ตอนที่ 151 ผีเด็กได้สติ
เมื่อเห็นท่าทางของผีเด็ก และได้ยินสิ่งที่เธอพูด ผมและหยางเฉ่วต่างแสดงท่าทางดีใจจนออกหน้าออกตา ยกเว้นก็แต่พี่เฟิงเท่านั้นที่ทำหน้าตาตายด้านราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สำหรับพวกเราคนปราบสิ่งชั่วร้าย การที่ทำให้วิญญาณร้ายกลับมามีสติได้นั้น ถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่ง
เหมือนกับหมอคนหนึ่ง ที่สามารถรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้ายได้
แต่หลังจากผีเด็กถอนหายใจออกมา ทันใดนั้นเธอก็หันไปหาผีอีกสี่ตนที่กำลังถูกยันต์สะกดเอาไว้บนพื้น
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ท่าทางของผีเด็กก็เปลี่ยนไปทันที เธอพุ่งเข้าไปหาผีอีกสี่ตน
“ แม่ ปู่…… ”
ขณะที่พูด สีหน้าของผีเด็กก็เต็มไปด้วยความเบิกบาน เธอดูดีใจเป็นอย่างมาก
แต่พวกเรากลับไม่สามารถให้ผีเด็กเข้าไปใกล้ผีทั้งสี่ตนได้ เพราะพลังชั่วร้ายของผีสี่ตนนี้ยังถูกกำจัดออกไม่หมด ดังนั้นพวกเขายังอันตรายอยู่
ผมเข้าไปยืนหยุดอยู่ที่หน้าผีเด็ก ในเวลาเดียวกันก็พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ ตอนนี้เธอยังเข้าใกล้พวกเขาไม่ได้ ! ”
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ผีเด็กถึงได้รับรู้ถึงการมีตัวตนของผมและหยางเฉ่ว
เธอยืนนิ่งอยู่ที่เดิม จากนั้นก็พูดด้วยความสงสัย “ พวกคุณ พวกคุณเป็นใคร ”
ผมและหยางเฉ่วไม่รู้สึกแปลกใจ เพราะผีเด็กพึ่งได้สติ ความทรงจำเมื่อก่อนหน้านี้จึงยังลางเลือน หรือไม่ก็ยังไม่เข้ามาอยู่ในหัวสมอง
ดังนั้นผมจึงพูดเบาๆว่า “ เธอคิดให้ดีๆ ว่าเธอหลุดพ้นได้ยังไง ! ”
“ หลุด หลุดพ้นได้ยังไง…… ” ผีเด็กพึมพำพูดกับตัวเอง
แต่เสียงเพิ่งเงียบลง “ พรึบ ” ทันใดนั้นสีหน้าของผีเด็กก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง แววตาที่ใช้มองพวกเราเปลี่ยนไปทันที
“ เป็น ! เป็นพวกคุณ ! ” ผีเด็กพูดด้วยความตกใจ
แต่เสี้ยววินาทีต่อมา เธอก็กุมหัวของตัวเอง เผยท่าทางทรมานออกมา “ ไม่ ไม่ ไม่เอา อร๊าย…… ”
ขณะที่ความทรงจำของเธอเริ่มกลับคืนมา ความเจ็บปวดเมื่อครั้งอดีตก็ค่อยๆไหลเข้ามาสู่หัวใจของเธอ
ทันใดนั้น ผีเด็กก็เริ่มบ้าคลั่ง ตบที่หัวของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ พร้อมกับตะโกนออกมาว่า “ ไม่เอา ไม่เอา ” อย่างต่อเนื่อง
ผมขมวดคิ้ว เมื่อเห็นท่าทางที่เจ็บปวดทรมานของผีเด็ก ผมกลับไม่ได้เข้าไปปลอบใจทันที
เพราะความทรงจำในอดีตพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องจริง เมื่อมันโผล่ขึ้นมาในสมอง เธอถึงได้มีสภาพเจ็บปวดทรมานแบบนี้ แต่เธอต้องรับให้ได้กับทุกสิ่ง
หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที ผีเด็กก็เลิกกรีดร้อง หลังจากจิตใจสงบลงมานิดหน่อย เธอก็ได้ยินเสียงผมพูดว่า “ ตอนนี้จำได้แล้วใช่ไหม ”
ผีเด็กที่นั่งอยู่บนพื้น ไม่ได้มองหน้าผม แค่พยักหน้าให้เล็กน้อย จากนั้นก็พูดว่า “ พวกคุณฆ่าคุณปู่ แม่ และลุงสาม…… ”
