ตอนที่ 147 ศพทาส
คำพูดของผี 3 ตนนี้ มักทำให้พวกเรารู้สึกอึดอัด
ไม่ว่าจะอ้าปากหรือหุบปากก็มักจะพูดว่า “ นักพัฒนา ” นี่คงเป็นเพราะถูกนักพัฒนาทำร้ายจนกลายเป็นปม ดังนั้นเมื่อตายไปแล้วจึงชอบเห็นใครต่อใครเป็นนักพัฒนา
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาพูดเรื่องไร้สาระกับเจ้าผีพวกนี้ พวกเขากลายเป็นวิญญาณร้ายอย่างสมบูรณ์แล้ว แถมยังเรียกพวกทาสศพขึ้นมาจากความตาย นั้นจึงทำให้พวกเราไม่กล้าประมาทยิ่งกว่าเดิม
แม้ว่าจะดูแปลกอยู่บ้าง เพราะหลังจากพวกเขากลายเป็นวิญญาณร้าย กลับมีความรู้สึกหลงเหลืออยู่ แต่ไม่ว่าจะยังไง ก็จะประมาทไม่ได้
เมื่อผมเห็นว่าถูกล้อมเอาไว้ และศพแปลกๆเหล่านั้นกำลังเข้ามาใกล้พวกเรา ผมจึงพูดว่า “ อีกฝ่ายคนเยอะกว่า ดังนั้นอีกเดี๋ยวพวกเราห้ามแยกออกจากกัน ! ต้องร่วมมือกันกำจัดพวกมันแล้วละ ”
ผมพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในเวลาเดียวกันก็สำรวจไปรอบๆ
หยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหานเองก็พยักหน้าเห็นด้วย เมื่อคนน้อยสู้กับคนที่เยอะกว่า ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่สามารถสู้เพียงลำพังได้
แต่ผีตาแก่ที่อยู่ห่างออกไป กลับจ้องพวกเราตาขวาง และตะโกนออกมาอีกครั้ง “ ฉีกพวกมันซะ ! ”
เสียงพึ่งจางหาย ศพเจ็ดแปดศพที่อยู่รอบๆ ก็อ้าปากอย่างรวดเร็ว คำราม “ โฮก ” ออกมาดังๆ จากนั้นก็พุ่งเข้ามาหาพวกเราทันที
เมื่อเห็นศพเหล่านี้พุ่งเข้ามาหาพวกเรา พวกเราทุกคนก็รีบตั้งสติ
เพียงชั่วพริบตาเดียว ศพพวกนี้ก็เข้ามาใกล้พวกเราแล้ว
ท่าทางของพวกมันเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย อ้าปากอยากจะกัดพวกเราให้เละ
ผมเห็นศพพวกนี้พุ่งเข้ามา แน่นอนว่าจะต้องไม่ปราณี
ผมเล็งไปที่หน้าอกของศพๆนึง ยกดาบขึ้นเตรียมพุ่งเข้าไปแทง
พลังที่ส่งเข้าไปในดาบนี้มีเยอะมาก บวกกับแรงที่อีกฝ่ายเข้ามาปะทะ
จึงทำให้ดาบนี้แทงทะลุร่างของอีกฝ่ายทันที สำหรับผม ศพที่โดนผมแทงกลางอก จะต้องตาย
แต่วินาทีต่อมา ผมกลับต้องมึนงง
ศพนั้นเหมือนคนที่ไม่เคยโดนแทง มีเลือดสีดำเข้มกระเซ็นออกมา แต่มันกลับไม่สนใจแผลที่หน้าอกเลยสักนิด
ในปากยังคงคำราม “ โฮก ” ออกมา ในเวลาเดียวกันก็ใช้กรงเล็บเข้ามาข่วนหน้าของผม
เมื่อเห็นสิ่งนี้ สีหน้าของผมก็เปลี่ยนไปทันที รีบใช้เท้าถีบร่างของอีกฝ่ายออกอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันก็ดึงดาบไม้ออกมาด้วย
และกรงเล็บของเจ้าศพนั้น ก็ข่วนโดนกับอากาศ
เจ้าศพนั้นถูกผมถีบจนกลิ้งลงไปกับพื้น ราวกับว่ามันไม่ได้รับความเจ็บปวดใดๆ
มันจ้องผมอย่างเอาเป็นเอาตาย ในปากพูดออกมาไม่หยุด หิว ! ฉันหิวเหลือเกิน ฉันอยากกิน !
