ว อาจารย์เคยมีลูกศิษย์คนอื่นอีกเหรอ
แต่เมื่อเห็นท่าทีที่ดีใจของอาจารย์ ผมก็ไม่คิดมากอีก บางทีอาจารย์คงพลั้งปากพูดออกมาเท่านั้น ! ผมกำลังคิดแบบนี้
แต่คำพูดของอาจารย์ ทำให้ผมรู้สึกดีมาก จนรู้สึกตื่นเต้นไปทั้งตัว
แน่นอน ว่าระหว่างนั้น ผมก็ไม่ได้พูดเรื่องของมู่หลงเหยียน
นี่มันช่วยไม่ได้ เพราะมู่หลงเหยียนเคยบอกเอาไว้ เรื่องทั้งหมดของเธอ
นอกจากเธอแล้ว ผมจะต้องปิดเป็นความลับ
เพียงบอกอาจารย์ว่า ผมวางแผนว่าจะไปฝังโกศของผีผู้หญิงที่ภูเขาด้านหลัง
อาจารย์ก็พยักหน้า ไม่พูดอะไรมาก เพียงบอกให้ผมไปทำเถอะ
และเห็นผมแสดงท่าทางไม่ค่อยอยากพูด จึงโบกมือให้ผมแล้วพูดว่า “ ชั่งเถอะ แกทำได้ไม่เลว สองสามวันนี้แกคงเหนื่อยมาก วันนี้แกก็ไม่ต้องเฝ้าร้านแล้ว ไปพักผ่อนดีๆเถอะ ! ”
เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมก็ดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้
อาจารย์ให้พัก แน่นอนว่านี่ถือว่าเป็นเรื่องดี
ผมจึงไม่เกรงใจ พูดกับอาจารย์อีกนิดหน่อย จากนั้นก็เดินเข้าไปนอนในห้องทันที
แน่นอน ถึงฉากหน้าของผมและอาจารย์จะเป็นครูศิษย์กัน แต่ความจริงแล้วความสัมพันธ์ของพวกเราคือปู่กับหลาน
อาจารย์เห็นผมเป็นหลานแท้ๆ และผมก็ไม่มีพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก
ในความทรงจำของผม มีแค่อาจารย์คนเดียว ดังนั้นเขาก็คือญาติคนเดียวของผม
เมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนดีๆ เมื่อเข้ามาในห้องผมก็ล้มตัวลงนอนทันที
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลากินข้าวเย็นแล้ว
อาจารย์ทำกับข้าวเอาไว้บนโต๊ะเยอะมาก แม้แต่ซุปไก่ก็มี บอกว่าทำให้ผมบำรุงกำลัง
เมื่อมาถึงโต๊ะผมก็ไม่เกรงใจ ตักไปถึงหลายชามและกินอย่างตะกละตะกลาม
เพราะตอนกลางวันบอกอาจารย์ว่า เย็นนี้จะไปฝังโกศให้ผีผู้หญิง
ดังนั้นหลังจากกินเสร็จ ผมก็พูดกับอาจารย์ว่า “ อาจารย์ นี่ฟ้าก็มืดแล้ว งั้นผมเอาของพวกนี้ไปฝังที่หลังเขาแล้วนะ และก็ถือว่าหาบ้านให้เธอไปด้วย ! ”
อาจารย์เหล่ตาและพยักหน้าให้ผม “ ไปเถอะ ! รีบไปรีบกลับละ ! ”
ผมตอบ “ ครับ ” จากนั้นก็นำโกศของผีผู้หญิงออกไปจากร้าน
มู่หลงเหยียนบอกว่าหลังจากผมกลับมา ให้พาของสิ่งนี้ไปหาเธอ
ถ้าพูดถึงมู่หลงเหยียน เธอมักจะอยู่ที่สุสานผีไร้ญาติ และก็เป็นสถานที่ที่พวกเราได้แต่งงานกันในตอนนั้น
เพราะเหตุนี้ ผมจึงนำโกศและถุงเฉียนคุนตรงไปที่สุสานผีไร้ญาติ
เดินมาไม่เร็วมาก เมื่อผมมาถึงสุสานผีไร้ญาติ ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว
สถานที่แห่งนี้หนาวเย็นจับใจ พลังหยิงแรงมาก
รอบๆมีธงไว้อาลัยวิญญาณสีขาวแขวนอยู่ ภายใต้ลมที่พัดในยามค่ำคืน การแกว่งไปมาของพวกมัน ช่างดูน่าขนลุกจริงๆ
ผมเองก็ไม่รู้ว่าหลุมศพของมู่หลงเหยียนอยู่ที่ไหน หรือเธอมีหลุมศพรึเปล่า
