ตอนที่ 154 ช่วยเหลือ
สวรรค์ยังเมตตา หลังจากทรมานมาทั้งคืน ในที่สุดผมก็หาเสี่ยวม่านเจอ
เมื่อเห็นใบหน้าที่บูดบึ้งของเสี่ยวม่านแล้ว ผมก็คิดว่าเธอยังน่ารักอยู่นิดหน่อย
วินาทีนั้นผมเผยรอยยิ้มออกมาทันที ในเวลาเดียวกันก็พูดกับเสี่ยวม่านที่อยู่ในหลุมว่า “ ซ่อนอยู่ข้างล่างรู้สึกยังไงบ้าง ”
ผมอยากแหย่เสี่ยวม่านนิดหน่อย ผลลัพธ์ เสี่ยวม่านกลับตะโกนด่าผมทันที “ ไอ้ติงฝานเฮงซวย ฉันยังคิดว่าผีกำลังเรียกฉันอยู่เลยย่ะ ทำไมนายมาช้าขนาดนี้ละ ฉันกลัวจะตายอยู่แล้วนะ ! …… ”
เมื่อเห็นเสี่ยวม่านด่าผม ผมก็ไม่รู้สึกมีความสุขอีกต่อไป ผมอ้าปากคิดจะเถียงกลับ
ผลลัพธ์ผมเพิ่งอ้าปาก “ ฮือ ” เสี่ยวม่านที่ยืนอยู่ด้านล่างก็ร้องไห้ออกมาทันที หยาดน้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า
ผมเห็นเสี่ยวม่านร้องไห้ ไหนเลยจะกล้าเถียงเธอต่อ
ผมรีบพูดทันที “ เสี่ยวม่าน เธอร้องไห้ทำไม ฉันจะช่วยเธอออกมาเดี๋ยวนี้แหละ…… ”
ขณะที่พูด ผมก็ย่อตัวลง และเอื้อมมือลงไปในหลุม
แม้เสี่ยวม่านจะร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ตอนนี้เธอก็ยังเอื้อมมือจับมือผมเอาไว้ เมื่อคนในหลุมเห็นผมเป็นคน ไม่ใช่ผีร้าย อารมณ์ของทุกคนก็ดีขึ้นทันที
หลังจากนั้นผมก็ออกแรงดึง เสี่ยวม่านขึ้นมาจากหลุมได้ทีละน้อย
“ โอเคแล้ว ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว ! ” ผมพูด
แต่เสี่ยวม่านไม่เคยเห็นหานเฉ่วเฟิงมาก่อน ตอนนี้นอกจากเห็นผมแล้ว ข้างกายของผมยังมีพี่ชายที่มีท่าทางเหมือนนักเลงยืนอยู่ เธอจึงพูดด้วยความสงสัย “ เขา เขาเป็นใคร ”
เมื่อได้ยินเสี่ยวม่านถาม ผมยังไม่ได้ตอบกลับ ทันใดนั้นพี่เฟิงก็หัวเราะฮ่าฮ่าแล้วแนะนำตัวเอง “ ฉันชื่อหานเฉ่วเฟิง เป็นเพื่อนของติงฝาน เขาเรียกให้ฉันมาที่นี่น่ะ ! ”
เมื่อเสี่ยวม่านได้ยินว่าเป็นเพื่อนของผม เธอก็ยิ้มและพยักหน้าให้ “ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อจ้าวเสี่ยวม่าน ขอบคุณที่มาช่วยฉันนะคะ…… ”
แต่พี่เฟิงกลับยิ้มอย่างมีความสุข “ ไม่เป็นไรไม่เป็นไร มีเรื่องอะไรก็บอกพี่เฟิงได้ตลอด พี่พร้อมเสมอ ”
ตอนที่เสี่ยวม่านและหานเฉ่วเฟิงทำความรู้จักกัน คนที่อยู่ในหลุมอีกสามคนกลับตะโกนโหวกเหวกโวยวาย “ ช่วยพวกเราด้วย ! ”
“ เสี่ยวม่าน ยังมีพวกเราอยู่นะ…… ”
“ รีบพาพวกเราออกไปที…… ”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ผมก็ย่อตัวลงอีกครั้ง จากนั้นก็ดึงทั้งสามคนออกมาจากหลุมทีละคนๆ