ขณะที่พูด มันก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อเห็นท่าทางของมัน ผมก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าศพพวกนี้ไม่เหมือนกับศพที่พวกเราเจอในตอนแรก
ไม่มีวิญญาณ ไม่มีผีร้ายสิงอยู่ แต่กลับเคลื่อนไหวและพูดได้
“ แม่งเอ้ย ตัวอะไรวะ ทำไมฆ่าไม่ตาย ! ” ผมพูดด้วยความตกใจ
ทางด้านหยางเฉ่วและเฟิงเฉ่วหาน เองก็เจอสถานการณ์เดียวกัน
สีหน้าของพวกเราล้วนเข้มขึ้น ถอยหลังชนกัน จนกลายเป็นรูปสามเหลี่ยม และยังคงพยายามป้องกันการจู่โจมของอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง
ในเวลานี้เฟิงเฉ่วหานเองก็โจมตีศพอย่างไม่คิดชีวิต และพูดไปพร้อมๆกัน “ พวกเราไม่เคยเจอเจ้าพวกนี้มาก่อน แต่บนโลกนี้ ไม่มีตัวอะไรเป็นอมตะ ! ”
หลังจากพูดจบ เฟิงเฉ่วหานก็ฟาดดาบลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันทำให้แขนของศพขาดในทันที
แต่ศพศพนั้นยังคำราม “ โฮก ” ออกมา และพุ่งเข้ามาหาเฟิงเฉ่วหานอย่างต่อเนื่อง
ในเวลาเดียวกัน จู่ๆหยางเฉ่วก็พูดออกมา “ เจ้าศพพวกนี้แปลกมาก แต่ต้องมีจุดอ่อนอยู่แน่ ติงฝาน นายจำได้ไหมว่าก่อนหน้านี้นายฆ่าศพนั้นได้ยังไง ”
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็เงียบไปพักหนึ่ง
ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ผมเคยฆ่ามาแล้วศพนึงนิ และยังตายในดาบเดียวด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผมก็เผยสีหน้าดีใจออกมา รีบพูดทันที “ ที่หัว โจมตีที่หัวของพวกมัน ! ”
“ ใช่ น่าจะเป็นที่หัวของพวกมัน พวกมันมีจุดอ่อนอยู่ที่หัว ! ” หยางเฉ่วพูด
และมองศพศพหนึ่งที่เข้ามาอย่างไม่กลัวตาย หลังจากหลบการโจมตีจากศพได้ เธอก็ฟาดดาบลงไปที่หัวของศพทันที
ครั้งนี้การฟันส่งเสียงดัง “ ฉึก ” หัวของศพศพนั้น ถูกฟันจนเป็นแผลขนาดใหญ่
เลือดสีดำเข้มไหลทะลักออกมา และไหลลงไปตามแนวของหัวทันที
แต่ศพศพนั้น “ บึก ” ก็ล้มลงไปกับพื้นทันที ตำแหน่งที่หัวถูกฟัน มีไอดำค่อยๆไหลออกมา
ขณะที่ไอดำปรากฎขึ้น กล้ามเนื้อของศพนั้นก็เริ่มเปลี่ยนไปภายในชั่วพริบตา พวกมันแห้งลงอย่างรวดเร็ว ราวกับศพๆนี้ได้อยู่มายาวนานหลายร้อยปี
แต่ระหว่างสองสามวินาทีนี้ ศพแปลกประหลาดที่คำรามอย่างบ้าคลั่งเมื่อกี้ ก็ได้กลายเป็นศพแห้งๆไปแล้ว……
ผมอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่แปลกจริงๆ
ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ผมก็คงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่กุขึ้นมา
แต่ นี่ก็พิสูจน์แล้วว่า ถ้าอยากจัดการศพพวกนี้ ก็ต้องฟันที่หัวของพวกมัน
“ ใช่ที่หัวจริงๆด้วย ! ” ผมพูด ในเวลาเดียวกันก็เล็งศพที่พุ่งเข้ามา ยกดาบเข้าไปฟาดฟันทันที
ศพพวกนี้เป็นซากศพ จึงมีกลิ่นเน่าเหม็นมาก ที่หน้าต่างก็มีหนอนชอนไชเข้าๆออกๆ เห็นแล้วน่าขยะแขยงสุดๆ
ในเวลานี้พวกมันกำลังแยกเขี้ยวกางกรงเล็บเข้ามาโจมตีผม ช่างดุร้ายมากจริงๆ
แต่ผมไม่ได้หลบ เคลื่อนพลังในร่างกาย ไปที่เท้า จากนั้นก็กระโดดถีบพวกมันทันที
ดาบที่เคลือบไปด้วยพลังที่เข้มข้นของผม แทงลงไปที่หัวของศพทันที
แต่เจ้าศพศพนั้นใช้มือจับเอาไว้ ผลลัพธ์ “ ฉึก ”
แขนของศพนั้นถูกตัดขาดทันที แต่ไม่รอให้มันก้มลงกับพื้น ผมก็ฟันต่อทันที