ผมจึงมองไปรอบๆ สูดหายใจเข้าลึกๆ อ้าปากตะโกนสุดเสียงในสุสานไร้ญาติที่หนาวเหน็บ “ น้องศพ ฉันมาแล้ว ! เธออยู่ที่ไหน ”
เสียงผมสะท้อนกลับ ก้องดังไปทั่วสุสาน
แต่รอบๆยังคงเงียบกริบ ไม่มีเสียงอะไรขยับ มีเพียงแต่อากาศเท่านั้นที่ดูจะหนาวเย็นขึ้นมาก
ผมเห็นมู่หลงเหยียนไม่ปรากฎตัว จึงตะโกนออกมาอีกครั้ง “ น้องศพเธอ…… ”
ผลลัพธ์ผมยังพูดไม่จบ จู่ๆที่ด้านหลังก็มีเสียงผู้หญิงโมโหดังขึ้น “ เลิกเรียกได้แล้ว ฉันอยู่นี่ ! ”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ผมก็ดีใจ รีบหันกลับไปอย่างรวดเร็ว
เห็นเพียงต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังไม่ไกล มีมู่หลงเหยียนกำลังยืนสวยอยู่ตรงนั้น
“ น้องศพ ! ” ผมพูดด้วยความดีใจ จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาเธอทันที
แต่มู่หลงเหยียนกลับมองผมด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง “ นายมาช้าจัง ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็กลอกตาทันที
นี่เรียกช้าที่ไหนละ ถ้าฉันมาเร็วกว่านี้ เธอจะกล้าออกมาไหมละ
มู่หลงเหยียนเห็นผมทำท่าทางอารมณ์เสีย จึงพูดออกมาอีกครั้ง “ โอเคโอเค ตามฉันมา ! ”
ขณะที่พูด มู่หลงเหยียนก็หมุนตัว เดินเข้าไปในป่าของสุสานไร้ญาติ
ป่าของสุสานไร้ญาติ นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องการฝังศพไปทั่วแล้ว ภูเขาลูกนี้ยังมีพลังวิญญาณที่เข้มข้นอีกด้วย
ผมเคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่บอกว่า ที่นี่ถูกเปลี่ยนเป็นสุสานไร้ญาติ ก็เพราะแต่ก่อนที่นี่เคยเป็นสนามรบ จึงมีคนตายอยู่เป็นจำนวนมาก
ถ้าเข้ามาป่าผืนนี้ตอนกลางคืน ก็จะได้ยินเสียงร้องของม้าที่อยู่ในสนามรบดังขึ้น
เมื่อเวลาผ่านไปเนินนาน ที่นี่จึงถูกขนานนามว่า “ ป่ากุ่ยหม่า ”
และในป่าละแวกนี้ ป่ากุ่ยหม่าก็เป็นสถานที่ที่มีพลังหยินแรงที่สุด
เมื่อก่อนตอนที่อาจารย์และเหล่าฉินมาทำโต๊ะบูชาที่นี่ ต่างก็ไม่กล้าเข้ามาในป่า เพราะด้านในมีพลังหยินที่รุนแรงเกินไป กลัวว่าถ้าไปดึงดูดวิญญาณร้ายออกมา พวกเขาสองคนจะปราบไม่ไหว
แต่สุดท้ายกลับไม่ได้ตั้งใจ เรียกมู่หลงเหยียนออกมา
แน่นอน ตอนที่อยู่สุสานของโจวหยุน มู่หลงเหยียนก็บอกเอาไว้ว่า
ที่เธอแต่งงานกับผม ก็เพราะตอนนั้นเธอกำลังบาดเจ็บ
และยังบอกว่าหลังจากหายดีแล้ว เธอก็จะคิดวิธียุติการแต่งงานของพวกเรา และคืนอิสระให้กับผม
ต่อมาผมก็เดาว่า ตอนนั้นมู่หลงเหยียนบาดเจ็บ ส่วนทางฝั่งผมก็กำลังเรียกวิญญาณมาแต่งงาน เธอถึงได้มาถึงที่ เพราะคิดได้ว่าการแต่งงานนี้ จะช่วยให้อาการบาดเจ็บของตัวเองดีขึ้น
ไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่ได้แต่งงานกับมู่หลงเหยียน ภรรยาสาวที่แข็งแกร่งขนาดนี้
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว ที่จริงการที่มู่หลงเหยียนเป็นภรรยาเจ้าอารมณ์มันก็ดีอยู่ไม่น้อย