พวกเขาเป็นชายสองหญิงหนึ่ง อายุประมาณ 20 ปี
ผู้ชายหนึ่งในนั้นที่กำลังใส่แว่นมีเหงื่อไหลออกมาจนเปียกชุ่ม เขาเพิ่งปีนออกมาได้ ก็สำรวจรอบๆตัวอย่างหวาดระแวงทันที
จากนั้นก็ได้ยินเขาถามผมด้วยความกล้าๆกลัวๆว่า “ ข้างนอก ข้างนอกปลอดภัยแล้วเหรอ ”
“ เจ้าพวกนั้นถูกพวกเราจัดการหมดแล้ว ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว ! ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกแน่นอน ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
แน่นอนว่า พวกเขาไม่มีตาสวรรค์ แถมผีที่สูญเสียพลังชั่วร้ายและไม่มีพลังอยู่แล้ว จะไม่มีความสามารถออกมาปรากฎตัวได้ตามใจชอบ
ดังนั้น พวกเขาจึงมองไม่เห็นผีห้าตนที่ยืนอยู่ข้างๆ
พวกเราเองก็ไม่ได้บอกพวกเขา ว่ามีผีหลายตนยืนอยู่ข้างๆพวกเขา ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงตกใจกลัวกันแน่
เมื่อคนสองสามคนนั้นได้ยินคำตอบ ก็ต่างถอนหายใจออกมายาวๆ ราวกับยังคงรู้สึกกลัวอยู่
ทันใดนั้นผู้หญิงอีกคนก็เช็ดเหงื่อออก และพูดว่า “ เดิมทีบนโลกใบนี้ ก็มีผีอยู่จริงๆ ท่านนักพรตท่านนี้ ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไร ฉันสามารถขอจ้างคุณได้ไหม มาทำงานในตระกูลของฉันและบริษัทของพวกเรา…… ”
ผู้หญิงคนนี้พูดออกมาอย่างไร้เดียงสา ท่าทางอ่อนโยน ตอนนี้เธอพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง
เมื่อคำพูดพวกนั้นเข้ามาในหูของผม ผมกลับตกใจเล็กน้อย จ้างฉันงั้นเหรอ
เสี่ยวม่านเห็นผมตกใจ เธอจึงพูดว่า “ นี่คือวูน่า เป็นคุณหนูใหญ่ของบริษัทก่อสร้างเป่าเฉิง และก็เป็นเพื่อนที่อยู่ในชมรมเดียวกันกับพวกเรา ”
ชื่อของเธอดูธรรมดาๆ แต่เจ้าบริษัทก่อสร้างเป่าเฉิงนั้น ในเมืองของพวกเรามันคือบริษัทก่อสร้างที่มีชื่อเสียงมากๆเลยละ
ผู้หญิงตรงหน้าที่ชื่อวูน่าคนนี้ เธอเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของบริษัทฟอร์มยักษ์
แถมยังบอกจะขอจ้างผมอีก ในเวลานี้ผมจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก
แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีเวลามาคุยกันเรื่องนี้ ต่อไปผมยังมีเรื่องต้องทำอีก เพราะถ้ารอให้คนพวกนั้นมาถึง ผีห้าตนนี้จะต้องไม่รอดอย่างแน่นอน
ดังนั้นผมจึงยิ้มให้คนที่ชื่อวูน่า “ ฉันชื่อติงฝาน ขอบใจมากนะ แต่เราค่อยคุยกันทีหลังเถอะ ! ตอนนี้ฉันจะพาพวกเธอออกไปจากที่นี่ก่อน…… ”
