ตอนที่ 139 การเจอบ้านผีครั้งแรก
จู่ๆก็เห็นบ้านโบราณที่หรูหรา ในป่าเก่าแก่
สิ่งแรกที่ผมรู้สึกคือไม่อยากจะเชื่อสายตา แต่หลังจากนั้นก็คิดถึงเรื่อง “ บ้านผี ” ที่ชาวบ้านลือกันได้
ตอนที่มันปรากฎขึ้น มันเหมือนกับบ้านจริงๆ แต่มันจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แต่ถ้าอยู่ในบ้านนี้หนึ่งคืน เมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง รอบๆก็จะกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่าหรือไม่ก็หลุมศพ
เพราะสิ่งที่มองเห็นในตอนกลางคืน มันเป็นของปลอม เป็นภาพลวงตาที่วิญญาณพวกนี้สร้างมาหลอกผู้คน
ผมจ้องบ้านผี สูดหายใจเข้าลึกๆ “ น้อง น้องศพ นี่ นี่ก็คือบ้านของเธอเหรอ ”
มู่หลงเหยียนหันมามองผมแวบหนึ่ง “ ใช่ ! ไปกันเถอะ ! ”
หลังจากพูดจบ มู่หลงเหยียนก็เดินเข้าไปก่อน
ผมมองหลังของมู่หลงเหยียน และบ้านผีที่มีโคมไฟสีแดงแขวนเอาไว้ หัวใจของผมก็เต้นแรงทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเข้ามาในบ้านผี จะมีประสบการณ์แบบไหนรออยู่กันนะ
แต่สิ่งที่ทำให้ผมสบายใจก็คือ ผมจะไม่เจอกับอันตรายใดๆ
เพราะมู่หลงเหยียนจะไม่มีทางทำร้ายผม ในจุดนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ต้องสงสัย
ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเราก็เดินตามถนนหินมาถึงหน้าประตูบ้านผี
ผมมองกลอนประตูขนาดใหญ่ที่ทำจากทองแดง และตัวอักษรสีแดงสามตัว “ จวนมู่หลง ” ที่ลอยเด่นอยู่บนป้ายขนาดใหญ่ ก็คิดว่าบ้านผีหลังนี้หรูหรา อังลังการมาก
แต่ไม่รอให้พวกเราได้เคาะประตู จู่ๆประตูบ้านผีบานใหญ่บานนั้นก็เปิดออกจากด้านใน
ได้ยินเพียงเสียงดัง “ แอร๊ด ” ขณะที่ประตูค่อยๆเปิดออก
ทันใดนั้น ผมก็เห็นยายแก่คนหนึ่งเดินออกมาทันที
เมื่อเห็นยายแก่คนนี้ ม่านตาของผมก็ขยายใหญ่
ยายแก่คนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เธอก็คือยายโม่ที่ไม่ได้เจอกันมานานนั้นเอง
ตอนที่อยู่ศาลเจ้าหลักเมือง ยายโม่ก็คือคนที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้
ครั้งนี้ยายโม่ไม่ได้ถือไม้เท้า หลังจากเธอเปิดประตูเสร็จ ก็รีบเดินออกมาทันที
เมื่อเห็นผมและน้องศพ ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ยืนพูดด้วยท่าทางเคารพ “ คุณหนู คุณผู้ชาย ! ”
ช่วงเวลานั้นผมไม่รู้ว่าควรตอบกลับยังไง จึงยืนอยู่ที่เดิมและไม่พูดอะไร
มู่หลงเหยียนกลับถามเบาๆ “ เตรียมเสร็จแล้วรึยัง ”
“ กราบเรียนคุณหนู เตรียมเสร็จหมดแล้วเจ้าค่ะ ! ” ยายโม่ตอบกลับความด้วยความเคารพมาก
มู่หลงเหยียนพยักหน้า “ งั้นก็ดี ! รีบเริ่มกันเลยเถอะ ! ”
“ เจ้าค่ะ ! ” ยายโม่สุภาพมาก เธอเหมือนกับคนรับใช้ในสมัยก่อน ไม่มีอารมณ์ใดๆหรืออวดดีอะไรทั้งสิ้น
จากนั้น พวกเราก็เข้าไปในจวนมู่หลง
พึ่งเดินเข้ามา ก็เห็นลานบ้านที่ยิ่งใหญ่อลังการ
บรรยากาศแบบโบราณ มีลักษณะเด่นและสไตล์ที่พิเศษมาก
มู่หลงเหยียนไม่พูดอะไร พาผมเดินข้ามลานบ้าน ทางเดินอีกสองสามเส้น และสุดท้ายก็มาถึงสวนขนาดเล็กที่อยู่ด้านหลัง
พึ่งมาถึงที่นี่ ก็เห็นใต้ต้นหวายฉู้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ถูกขุดจนกลายเป็นหลุมๆหนึ่ง