แม้ว่าเจ้าศพนั้นจะขยับได้ แต่ไม่ได้ว่องไว กลับกันยังช้าลงมาก
เมื่อดาบนั้นถูกฟันลงไป มันก็เข้าไปตัดตรงหน้าผากของอีกฝ่ายทันที
ระหว่างนั้น ศพที่แยกเขี้ยวกลางกรงเล็บ ก็ตัวแข็งทื่อ
ที่หัวมีไอดำไหลออกมา มันล้มลงไปกับพื้นทันที และไม่ขยับเขยื้อนอีกเลย
ส่วนผิวหนังที่เน่าเละของมัน ก็เป็นเหมือนศพก่อนหน้านี้ พวกมันเริ่มแห้งเหี่ยว แม้แต่หนอนพวกนั้น ก็ยังพลอยเหี่ยวตามไปด้วย
ตอนนี้พวกเราหาจุดอ่อนของพวกศพเจอแล้ว รวมทั้งศพพวกนี้ไม่มีทักษะการต่อสู้มากนัก
ดังนั้นเมื่อพวกเราร่วมมือกัน จึงสามารถจัดการกับศพเจ็ดศพได้อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้รอบๆตัวของพวกเรา ต่างเต็มไปด้วยซากศพเจ็ดศพที่แห้งๆดำๆ
เมื่อศพสุดท้ายกลายเป็นศพแห้ง ผีตาแก่ ผีผู้หญิงที่อยู่ตรงนั้นกลับไม่ให้พวกเราได้พักหายใจ
พวกเขากรีดร้องออกมา ในเวลาเดียวกันก็พุ่งเข้ามาหาพวกเราทันที
ระหว่างนั้น พวกเรารู้สึกได้ถึงความกดดันที่เพิ่มขึ้น
พลังหยินที่เข้มข้นพัดเข้ามา พลังชั่วร้ายที่กดดันจิตใจของคน ดูเหมือนตอนนี้พวกมันจะเข้มข้นขึ้นมาหลายส่วน
พวกเราไม่มีทางเลือกอื่น เมื่อเห็นผีสองตัวพุ่งเข้ามา พวกเราก็กำดาบไม้ในมือให้แน่น และเข้าไปต่อสู้ทันที
เจ้าผีสองตัวนี้บ้าคลั่งมาก ตอนลงมือไม่เพียงแค่เร็วมากเท่านั้น แต่ยังรุนแรงเหมือนจะต้องการเอาชีวิตของพวกเราอีกด้วย
ถ้าหลบพลาดแม้แต่นิดเดียว ผลที่ตามมาก็ต้องเป็นหายนะอย่างแน่นอน
แต่พวกเราก็มีข้อดี นั้นก็คือพวกเราสามคนกำลังสู้กับผีสองตน พวกเรากำลังได้เปรียบเรื่องกำลังคน
วินาทีนี้ผมและหยางเฉ่วสู้กับผีผู้หญิง ส่วนเฟิงเฉ่วหานสู้กับผีตาแก่
แม้ว่าเฟิงเฉ่วหานจะสู้คนเดียวด้วยความลำบากอยู่บ้าง แต่เมื่อผมและหยางเฉ่วร่วมมือกัน ก็จะสามารถเอาชนะผีผู้หญิงตัวนั้นได้อย่างง่ายดาย
หลังจากสู้มาได้ 20 นาทีกว่าๆ ในที่สุดผีผู้หญิงก็เริ่มรับมือไม่ไหว เธอจึงเปิดช่องว่างให้เห็น
เมื่อหยางเฉ่วเห็นแบบนั้น ก็แกว่งแขนไปที่เอว และหยิบยันต์ออกมาหนึ่งใบ
ไม่อธิบายใดๆ ใช้ฝ่ามือแปะลงไปทันที
เมื่อยัยผีเห็นแบบนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เธอรีบถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่เหมือนมันจะสายไปหนึ่งก้าว เพราะยันต์ของหยางเฉ่ว ไม่เหมือนกับของพวกเรา
ยันต์ของพวกเรา ต้องใช้มือแปะลงไปบนร่างของวิญญาณเท่านั้น ทำแบบนี้ถึงจะสามารถส่งพลังลงไปได้ และขั้นสุดท้ายก็เสกคาถา
แต่ยันต์ของหยางเฉ่ว กลับสามารถลอยออกไปจากมือ ได้ประมาณ 20 เซนติเมตร และยังสามารถเก็บพลังเอาไว้ได้ประมาณ 5 วินาที
อย่ามองว่ามันแค่ 20 เซนติเมตร หรือเพียงแค่เอื้อมมือออกไปเท่านั้น
ต้องรู้ว่าเมื่อวินาทีชีวิตมาถึง บางครั้งอย่าพูดว่า 20 เซนติเมตรเลย
ถ้าระยะห่างของยันต์จากด้านหน้ามีแค่ 5 เซนติเมตร ก็ต่างเป็นข้อได้เปรียบอย่างมหาศาลแล้ว
ตอนนี้ยันต์ลอยออกไป และแปะลงไปที่หน้าอกของผีผู้หญิงอย่างแม่นยำ
ผีผู้หญิงตนนี้กลัวมาก เธอคิดจะใช้มือฉีกมันออก
พวกเรายังไม่ต้องพูดถึงว่าจะฉีกได้ไหม แค่หยางเฉ่วคนเดียว ก็ไม่ให้โอกาสแบบนั้นกับเธอแล้ว
ตอนนี้มือข้างเดียวของหยางเฉ่วได้กลายเป็นรูปดาบแล้ว ทันใดนั้นเธอก็ตะโกนออกมาทันที “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง ทำลาย ! ”