ขณะที่พูด ผมก็พาทุกคนออกมาจากตรอกมืดๆนั้น
ตอนนี้ผมหาเสี่ยวม่านและคนอื่นๆเจอแล้ว ผีห้าตนเห็นผมเริ่มเดินไปข้างนอก ทุกตนจึงทักทายผมหนึ่งครั้ง จากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นเงาสีขาว และหายไปต่อหน้าอย่างรวดเร็ว พวกนั้นต่างตรงไปจัตุรัสเดิม
เสี่ยวม่านและคนอื่นๆเห็นผมพูดกับอากาศ จึงตกตะลึงในทันที แล้วถามผมว่ากำลังคุยกับใคร
ผมแค่ยิ้มให้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่อย่างนั้นพวกเธอคงตกใจ ในเวลาเดียวกันผมก็ชวนคุยเรื่องอื่น “ เสี่ยวม่าน พวกเธอคิดยังไงถึงมาที่นี่ ”
เมื่อเสี่ยวม่านได้ยินคำถามของผม เธอก็ตัวสั่นเล็กน้อย จากนั้นก็พูดอย่างจำยอม “ ฉันเข้าชมรมสิ่งลี้ลับ ได้ยินว่าที่ตำบลหม่าหวางมีผีออกอาละวาด ก็เลยอยากมาดู แต่ผลลัพธ์ ผลลัพธ์กลับออกมาเป็นแบบนี้ สุดท้ายก็ซ่อนตัวอยู่ในหลุม มือถือเลยไม่มีสัญญาณ ฉันกลัวมากว่านายจะไม่มาช่วยฉัน…… ”
เมื่อได้ยินเสี่ยวม่านพูดแบบนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าควรตอบกลับยังไงดี จึงยิ้มอย่างขมขื่นให้เท่านั้น
มาตามหาสิ่งลี้ลับบ้าบออะไร ตอนนี้ก็เจอดีแล้วนิ ได้เห็นวิญญาณตัวเป็นๆ แถมยังตายกันไปแล้ว 6 คนอีก
ถ้ามือถือของผมแบตหมด หรือไม่สนใจข้อความของเสี่ยวม่าน ตอนนี้พวกเขาก็คงต้องทรมานกันแน่……
แต่เรื่องนี้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ต่อไปพวกเธอก็คงจำไปจนวันตาย ผมจึงไม่ถามต่อและต่อว่าอะไร
แต่ก็สงสัย นอกจากพวกเสี่ยวม่านจะซ่อนอยู่ในหลุมแล้ว พวกเธอยังใช้วิธีอื่น หรืออะไรในการซ่อนตัวจากผีร้ายรึเปล่า
ผมจึงถามต่อ “ เสี่ยวม่าน พวกเธอใช้วิธีอะไร หรือของอะไร ถึงได้ซ่อนตัวจากผีพวกนั้นได้ ”
เสี่ยวม่านเงียบไปพักหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป
ผมเห็นเธอไม่เข้าใจ จึงถามต่อ “ บนตัวของพวกเธอมีพวกของขลังบ้างไหม อย่างเช่นพวกลูกปะคำอะไรทำนองนั้น ”
เมื่อที่เหลืออีกสามคนได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็ส่ายหัว ต่างบอกว่าตัวเองไม่มี
แต่ในเวลานี้มีเพียงเสี่ยวม่านคนเดียวที่ดึงเส้นลูกปัดสีน้ำตาลออกมาจากเอว จากนั้นก็พูดกับผมว่า
“ก่อนหน้านี้ลุงฉินให้ลูกปัดฉันเอาไว้ป้องกันตัว ฉันเองก็ไม่รู้ว่าใช่ลูกประคำที่นายพูดรึเปล่า…… ”