ในเวลาเดียวกันก็ได้ยินมู่หลงเหยียนพูดกับผมว่า “ ติงฝาน นายเอาโกศไปฝังไว้ในนั้น ! จากนั้นก็เปิดถุงเฉียนคุนก็ได้แล้ว ! ”
“ ได้ ! ” ผมเองก็ไม่พูดมาก พูดออกมาตรงๆ
ในเวลาเดียวกันก็หยิบโกศออกมา จากนั้นก็วางมันลงในหลุม และก็นำดินฝังกลบ
แต่นี่ยังไม่จบ มู่หลงเหยียนยังบอกให้ผมใช้มีดสลักชื่อจูชิงเอาไว้บนต้นไม้ต้นนั้น เพื่อใช้เป็นหลุมฝังศพ
บอกว่าต้นไม้คือป้าย ส่วนรากคือหลุม
ถ้าทำแบบนี้ ต่อไปขอแค่ต้นไม้ต้นนี้ไม่ล้ม รากไม้ไม่ขาด จูชิงก็จะไม่กลายเป็นผีเร่ร่อน
สิ่งที่มู่หลงเหยียนพูดนั้นไม่ผิด ผมจึงไม่ได้สงสัยแต่อย่างใด
รีบทำอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่นานผมก็ทำเรื่องพวกนี้เสร็จ
หลังจากทำป้ายเสร็จ ก็ดึงยันต์ออกมาจากถุงเฉียนคุน และเปิดปากถุงออก
“ จูชิง เธอออกมาได้แล้ว ! ”
เสียงพึ่งเงียบลง ควันสีขาวก็ลอยออกมาจากถุงเฉียนคุน ล่วงลงกับพื้นและกลายเป็นผีผู้หญิงอย่างรวดเร็ว
ไม่ใช่ใครอื่น เธอก็คือจูชิง
จูชิงพึ่งถึงพื้น “ บึก ” ก็คุกเข่าต่อหน้าผมและมู่หลงเหยียนทันที
เธอไม่พูดพร่ำทำเพลง คำนับให้ทันที “ ขอบคุณ ขอบคุณพี่สาว ขอบคุณนักพรตติงมากๆค่ะ ! ”
ที่จริงผมเป็นคนสมัยใหม่ เมื่อเห็นผีผู้หญิงคำนับให้ ก็รู้สึกอึดอัดมาก
รีบเอื้อมมือไปประคองเธอขึ้นมาทันที “ อย่าอย่าอย่า ฉันเป็นแค่คนปราบวิญญาณชั่วร้าย นี่เป็นเรื่องที่ฉันควรทำ ต่อไปเธอก็อยู่ที่นี่เรียนรู้กับน้องศพนะ เผื่อวันข้างหน้าจะไปเกิดได้ จะได้เตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน ! ”
“ ขอบคุณ ขอบคุณท่านนักพรตติงมากค่ะ ! ” ผีผู้หญิงดูซาบซึ้งมาก
ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย “ ไม่ต้องมาขอบคุณฉันหรอก เธอขอบคุณเขาดีกว่า ! ”
ขณะที่พูด ผมก็มองไปที่มู่หลงเหยียน
แต่มู่หลงเหยียนกลับส่ายหัว “ ไม่เป็นไร เธอเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ถ้าเธออยากไปเกิดเป็นคนอีกครั้ง อาจจะต้องรอหลายปีหน่อย เพราะฉันยังมีแค้นต้องชำระ และตามพลังที่ฉันมีในตอนนี้ ยังไม่สามารถรวบรวมดวงจิตวิญญาณแทนเธอได้ ! ”
เมื่อจูชิงฟังจบ กลับแสดงท่าทางตื่นเต้น ขอบคุณอย่างต่อเนื่อง
ยังบอกว่ารอมากว่า 20 ปีแล้ว รอต่ออีกหน่อยจะเป็นอะไรไป ถ้าเป็นไปได้เธอเต็มใจจะช่วยน้องศพแก้แค้นอีกด้วย
แต่เมื่อผมได้ยินสิ่งนี้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะมีเสียงดัง “ กึก ” ค่อยๆขมวดคิ้ว
หรือถ้ามองจากมุมนี้ มู่หลงเหยียนกับผีผู้หญิง ก็มีจุดที่คล้ายกัน แต่ของมู่หลงเหยียนน่าเศร้ากว่า
ผมจำที่โจวหยุนเคยบอกได้ มู่หลงเหยียนและโจวหยุน ต่างถูกคนทำพิธีกรรมพิเศษบางอย่างจน
ไม่สามารถกลับชาติไปเกิดได้ ได้เพียงแค่เป็นวิญญาณไปชั่วนิรันดร์
และศัตรูของพวกเขา ก็คือองค์กรตาผีที่ลึกลับนั้น
สำหรับจูชิงแล้ว ยังมีโอกาสไปเกิดใหม่ แต่ของมู่หลังเหยียนนั้นไม่มี
ทำได้เพียงกลายเป็นวิญญาณไปตลอดชีวิต ไม่สามารถเห็นแสงอาทิตย์ ไม่มีอุณหภูมิร่างกาย ไม่มีการเต้นของหัวใจ ไม่มีเลือด ไม่มีน้ำตา ไม่มีความเป็นคน
ผมไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกและความเจ็บปวดที่พวกเธอเคยได้รับมาก่อน แต่ผมรู้ว่าพวกเธอเป็นศัตรูกับองค์กร…….