ผมทำใจให้สงบลงเล็กน้อย จากนั้นก็ตอบกลับด้วยความหนักแน่น “ ขอโทษด้วย ฉันไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ พวกเราไม่สามารถช่วยพวกเธอได้ทุกคน…… ”
เมื่อผีเด็กได้ยินคำพูดนี้ ร่างกายของเธอก็สั่นเล็กน้อย จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมา
หน้าของผีเด็กซีดเซียวมาก แต่ดวงตาของเธอ กลับไม่ได้ดูน่ากลัวมากนัก
ผมแสดงสีหน้าจริงใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
แต่วินาทีนั้นผีเด็กกลับแสดงสีหน้าโศกเศร้าออกมา จากนั้นก็พูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอน “ งั้น งั้นพวกคุณ พวกคุณยังช่วยครอบครัวของฉันอีกได้ไหม ทำ ทำให้พวกเขาสามารถหลุดพ้น ขอ ขอร้องพวกคุณละ…… ”
หลังจากพูดจบ ผีเด็กตนนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้น และคำนับมาทางพวกเรา
เมื่อเห็นอีกฝ่ายคำนับให้ ในใจของผมก็รู้สึกแปลกๆ
แต่ไม่รอให้ผมได้ห้ามการกระทำของเธอ หยางเฉ่วก็เดินเข้าไปแล้ว เธอประคองผีเด็กขึ้น “ น้องสาวลุกขึ้นก่อน ! ครอบครัวที่เหลือของเธอ พวกเราจะต้องช่วยเขาอย่างแน่นอน ! ”
ขณะที่พูด หยางเฉ่วก็ประคองผีเด็กขึ้นมาแล้ว
ผมเห็นผีเด็กได้สติกลับคืนมา ความทรงจำในอดีตก็ผุดขึ้นมาแล้ว จึงเป็นเวลาดีที่จะถามหาเบาะแสของเสี่ยวม่าน
ในเวลานี้ผมจึงถามออกมาตรงๆ “ น้องสาว ฉันมีเรื่อง อยากจะถามเธอหน่อย…… ”
เมื่อผีเด็กได้ยินเสียงผม เธอก็หันมามองด้วยความสงสัย แต่ก็ตอบรับ “ คะ ” หนึ่งครั้ง
ผมเองก็ไม่รอช้า รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา และเปิดรูปตอนงานเลี้ยงรุ่นขึ้นมาทันที
“ เธอเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ไหม เธอ เธอยังมี มีชีวิตอยู่ไหม ” ขณะที่ผมพูดประโยคนี้ออกมา หัวใจของผมเต้นรัวมาก
เพราะผมไม่แน่ใจว่าเสี่ยวม่านยังมีชีวิตอยู่ไหม และถ้าตายแล้ว งั้นคำตอบที่ได้จะกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่สำหรับผม
ผีเด็กมองรูปเสี่ยวม่านสักพัก เธอขมวดคิ้ว เหมือนกับกำลังพยายามคิดอย่างหนัก
หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็เห็นผีเด็กส่ายหัว “ ไม่อยู่แล้ว…… ”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ในสมองของผมก็มีเสียงดัง “ ตูม ” เหมือนร่างกายระเบิดจนขาดกระจุย อีกนิดเดียวผมก็แทบไม่มีแรงยืน
เพื่อนเล่นในตอนเด็ก ที่ไม่ได้เจอกันมา 10 กว่าปี ได้ตายไปแล้วงั้นเหรอ
ในเวลานี้สีหน้าของผมเผยให้เห็นความโศกเศร้า ร่างกายเริ่มสั่นเทา
หยางเฉ่วเห็นผมรับไม่ได้ จึงรีบเข้ามาประคองผมทันที
เมื่อผีเด็กเห็นผมเป็นแบบนั้น เธอก็ตกใจ รีบพูดออกมาทันที “ ไม่ใช่ ไม่ใช่ความหมายนั้น หนูเคยเห็นเธอ แต่เธอน่าจะไม่ได้อยู่ในตำบลของพวกเรา เพราะพวกเราหาตัวเธอไม่เจอในตำบลเลย ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ตาของผมก็เบิกกว้าง ความรู้สึกที่เศร้าสร้อยอยู่ ได้หายไปในทันที “ จริง จริงเหรอ ”
ผมพูดด้วยความดีใจ ขอแค่เสี่ยวม่านยังไม่ตาย คนที่โตแล้วอย่างเธอ จะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน
