ผมเปิดตากว้างๆ จ้องมองไปในความมืดด้วยความหวาดกลัว
และอยากจะเห็นสักหน่อย ว่าผีเมียของผมอยู่ตรงไหนกันแน่
แต่เมื่อผมมองรอบๆ ก็ยังไม่เห็นอะไรเลยสักนิด
ผมไม่พอใจ จึงตะโกนไปรอบๆ “เธอ เธออยู่ที่ไหน!”
หลังตะโกน ผมก็มองไปรอบๆอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่เห็นอะไรอยู่ดี
และไม่มีใครพูดตอบกลับมาเลย มันเงียบสนิทจนไม่มีเสียงใดๆทั้งสิ้น
ขณะนั้นเอง ไฟที่เคยดับไปก่อนหน้า จู่ๆก็มีประกายไฟเกิดขึ้นสองครั้ง มันมีเสียงดัง “แพร๊บ”
ไฟในบ้านก็กลับมาสว่างเหมือนเดิมอีกครั้ง เหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แต่ผมยังรู้สึกว่าผีเมียของผมยังอยู่ในบ้าน แต่ผมมองไม่เห็นเธอ แค่คิดถึงตรงนี้ผมก็รู้สึกกลัวแล้ว
แน่นอน ผมรู้ดี แม้ว่าผีเมียของผมคนนี้จะเป็นคนอารมณ์ร้าย
แต่เธอก็ไม่ทำร้ายผม ไม่อย่างนั้นเมื่อกี้เธอก็คงไม่พูดออกมา
หลังจากกวาดสายตาไปรอบๆบ้านสองถึงสามรอบ สุดท้ายผมก็พูดออกมาอีกครั้ง “เธออยู่ไหน เมื่อกี้ เมื่อกี้ขอบใจมากนะ เธอจะ เธอจะออกมาเจอฉันหน่อยได้ไหม!”
เสียงพึ่งจางหาย ทันใดนั้นในบ้านก็มีเสียงเบาๆของผู้หญิงดังขึ้น “ฮึ ไอ้ผู้ชายกาก ใครเขาอยากจะเจอหน้านายกัน!”
หลังจากพูดจบ ในบ้านก็กลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ไม่มีเสียงเลยแม้แต่น้อย
แต่ผมตกตะลึงในทันที แม้ว่าใจจะรู้สึกกลัว เพราะอีกฝ่ายเป็นผี
แต่ที่มากกว่านั้น คือเธอยังงอนผมอยู่ แล้วผมกลายเป็นผู้ชายกากตั้งแต่เมื่อไหร่กัน มันเป็นเพราะว่าในวีแชทของผมมีเพื่อนผู้หญิงร้อยกว่าคนอย่างงั้นเหรอ
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อเธอไม่อยากเจอผม ผมก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นแบบนี้
ดังนั้นผมจึงเดินไปปิดประตูบ้าน เพราะห้องของอาจารย์และเหล่าฉินต่างก็ล็อคเรียบร้อย ผมเลยเข้าไปไม่ได้
ตอนนี้ ผมไม่มีอารมณ์อยากนอนเลยสักนิด ดังนั้นจึงถือดาบไม้ขึ้นมา และนั่งดูทีวีในบ้านเพื่อฆ่าเวลา
บางครั้งผมก็หันไปสนใจประตูและหน้าต่างของบ้าน เพราะกลัวว่าผีแขวนคอตายตนนั้นจะกลับมาอีก
ผมทำแบบนี้จนถึงตี 4 ถึงได้เริ่มง่วงขึ้นมานิดหน่อย หลังจากนั้นผมก็ค่อยๆนอนหลับไป
จนกระทั่งรุ่งเช้า จู่ๆผมก็ถูกปลุก “เสี่ยวฝาน เสี่ยวฝาน!”
เมื่อได้ยินเสียง “พรึบ” ผมก็สะดุ้งตื่นจากโซฟาทันที
และยังเผยสีหน้าที่หวาดกลัวออกมา “เสี่ยวฝาน แกเป็นอะไร ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ”
วินาทีนั้นผมถึงเห็นชัดๆ ที่แท้คนที่ปลุกผมก็คืออาจารย์
เมื่อเห็นหน้าอาจารย์ ใจที่เคยหวาดกลัวของผมก็ผ่อนคลายลงมาก
จากนั้นผมก็รีบพูดกับเขาทันที “อาจารย์ อาจารย์เมื่อคืนผมเจอผี ผีแขวนคอนั้นมาหาผม!”
อาจารย์ก็เงียบไปในทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเห็นท่าทางของผม เขาก็ขมวดคิ้ว
“มันเกิดอะไรขึ้น พูดให้ชัดเจนหน่อยซิ!”