“ ลุงฉิน อ่อลุงหล่อๆที่ฉันเจอตอนที่อยู่บ้านเธอเมื่อวันนั้นเหรอ ” ผมถามด้วยความสงสัย
“ ใช่ ! เขานั่นแหละ ได้ยินแม่บอกว่า ตอนลุงฉินยังเป็นวัยรุ่นเขาก็เป็นคนขายธูป เทียน เงินกระดาษ แถมยังร้ายกาจมากด้วยนะ…… ” เสี่ยวม่านตอบกลับอย่างจริงจัง
“ เอ่อ เอ่อเธอให้ฉันดูลูกปัดเส้นนั้นหน่อยได้ไหม ! ” ผมรีบพูด
ถ้าเจ้าสิ่งนี้เป็นของที่ลุงวัยกลางคนให้เอาไว้จริงๆ งั้นเจ้าของสิ่งนี้ก็อาจเป็นของขลังถึงแปดเก้าส่วน
เสี่ยวม่านไม่ลังเล นำลูกปัดเส้นนั้นออกมา และยื่นให้ผมตรงๆ
ผมเอื้อมมือออกไปรับ ก็รู้สึกได้ถึงไอเย็น
แต่ผิวของมันแปลกมาก มันไม่เหมือนกับหยก และก็ไม่เหมือนกับแก้วหรือคริสตัล
ขณะที่ผมกำลังสงสัยอยู่นั้น พี่เฟิงก็รีบพูดออกมาทันที “ เอามาให้ฉันดูหน่อยสิ ! ”
เมื่อได้ยินพี่เฟิงพูดแบบนั้น ผมก็ส่งให้พี่เฟิงทันที
ผลลัพธ์มันพึ่งสัมผัสลงบนมือของพี่เฟิง เขาก็ทำหน้าตกใจทันที “ นี่คือ นี่คือกุ่ยจินตาน ! ”
“ กุ่ยจินตาน มันคืออะไรเหรอ ” ผมอึ้งในทันที ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด
เมื่อเสี่ยวม่านและคนอื่นๆได้ยินคำว่า “ กุ่ย ( ผี ) ” ดวงตาก็เบิกกว้าง ใบหน้าถอดสี แสดงท่าทางหวาดกลัวออกมาทันที
“ กุ่ยจินตานก็คือแก่นวิญญาณของผี ปกติแล้วผีที่มีพลังสูงหรือผีร้าย ในร่างกายจะมีเจ้าแก่นนี้อยู่ ซึ่งมันเป็นแก่นพลังของพวกวิญญาณ เพียงแต่ตอนที่วิญญาณแตกสลาย มันก็จะแตกสลายด้วย ดังนั้นมันจึงเก็บรักษาเอาไว้ยากมาก ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ พี่เฟิงก็หยุดไปแป๊บหนึ่ง จากนั้นก็พูดต่อ “ ไม่ผิดแน่ นี่จะต้องเป็นกุ่ยจินตาน ! ถึงว่าไม่น่าแปลกใจเลย มีเจ้ากุ่ยจินตานเอาไว้บนร่างกาย แถมซ่อนตัวอยู่ในที่แคบๆขนาดนั้น เป็นธรรมดาที่จะปกปิดลมหายใจของคนเป็นได้…… ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ในใจของผมก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
ที่แท้เหมือนกับสิ่งที่ผมเดาเอาไว้ไม่มีผิด บนร่างกายของเสี่ยวม่านมีของขลังอยู่จริงๆ
นี่ก็อธิบายได้ง่ายแล้ว ว่าทำไมพวกเธอถึงได้ซ่อนตัวจากสายตาผีร้ายได้ แถมยังนานขนาดนี้ด้วย
แต่หลังจากนั้นพี่เฟิงยังพูดว่า “ ถึงเจ้ากุ่ยจินตานนี้จะสามารถปกปิดลมหายใจของคนเป็นได้ แต่เจ้านี้
มีพลังหยินแรงมาก คนเป็นจะพกมันติดตัวได้ยังไง ถ้านานวันเข้า ชีวิตของเธอก็คงไม่ปลอดภัย ลุงฉินของเธอ คงไม่ได้ให้ลูกปัดคุ้มครองอะไรนั้น แต่เป็นลูกปัดฆ่าชีวิตมากกว่า ! ”