ช่วงเวลานี้ผมเงียบไม่ยอมพูดจา แต่ทันใดนั้นมู่หลังเหยียนกลับเงยหน้าพูดกับผม “ โอเคแล้วเจ้าห่วย เสร็จเรื่องแล้ว นายกลับไปได้แล้ว ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว
มองหน้าที่เย็นชาของมู่หลงเหยียน ก็คิดว่าผีเมียตนนี้เปลี่ยนหน้าเร็วกว่าพลิกกระดาษซะอีก
แต่ผมไม่พอใจ จึงพูดประชดตรงๆ “ อะไรรีบไล่กันเลยเหรอ เธอไม่รอให้ฉันได้พักหายใจ ดื่มชา พาฉันไปเดินเล่นหน่อยเหรอ ”
“ โอ๊ย ! เจ้าห่วย นายยังไม่อยากออกไปใช่ไหมละ ” มู่หลงเหยียนเองก็โมโหขึ้นมา
แต่ไม่รอให้ผมได้พูด ยายโม่ที่อยู่ข้างๆก็หัวเราะ “ ฮ่าฮ่าฮ่า ” “ คุณหนู คุณผู้ชายพึ่งมาเป็นครั้งแรก เป็นธรรมดาที่จะต้องรู้สึกสนใจบ้านของพวกเรา แต่ว่าคุณผู้ชาย คุณต้องคิดให้ดีๆนะเจ้าคะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คนเป็นควรอยู่ อยากจะอยู่ที่นี่นานอีกหน่อยจริงๆเหรอเจ้าคะ ”
เมื่อผมได้ยินเสียงที่แหบแห้งของยายโม่ ก็ไม่ได้ตอบกลับทันที
ผลลัพธ์มู่หลงเหยียนกลับพูดเพิ่ม “ ฮึ ! เจ้าปัญญาอ่อนนี้ ก็ให้เขาอยู่ที่นี่สักคืนซิ จะได้ลดอายุไขเขาสักสองสามปี ! ”
ฉิบหาย ! อยู่ที่นี่ต่อสามารถลดอายุไขได้ด้วยเหรอ
ผมตกใจอย่างหนัก ที่จริงผมก็แค่รู้สึกสนใจบ้านผี จึงอยากจะเดินดูรอบๆเท่านั้น
วันหลังจะได้ไปพูดอวดเฟิงเฉ่วหานกับหยางเฉ่วได้ ผมไม่รู้เลยสักนิดว่าที่นี่จะสามารถลดอายุไขได้
“ ที่ ที่นี่ลดอายุไขได้จริงๆเหรอ ” ผมพูดด้วยความตกตะลึง
“ พูดมาก ! ไม่อย่างนั้นนายลองนอนอยู่ที่นี่สักหน่อยไหมละ ” มู่หลงเหยียนพูดพร้อมกับทำมือกอดอก
ส่วนจูชิงก็เริ่มทำหน้ามึนงง แต่จากคำพูด เธอฟังออกว่าผมกับมู่หลงเหยียนเป็นอะไรกัน
แต่เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้เท่านั้น
เมื่อได้ยินคำตอบที่หนักแน่นจากปากมู่หลงเหยียนแล้ว ผมก็ไม่พูดถึงเรื่องอยากพักหายใจอีก ตอนนี้แทบอยากบินออกมาเร็วๆด้วยซ้ำ
ในใจกำลังตื่นตระหนก แต่ก็ไม่อยากเสียหน้า
จึงแกล้งทำท่าทางสงบ หยิบถุงเฉียนคุนขึ้นมา “ เอ่อ เอ่อในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันไม่อยู่ต่อก็ได้ น้องศพ ยายโม่ จูชิง แล้วค่อยเจอกันใหม่นะ ! ฉันไม่พูดมากแล้ว ไปก่อนนะ…… ”