ตอนที่ 141 ข้อความขอความช่วยเหลือ
เมื่อมองเห็นห้องที่คุ้นเคย เตียงที่คุ้นตา ผมก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่
ที่แท้ตัวเองก็ฝันไป แต่ว่าความฝันนี้มันเหมือนจริงเกินไป โดยเฉพาะผีร้ายนับหมื่นนับพันที่อยู่ใต้สะพานพวกนั้น การก่อตัวเป็นชั้นๆของพวกมัน ทำให้ภาพเด่นชัดสะดุดตา และน่ากลัวสุดๆ
แต่ผู้หญิงแปลกๆคนนั้น กลับไม่ลังเล ที่จะกระโดดลงไป
ผมสูดหายใจเข้าสองสามครั้ง จากนั้นจิตใจก็กลับมาสงบอีกครั้ง
แม้ว่าจะเหมือนจริงมาก และผมก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องฝันร้ายแบบนี้ติดกันถึงสองครั้ง แถมยังเป็นภาพเดียวฉากเดียวกันแปะๆ
แต่มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้น หรืออาจเป็นเพราะช่วงนี้ผมเจอผีบ่อย จิตใจเลยหวั่นวิตกเกินไป ดังนั้นผมจึงเลิกคิดมาก
เมื่อมองดูเวลา ก็พบว่าตอนนี้ฟ้าสว่างแล้ว
เนื่องจากตกใจจนตื่นแล้ว และยังไม่มีอารมณ์นอนต่อ
ผมจึงลุกขึ้นจากเตียง จุดธูปให้มู่หลงเหยียน
มองที่ห้องของอาจารย์ แต่ไม่มีคนอยู่
ผมจึงคิดว่าเขาน่าจะออกไปซื้อกับข้าวที่ตลาด ดังนั้นผมจึงเริ่มเปิดร้าน ทำเหมือนปกติ จัดเรียงข้าวของต่างๆ
ผ่านไปไม่นาน อาจารย์ก็กลับมา เขาถือถุงน้ำเต้าหู้ ปลาท่องโก๋ แล้วก็อะไรต่อมิอะไร
เมื่ออาจารย์เห็นผมตื่นเช้า แถมยังทำท่าทางแปลกใจมาก
แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงถามผมว่าเมื่อวานเป็นยังไงบ้าง กลับมาตอนไหน
ผมก็เล่าให้เขาฟังสั้นๆ บอกว่าไปที่ป่ากุ่ยหม่า ฝังโกศผีผู้หญิงที่นั้น และต่อไปจูชิงก็จะติดตามน้องศพ
สำหรับเรื่องของมู่หลงเหยียน มีเรื่องมากมายที่ผมพูดไม่ได้ ดังนั้นผมจึงไม่ได้พูดถึงเรื่องบ้านผี อาจารย์เองก็เข้าใจ จึงไม่ถามต่อ
อาจารย์เพียงพยักหน้าให้ผม บอกให้ผมกินให้อิ่มจะได้ทำงาน……
ครึ่งเดือนหลังจากนั้น ผมและอาจารย์ใช้ชีวิตตามปกติ แปดโมงเก้าโมงเช้าทำงาน พอห้าโมงเย็นก็ปิดร้าน
แต่ผมไม่ได้ลืมเรื่องการฝึก ทุกวันที่มีเวลาว่างผมก็จะฝึกฝนวิชาตลอด ทำตามที่อาจารย์สอนทุกอย่าง วาดยันต์ฝึกเดินลมปราณ
ในเวลาเดียวกัน ในใจก็แอบคิดถึงเรื่องวันเกิดของมู่หลงเหยียนอย่างเงียบๆ
มู่หลงเหยียนบอกว่าวันที่ 10 เดือนหน้า นั้นก็คือเดือนแปดตามปฏิทินจันทรคติ หรือก่อนเทศกาลไหว้พระจันทร์นั่นเอง
ถ้านับจากวันนี้ ยังเหลือเวลาอีก 7-8 วัน
ผมวางแผนว่าจะให้ของบางอย่างกับมู่หลงเหยียน แต่ก็กลัวว่าเมื่อถึงเวลานั้นมันจะไม่ถูกใจมู่หลังเหยียน แล้วยัยเจ้าอารมณ์นั้นก็จะใช้กำลังข่มขู่ผมอีก
แต่ตอนที่ผมกำลังแอบคิด อาจารย์กลับเดินออกมาจากบ้าน
สิ่งที่แปลกคือ ตอนนี้อาจารย์กำลังใส่เสื้อลายดอก ด้านล่างยังใส่กางเกงขายาวและรองเท้าหนัง
เมื่อเห็นสภาพของอาจารย์ ผมก็งงทันที
“ อาจารย์ นี่ นี่จะไปออกเดทเหรอ ” ผมทำหน้าสงสัย