เธอไม่ได้มาเจอผมบ่อย แค่อ้าปากก็ด่าผมเป็นผู้ชายห่วย แต่มู่หลงเหยียนกลับปกป้อง และช่วยชีวิตผมไว้หลายครั้ง
ในอนาคตถ้าผมอยากกำจัดสิ่งชั่วร้าย ใครกล้ามาทำร้ายผม ผมก็เรียกภรรยาออกมา แค่นั้นผมก็ไม่ต้องกลัวใครแล้ว
ขณะที่ผมกำลังคิดเองเออเอง มู่หลงเหยียนก็พาผมมาถึงส่วนลึกของป่าแล้ว
รอบๆมืดมิด แม้แต่ตาสวรรค์ก็มองเห็นไม่ค่อยชัด
มู่หลงเหยียนเองก็ไม่พูดอะไร เดินตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเธอจะพาผมไปที่ไหน
ผมจึงถามด้วยความสงสัย “ น้องศพ พวกเราจะไปที่ไหนกันเหรอ ”
มู่หลงเหยียนไม่ได้หันมามอง เพียงตอบกลับเบาๆ “ ไปบ้านของฉัน ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็งงทันที
หลุมฝังศพของมู่หลงเหยียน อยู่ในป่าเก่าแก่ที่ลึกทึบแบบนี้เหรอ
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ผมก็พูดออกมาอีกครั้ง “ หลุมฝังศพของเธออยู่ในนี้เหรอ ”
แต่มู่หลงเหยียนกลับพูดอย่างสบายๆ “ ฉันไม่มีหลุมศพ แต่เป็นบ้าน ! ”
ผมกลอกตา ยัยนี้ตายแล้ว นอกจากหลุมศพ จะเอาบ้านมาจากไหนละ
ขณะที่ผมกำลังบ่นอยู่นั้น จู่ๆด้านหน้าก็มีเสียงน้ำไหลดัง “ ซ่า… ”
หลังจากเดินมาได้ประมาณ 20 เมตร พวกเราก็ผ่านพุ่มไม้ก่อหนึ่ง
แต่วินาทีที่ผมกำลังก้าวข้ามพุ่มไม้ ทั่วทั้งตัวของผมก็นิ่งอึ้งไปทันที
เพราะจู่ๆผมก็พบว่า ในป่าเก่าแก่นี้ มีบ้านโบราณหลังใหญ่อยู่
บ้านโบราณตั้งอยู่ถัดจากลำธาร ด้านข้างตัวบ้านยังมีน้ำตกอยู่อีกหนึ่งแห่ง
บ้านโบราณมีพื้นที่ขนาดใหญ่มาก ตั้งอยู่กลางป่า กำแพงสีขาวหลังคาสีดำ ทั้งสองข้างขยายออกสู่ความมืด จนล้อมรอบป่าใหญ่เอาไว้
ที่หน้าประตูมีโคมไฟสีแดงแขวนอยู่ แสงสีแดงสว่างสไหว สะท้อนให้เห็นบ้านประตูโอ่อ่าที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดง
ถนนหินทอดยาวออกมาจากตัวบ้านประมาณ 50 เมตร ทั้งสองข้างทางยังมีดอกไม้สีแดงสดปลูกอยู่เรียงราย
สิงโตสองตัวที่ใหญ่โต ราวกับมีชีวิตจริง อยู่ขนาบทางด้านซ้ายและขวา ของประตูบ้าน
รูปร่างแบบนี้ ความอลังการแบบนี้ เมื่อเห็นประตูบานใหญ่นั้นในแวบแรก ก็รู้ทันทีว่าเป็นบ้านของคนร่ำรวย
แต่ตามที่ผมรู้ ป่ากุ่ยหม่าแห่งนี้เป็นเพียงสุสานที่ฝังศพกันแบบโครตพ่อโครตแม่ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มีบ้านโบราณที่อลังการแบบนี้อยู่กลางป่า
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ทันใดนั้นผมก็รู้สึกหนาวตั้งแต่โคนขาจรดหัว
ในใจมีเสียงดัง “ กึก ” และพูดว่าไม่ถูกซิ !
ในป่ากุ่ยหม่า ไม่ได้เคยมีคนอาศัยอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมีบ้านคนตั้งอยู่
บ้านโบราณหลังนี้จะต้องเป็นของปลอม เป็นเพียงสถานที่ที่ผีอยู่ บ้านผี
แบบนั้นตอนกลางวันก็จะหายไป เวลากลางคืนที่พิเศษ สถานที่พิเศษ หรือในสายตาของคนพิเศษเท่านั้นถึงจะเห็นบ้านผีหลังนี้……