ผีเด็กพยักหน้าให้อย่างหนักแน่น “ จริงค่ะ ! หนูจำได้นอกจากเธอแล้ว คนที่มาในตำบลของพวกเรามีทั้งหมด 9 คน แต่สุดท้ายแล้วเธอกับคนที่เหลืออีกสามคน กลับหายไปอย่างกระทันหัน พวกเราหากันจนทั่วตำบลแต่ก็ยังหาไม่เจอ ! ”
ผีเด็กพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ แต่ผมกลับขมวดคิ้ว “ หายไปอย่างกะทันหันงั้นเหรอ ”
ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ทำไมถึงหายไปอย่างกระทันหันได้
ผีเด็กกลับพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ ใช่จู่ๆก็หายไป ตอนที่พวกเรากำลังไล่ตามไปที่ท้ายซอย จู่ๆพวกเขาก็หายไป อาจหาที่ซ่อนได้ หรือไม่ก็ออกไปแล้ว…… ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมและหยางเฉ่วก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองหน้ากัน
“ จู่ๆก็หายไป ” และยังหายไปตอนที่ถูกผีไล่ตาม เรื่องนี้จะเอามาพูดเล่นๆไม่ได้ และเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยน่าเชื่อ
ผู้ใหญ่สองสามคน ถึงจะไม่ใช้ตาผีร้ายมอง แต่ก็ยังสามารถดมกลิ่นลมหายใจของพวกเขาได้นิ
ถ้านี่เป็นเรื่องจริง งั้นคำตอบคงมีเพียงข้อเดียว
นั้นก็คือเสี่ยวม่านและพวกจะต้องมีวิธีบางอย่างที่สามารถซ่อนตัวจากผีได้ แถมในเวลาเดียวกันก็ยังสามารถปกปิดลมหายใจของตัวเองได้
คล้ายกับยันต์ที่หยางเฉ่วใช้เมื่อตอนนั้น ที่ช่วยปกปิดพวกเราจากสายตาของกองทัพผีได้
“ ที่นั้นอยู่ที่ไหน ฉันจะไปดู ! ” ผมพูดด้วยความร้อนรน
ถ้าเสี่ยวม่านสามารถหนีไปได้ จะต้องโทรศัพท์หาผมอย่างแน่นอน แต่โทรศัพท์กลับไม่มีข้อความใดๆเข้ามา ดังนั้นเสี่ยวม่านจะต้องยังซ่อนตัวอยู่แน่
แต่ผีเด็กกลับไม่ตอบกลับทันที เธอแสดงท่าทางเลิ่กลั่ก
ในเวลาเดียวกัน เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนอีกครั้ง พร้อมกับคุกเข่าลงที่พื้น “ ขอให้ท่านนักพรตโปรดช่วยครอบครัวของฉันให้หลุดพ้นด้วยค่ะ พวกเราถูกคนชั่วทำร้าย ทรมานมาหลายปี ทุกนาทีจะรู้สึกเจ็บปวด ดังนั้นท่านนักพรตโปรดช่วยด้วยค่ะ…… ”
หลังจากพูดจบ ผีเด็กก็คำนับผมอีกครั้ง
ในใจของผมกำลังร้อนรน แม้ว่าตอนนี้จะอยากออกไปตามหาเบาะแสของเสี่ยวม่าน
แต่เมื่อได้ยินคำพูดของผีเด็ก ก็คิดได้ว่าถ้าไม่ช่วยครอบครัวของเธอ เธอก็คงไม่ยอมพูดออกมา
และเมื่อกี้เธอยังบอกว่า ครอบครัวของเธอถูกคนชั่วทำร้าย ได้รับความทุกข์ทรมานจนถึงตอนนี้
พวกเขาไม่ได้ฆ่าตัวตายงั้นเหรอ แล้วทำไมถึงถูกคนชั่วทำร้ายได้ละ
ผมเริ่มสงสัย และอยากจะถาม
แต่หยางเฉ่วที่อยู่ข้างๆกลับประคองผีเด็กขึ้น ในเวลาเดียวกันก็พูดว่า “ น้องสาว เมื่อกี้เธอบอกว่าครอบครัวของเธอถูกคนชั่วทำร้าย ไม่ได้ฆ่าตัวตายงั้นเหรอ ”
ผีเด็กแสดงท่าทางไม่ได้รับความเป็นธรรม และค่อยๆลุกขึ้นยืน
เธอส่ายหัว พร้อมพูดด้วยน้ำตา “ พวกเราไม่ได้ฆ่าตัวตาย มีคนชั่วฆ่าเรา สุดท้ายก็กุเรื่องว่าพวกเราฆ่าตัวตาย และเขายังทรมานพวกเราไม่หยุด ทำให้พวกเรากลายเป็นผีร้าย และสุดท้ายก็ให้พวกเรา ไปฆ่าผู้คนที่เข้ามาใกล้ตำบลหม่าหวาง แล้วเก็บดวงวิญญาณของพวกเขา เอาไปฝึกวิชามาร…… ”