ผลลัพธ์ตาแก่นี้กลับกลอกตาใส่ผม “ ออกเดทกับผีนะซิ เดี๋ยวจะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว ของในสต็อกใกล้จะหมด ฉันจะไปดูของที่บ้านตาแก่ตง ! กลัวว่าตาแก่ตงจะส่งสินคาไม่ดีมาให้ฉันเลยจะไปดูด้วยตัวเอง ”
เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ถ้าพาอาจารย์สาวกลับมาให้ผมจริงๆละก็ ชีวิตในวันข้างหน้าของผมจะต้องลำบากกว่าเดิมแน่
และบ้านตาแก่ตงที่อาจารย์พูดถึง ก็คือร้านที่จัดหาสินค้าให้กับร้านเรา เป็นร้านที่มีช่างฝีมือดีอยู่จริงๆ แม้แต่อุปกรณ์ที่พวกเราใช้ทำพิธี ก็มาจากที่นั้นทั้งหมด
พวกเราไม่รู้ชื่อจริงของเขา แต่พวกเราก็เรียกเขาว่า “ เซียงจู๋จาง ”
แต่ชายคนนี้ทำธุรกิจค่อนข้างเหมือนโจร เนื่องจากร้านของพวกเราต้องการสินค้าจำนวนมาก จึงต้องไปดูด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นจะถูกเอาเปรียบได้
เทศกาลไหว้พระจันทร์จะมาถึงแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นผู้คนที่ออกไปทำงานข้างนอกจำนวนมากก็จะกลับมารวมตัวกันที่บ้าน พวกธูป เทียน เงินกระดาษ พระเครื่องและอะไรอีกมากมาย จะขายได้ค่อนข้างดี
ทุกปีผมและอาจารย์ก็จะอาศัยวันสำคัญเหล่านี้ ขายสินค้าได้มากขึ้นและได้เงินเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย
เพราะการเจอกับคนรวยอย่างเถ้าแก่เหวิน ไม่ใช่ว่าจะได้เจอกันบ่อยๆ
ดังนั้นผมจึงตอบกลับอาจารย์ว่า “ งั้นครั้งนี้อาจารย์จะไปกี่วัน ”
“ อย่างมากสองวันก็กลับมาแล้ว แกอยู่บ้านเฝ้าร้านดีๆละ ถ้ามีเรื่องด่วนก็โทรหาฉัน ! ” อาจารย์จัดเสื้อผ้าของตัวเอง และพูดกับผมไปพร้อมๆกัน
อาจารย์ไม่ได้ออกไปเป็นครั้งแรก ผมจึงไม่ได้สนใจมากนัก
ผมตอบรับ “ ครับ ” จากนั้นก็พูดว่า “ วางใจได้เลยอาจารย์ ผมจะเฝ้าร้านให้ดีที่สุด ! ”
อาจารย์พยักหน้า ถือกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นและเดินออกไปทันที
เมื่อเห็นอาจารย์เดินออกไปไกลแล้ว ทันใดนั้นสีหน้าของผมก็มีรอยยิ้มปรากฎขึ้น
ตอนที่อาจารย์อยู่ งานยุ่งจนล้นมือ ตอนเย็นผมเล่นเกมก็โดนบ่น
ต่อไปสองวันนี้ ผมก็น่าจะได้ดื่มด่ำกับอิสระแล้ว
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ผมก็โทรไปหาเฟิงเฉ่วหานทันที
“ ตู๊ด…ตู๊ด… ” ทันใดนั้นเสียงเย็นชาก็ดังขึ้น “ ว่าไง ! ”
เมื่อได้ยินเสียงของเฟิงเฉ่วหาน ผมก็พูดขึ้นมาทันที “ เหล่าเฟิง คืนนี้ไปดื่มเบียร์กินกุ้งแดงกัน ! ”
เมื่อเฟิงเฉ่วหานฟังจบ ก็เงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็ตอบว่า “ ได้ ! ”
หลังจากพูดจบ ยังไม่รอให้ผมดพูดอีกหน่อย เจ้าเด็กนี้ก็กดวางสายผมไปซะแล้ว
แต่เฟิงเฉ่วหานเป็นคนแบบนี้ ผมจึงไม่ได้บ่นเขา
ตอนอาจารย์ไปก็เป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว ดังนั้นผ่านไปไม่นาน ฟ้าก็มืดแล้ว