หลังจากสงบสติอารมณ์ และจัดการเรียบเรียงความคิดเรียบร้อย จากนั้นผมก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ให้อาจารย์ฟังอย่างละเอียด
หลังจากอาจารย์ฟังจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาเผยสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
“อะไรนะ ผีหลี่กวางหลงที่แขวนคอตายนั้น มันมาหาแกอย่างงั้นเหรอ”
“ใช่ครับอาจารย์ แต่สุดท้าย สุดท้ายก็ได้เธอช่วยเอาไว้น่ะครับ!” ขณะพูดผมก็มองป้ายวิญญาณนิรนามที่อยู่ในบ้าน
อาจารย์เองก็หันมามอง “งั้นแกก็ได้เห็นหน้าเมียแกแล้วซินะ”
ผมแสดงท่าทางอึดอัดใจออกมา “ยังครับ ก็ ก็แค่ได้ยินแต่เสียงครับ!”
หลังจากที่อาจารย์ได้ยิน ดูเหมือนเขาจะทำท่าทางผิดหวังนิดหน่อย
เพราะผีเมียไม่ยอมออกมาให้เห็นตรงๆ พวกเราจึงไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากเธอได้
หลังจากนั้น เหล่าฉินก็เดินออกมาจากห้อง เขาสั่นหัวไปมา ดูเหมือนว่าจะยังเมาค้างอยู่
เมื่ออาจารย์เห็นเหล่าฉินออกมา เขาก็เผยสีหน้าที่ดูสงสัย แล้วพูดว่า “เหล่าฉิน เมื่อคืนเกิดเรื่องขึ้นล่ะ!”
เหล่าฉินทำหน้าไม่เข้าใจ จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น
อาจารย์ไม่รอช้า รีบบอกให้ผมบอกเขาทันที ผมจึงพูดแบบย่อๆให้เขาฟังหนึ่งรอบ
สีหน้าของเหล่าฉินก็เปลี่ยนไปทันที เขาเอื้อมมือขึ้นไปตบหน้าผากของตัวเอง “เพราะดื่มเหล้า เพราะดื่มเหล้าแท้ๆ!”
แต่เสียงของเหล่าฉินพึ่งตกลง อาจารย์ก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “เหล่าฉิน เมื่อคืนพวกเราดื่มเหล้ากันไปเท่าไหร่นะ เสี่ยวฝานยังบอกว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องขึ้นมากมาย แต่พวกเรากลับไม่กระดิกตัวกันเลยสักนิด!”
“เหล่าติง นายหมายความว่ายังไง” เหล่าฉินทำหน้าสงสัย
“พวกเราต้องถูกใครบางคนเล่นงานแน่ ในเหล้าอาจถูกวางยาเอาไว้ก็ได้” อาจารย์พูดด้วยความสงสัย
เมื่ออาจารย์พูดมาถึงจุดนี้ ในสมองของผมก็นึกถึงคำหนึ่งที่ผีแขวนคอตายพูดไว้เมื่อวาน
เขาบอกว่าให้ผมหยุดเรียก ไม่ถึงพรุ่งนี้เช้า อาจารย์ก็ไม่ตื่นขึ้นมาหรอก
ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจมัน แต่ตอนนี้เมื่อลองคิดดูแล้ว
หรืออีกฝ่ายอาจเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว ถึงได้รู้ว่าอาจารย์และเหล่าฉินจะไม่ตื่นขึ้นมา
ดังนั้น เมื่อผมคิดออก จึงรีบบอกกับอาจารย์และเหล่าฉินทันที
อาจารย์และเหล่าฉินต่างกระตุกคิ้ว จากนั้นก็รีบเดินไปที่โต๊ะกินข้าว หยิบเหล้าขวดนั้นขึ้นมา จากนั้นก็เทเหล้าที่เหลืออยู่ในขวดออกมา
แต่หลังจากที่เทเหล้าใส่ในแก้วเรียบร้อย ทุกคนก็ต้องตกใจ
มันเป็นเหล้าซะที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเหมือนสีน้ำลื่นๆดำๆ แถมยังมีกลิ่นเน่าเหม็นจากน้ำผลไม้ที่เน่าเสียอีกด้วย
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็มึนงงไปในทันที
เหล้านี้ผมซื้อมากับมือ และยังซื้อจากโรงกลั่นเหล้าที่เก่าแก่ของตำบล ตอนดื่มเมื่อคืนยังดีๆอยู่เลย
แต่ตอนนี้ ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ
“อาจารย์ เหล้านี้ผมซื้อมาจากโรงกลั่นเหล้าร้านเก่า ผม ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้ไปได้!” ผมพูดด้วยความไม่เข้าใจอย่างมาก
อาจารย์กลับโบกมือให้ “เสี่ยวฝาน การที่พวกเราถูกของสกปรกเล่นงานนั้น จะโทษแกก็ไม่ได้”
“อาจารย์ งั้น งั้นพวกเราควรทำยังไงดีครับ”
อาจารย์ถอนหายใจออกมา “พวกเราต้องคิดหาวิธีจัดการผีชั่วสองสามตน และยังต้องคิดวิธีตามหาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ต้องทำให้พวกเราจบเห่แน่!”