หลังจากปิดร้านเรียบร้อย ผมก็ตรงไปที่มีแผงขายอาหารอยู่ทันที
เมื่อผมมาถึง ก็พบว่าเฟิงเฉ่วหานมารออยู่แล้ว ตอนนี้เขากำลังรอผมอยู่ที่หน้าทางเข้า
ผมพูดทักทายเฟิงเฉ่วหาน แต่เฟิงเฉ่วหานกลับทำหน้าตายด้าน พูดกับผมด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ เงินเดือนนายออกแล้วเหรอ ”
“ ออกอะไรละ ! อาจารย์ของฉันออกจากบ้าน ฉันอยู่บ้านคนเดียว ก็เลยอยากไปดื่มกับนาย ! ”
ขณะที่พูด ผมก็เดินนำเฟิงเฉ่วหานมานั่งในร้าน
ไม่รอให้อาหารมาถึง ผมและเฟิงเฉ่วหานก็เริ่มดื่มกันแล้ว
ผ่านไปไม่นาน กุ้งแดง หอยจุ๊บและอาหารอื่นๆก็มาเสริฟที่โต๊ะ
ผมและเฟิงเฉ่วหานเองก็ไม่ได้เกรงใจ ใส่ถุงมือเตรียมพร้อมกินทันที
แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น “ กริ๊ง…. ”
เป็นข้อความ ผมสงสัย ดึกขนาดนี้ใครกันที่ยังส่งข้อความมาหาผม
ผมเอาโทรศัพท์ที่พึ่งถอยมาใหม่เมื่อครึ่งเดือนก่อนออกมาตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อผมเห็นข้อความ ร่างกายก็นิ่งอึ้งไปในทันที
พบว่าคนส่งก็คือเสี่ยวม่าน เนื้อความมีเพียงบรรทัดเดียว
เมื่อเห็นเสี่ยวม่านส่งมา ในใจของผมก็ยังรู้สึกสงสัย
ดึกขนาดนี้ เสี่ยวม่านส่งข้อความมาหาฉันทำไม
ดังนั้นผมจึงเปิดดูข้อความที่ส่งมา มันเป็นข้อความเสียงยาว 4 วินาที
เดิมทีผมยังผ่อนคลาย คิดว่าฟังจบแล้วค่อยกินกุ้งแดงต่อ
แต่ใครจะรู้ เมื่อผมเปิดฟัง “ พรึบ ” สีหน้าของผมก็เปลี่ยนไปทันที แถมตัวยังชาไปครึ่งท่อน
ได้ยินน้ำเสียงที่รีบร้อน ตกใจ และหวาดกลัวของเสี่ยวม่าน บวกกับเนื้อหาที่น่าตกใจหนักกว่าเดิม …เป่าช่วยด้วย รีบมาช่วยฉันที มีผี มีผีจริงๆ พวกเราหนีไม่พ้นแล้ว เธอจะฆ่าพวกเรา ตำบลหม่าหวาง อร๊าย !
เสียงในนั้นดังมาก และผมก็เปิดลำโพง ดังนั้นเฟิงเฉ่วหานที่อยู่ข้างๆ ก็ได้ยินทั้งหมด
เมื่อเฟิงเฉ่วหานได้ยิน ร่างกายก็แข็งทื่อ หันมามองผมอย่างรวดเร็ว ด้วยใบหน้าที่ขาวซีด
ดวงตาของผมเบิกกว้าง หัวใจเต้นแรง
รีบตอบกลับข้อความทันที “ เสี่ยวม่าน เธอ เธออย่างมาล้อเล่นแบบนี้นะ ! ”
แต่หลังจากส่งออกไป ผมกลับรู้สึกไม่ดี
น้ำเสียงของเสี่ยวม่าน ฟังดูไม่ได้กำลังล้อเล่นกับผมเลย
ดังนั้นผมจึงรีบหาเบอร์ของเสี่ยวม่าน จากนั้นก็กดโทรออกทันที
แต่ผลลัพธ์มันกลับปิดเครื่อง ผมยังโทรติดกันสามครั้ง แต่ก็ล้วนปิดเครื่องอยู่ นี่มันทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ
ผมจะมีอารมณ์มานั่งกินกุ้งแดงดื่มเบียร์ต่อได้ยังไงละ ผมคิดว่า 80 % เป็นเรื่องจริง จะต้องรีบไปช่วยเพื่อนที่ตำบลหม่าหวางแล้ว
จึงลุกขึ้น แสดงสีหน้าเคร่งขรึม และพูดกับเฟิงเฉ่วหานทันที “ เหล่าเฟิง คืนนี้ไม่ต้องกินกุ้งแดงแล้ว นายไปเอาอาวุธมา พวกเราจะรีบไปช่วยคนที่ตำบลหม่าหวางกัน ! ”