เสียงของอาจารย์พึ่งหายไป เหล่าฉินก็พูดออกมา “เหล่าติง ฉันว่าเรื่องนี้มันเกินความสามารถของพวกเราแล้วนะ แม้ว่าตอนนี้จะทำให้เสี่ยวฝานปลอดภัยได้ แต่ต่อไปมันก็พูดยากนะว่าพวกเราจะต้องเจอกับลูกไม้อะไรอีกบ้าง”
“ฉันว่า พวกเราไปเชิญคนมาช่วยเถอะ!”
เชิญคน ผมงงอยู่ครู่หนึ่ง ในพื้นที่แห่งนี้นอกจากอาจารย์และเหล่าฉิน ยังมีคนอื่นที่มีความสามารถแบบนี้อีกด้วยเหรอ
อาจารย์เผยสีหน้าแปลกใจ “ในระแวกนี้มียอดฝีมืออยู่ด้วยเหรอ”
เหล่าฉินทำสีหน้าคิดหนัก “ยอดฝีมือกะผีนะซิ ก็แค่คนโง่คนหนึ่งเท่านั้น แต่ยังไงเขาก็มีความสามารถ!”
เมื่อผมและอาจารย์ได้ยินประโยคนี้ ต่างก็แสดงสีหน้าที่อึดอัดใจและอยากรู้อยากเห็นออกมา เมื่อลองถามให้ละเอียด
เหล่าฉินก็ไม่พูดอะไรมาก บอกแค่ว่าเขามีศิษย์น้องคนหนึ่ง ชอบออกไปท่องเที่ยว เมื่อเดือนที่แล้วพึ่งกลับมาถึงเขตเมือง
เพราะความสัมพันธ์ของเหล่าฉินและศิษย์น้องไม่ค่อยดีมากนัก และดูเหมือนจะมีปมอะไรกันบางอย่าง แต่เหล่าฉินก็ไม่ยอมพูดออกมา
เพียงบอกว่า ประมาณหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่เขาได้ติดต่อกับศิษย์น้องครั้งหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้ไปหาอีกฝ่าย
ตอนนี้เรื่องของพวกเราค่อนข้างตึงมือ เหล่าฉินจึงต้องทิ้งศักดิ์ศรีนั้นไป และเชิญเขามาช่วยเหลือ
แม้ว่าผมและอาจารย์จะรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามารักษาหน้าของตัวเอง เพราะชีวิตสำคัญกว่าสิ่งใด
หลังจากนั้น เหล่าฉินจึงโทรศัพท์
หลังจากวางสาย ผมก็ได้ยินเหล่าฉินพูดกับอาจารย์ว่า “เขาจะเข้ามาตอนบ่าย!”
ผมรู้สึกขอบคุณเหล่าฉินมาก ถ้าไม่ทำเพื่อชีวิตของผม เหล่าฉินก็ไม่ต้องทิ้งศักดิ์ศรีแล้วเชิญศิษย์น้องนั้นมา
เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงบ่ายอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เวลาประมาณบ่ายสามกว่าๆ ศิษย์น้องของเหล่าฉินก็ได้มาถึงแล้ว
และหาร้านขายของชำของพวกเราเจอทันที ขณะนั้นพวกเราก็กำลังพูดคุยกันอยู่ในบ้าน
จู่ๆก็ได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของผู้ชายที่หน้าประตู “ศิษย์พี่!”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ พวกเราทั้งสามคนก็หันไปมองทันที อยากจะรู้จริงๆว่าศิษย์น้องของเหล่าฉินจะมีหน้าตายังไงกันแน่
เมื่อเปิดประตูออกก็เห็นคนกำลังยืนอยู่สองคน พวกเขาเป็นชายทั้งคู่ คนหนึ่งแก่และคนหนึ่งเด็ก
คนหนึ่งในนั้นมีอายุห่างจากอาจารย์และเหล่าฉินไม่มาก ดูแล้วอายุประมาณ 60 กว่าๆ
เขาดูวัยรุ่นมาก ใส่เสื้อลายดอก กางเกงสแล็คสีขาว และยังใส่รองเท้าหนังสีส้ม
ไม่ว่าจะมองยังไง ก็ไม่เหมือนนักพรตเลยสักนิด
ส่วนเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ มีรูปร่างสูงผอม ผิวขาว หน้าตาหล่อมาก แต่สีหน้าก็ตายด้านมาก
หลังจากสองคนนี้ปรากฎตัว เหล่าฉินก็กวาดตามองพวกเขาแวบหนึ่ง
จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน “มาแล้วเหรอ เข้ามานั่งก่อนซิ!”