ตอนที่ 167 รังแมลง
จู่ๆท่านนักพรตตู๋ก็พูดออกมา ทำให้พวกเราทุกคนมึนงงทันที
แต่ไม่รอให้ผมได้พูด ท่านนักพรตตู๋กลับบอกให้พวกเรามองดูที่ชายคา
ตอนนั้นผมสงสัยมาก ทำไมต้องดูชายคาด้วย
แต่ในเมื่อท่านนักพรตตู๋พูดถึงขนาดนั้น ผมก็แสดงสีหน้าสงสัย ยกไฟฉายในมือขึ้น จากนั้นก็ส่องไปที่ชายคา
แต่เมื่อส่องไป “ พรึบ ” สีหน้าของพวกเราทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที
ภายใต้แสงไฟ บริเวณใต้ชายคา มีตัวอ่อนแมลงสีแดง ที่ไม่รู้ว่ามีจำนวนเท่าไหร่กำลังเกาะกันอย่างหนาแน่น
แมลงพวกนั้นเหมือนกับตัวหนอน มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก แต่ทุกตัวจะมีสีแดงหรือไม่ก็สีแดงเข้ม
ในเวลานี้พวกมันกำลังเบียดตัวกันอย่างหนาแน่น ทุกตัวต่างเกาะอยู่ที่ใต้ชายคา และคืบคลานอย่างต่อเนื่อง
คานบ้าน กระเบื้อง ผนัง ทุกที่ต่างมีแมลงก่อตัวกันเป็นชั้นๆ
แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ พวกมันยังคลานอยู่ และจับตัวกันเป็นฝูง สภาพแบบนั้นทำให้คนที่เห็นถึงกับขนลุก หวาดกลัวจนมือไม้สั่น
ฉากนี้น่าขยะแขยงเกินไป และน่ากลัวเกินไป
ทำไมใต้ชายคา ถึงมีแมลงอยู่เยอะขนาดนี้ และยังเป็นแมลงสีแดงที่ผมไม่รู้จัก
แต่เห็นได้ชัดมาก ตอนที่คุณยายอ้วกออกมา ก็เป็นแมลงสีแดงแบบนี้
อาจเป็นไปได้มาก ว่าก่อนหน้านี้คุณยาย ถูกแมลงวางไข่ที่นี่ จากนั้นมันก็กลายเป็นกาฝากในร่างกาย นี่ถึงได้เป็นสาเหตุของการอาเจียน
แน่นอน ว่าต้องไม่ลืมคนที่ตั้งใจเลี้ยงมันที่นี่ และตั้งใจทำร้ายคนในบ้านหลังนี้
ขณะที่ผมกำลังมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ คุณยายและชายวัยกลางคน ก็กรีดร้อง “ อร๊าย/อ๊าก ” ออกมา ขณะเดียวกันตัวของพวกเขาก็ถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง
คุณยายตกใจจนแทบสลบ ส่วนชายวัยกลางคนก็กลัวมาก “ มะ แมลง ทำไม ทำไมบ้านฉันถึงมีแมลงเยอะขนาดนี้ ! ”
คุณยายถูกผมประคองเอาไว้ สีหน้าของเธอซีดขาวมาก
ในเวลานี้เธอร้องไห้ออกมาเรียบร้อย “ สมควรตาย กล้ามาปล่อยแมลงใส่บ้านฉันเยอะขนาดนี้ ครอบครัวของฉันไปทำให้ใครโกรธแค้น ถึงได้ทำกับพวกเราแบบนี้ ! ”
ท่านนักพรตตู๋เห็นคุณยายพูดทั้งน้ำตา จึงพูดออกมาตรงๆ “ ยาย ยายหยุดร้องไห้ก่อน และก็อย่าโวยวาย เราต้องจัดการเรื่องนี้ก่อน ! ”
เมื่อคุณยายได้ยิน เธอก็ส่งเสียง “ ฮือฮือฮือ ” ออกมาเท่านั้น
แต่ชายวัยกลางคนกลับทำหน้าขมขื่น “ มะ แมลงเยอะขนาดนี้ ต่อไป ต่อไปบ้านของพวกเรา จะยังอยู่ได้ไหมครับ ”
ท่านนักพรตตู๋ตบบ่าชายวัยกลางคนเบาๆ “ ในเมื่อพวกเรามาแล้ว ก็เพื่อมาแก้ปัญหาให้ ตอนนี้พวกคุณรออยู่ข้างนอก นายเอากุญแจมาให้ฉัน พวกเราจะเข้าไปก่อน ”
ในเวลานี้ชายวัยกลางคนคิดอะไรไม่ออกแล้ว เมื่อได้ยินท่านนักพรตตู๋พูดแบบนั้น เขาก็ตอบรับ “ ครับ ” จากนั้นก็ส่งกุญแจให้กับท่านนักพรตตู๋
เมื่อท่านนักพรตตู๋ได้กุญแจมา เขาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่สนใจพวกแมลง กางร่มออก ถือกุญแจเข้าไปเปิดประตู จากนั้นก็เปิดไฟฉายเดินเข้าไป
ผมและเฟิงเฉ่วหานหันมามองหน้ากันหนึ่งครั้ง พยักหน้าให้กันอย่างเงียบๆ จากนั้นพวกเราก็กางร่มออก และตามเข้าไปทันที
แม้บนหัวจะเต็มไปด้วยแมลงสีแดงแปลกๆ แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็ทำให้พวกเราอยากรู้มากเข้าไปอีก
หลังจากที่พวกเราถือไฟฉายเดินเข้ามา พวกเรากลับตัวชา ขนลุกแล้วลุกอีก ฝ่าเท้ากระตุกหลายครั้ง
เพราะพวกเราพบว่า ในบ้านหลังนี้ได้กลายเป็นรังแมลงแล้ว
เมื่อมองเข้าไป พื้นที่ในบ้านต่างเต็มไปด้วยแมลงสีแดง พวกมันกำลังคืบคลานอยู่ทุกซอกมุมของบ้าน
พื้น ผนัง เฟอร์นิเจอร์ เพดาน ทุกที่ล้วนมีพวกมัน
เพราะแมลงมีเยอะมาก และพวกมันยังคลานอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังส่งเสียง “ ฉึบฉึบ ” เบาๆ และบนเพดานยังมีแมลงบางส่วน ที่หล่นลงมาบนร่มดัง “ แปะแปะ ”
เสียงนั้นทำให้คนขนลุก รู้สึกขยะแขยง อึดอัด เหมือนกับได้ยินเสียงเล็บขูดแก้ว ทำให้คนรู้สึกหวาดเสียวมาก
ผมและเฟิงเฉ่วหานต่างรู้สึกไม่สบายตัว แต่ท่านนักพรตตู๋กลับพูดอย่างเย็นชา “ อย่างที่คิดมีคนใช้แมลงพิษมาทำร้ายคน ถ้าครอบครัวเฟิ๋งไม่ไปร้านของพวกเรา คืนนี้ทั้งสองคนก็คงไม่มีใครรอด ! ”
ขณะที่พูด ท่านนักพรตตู๋ก็เดินไปข้างหน้าพร้อมกับความโมโห จากนั้นก็เปิดประตูห้อง
หลังจากพวกเราเปิดประตูห้องออก ก็ใช้ไฟฉายส่องเข้าไป ทันใดนั้นภาพที่ทำให้ผมตกใจยิ่งกว่าเดิมก็ปรากฎขึ้น
ในห้องนี้ มีแมลงมากยิ่งกว่าเดิม
บนพื้นมีแมลงกองกันกว่าสิบยี่สิบเซนติเมตร และเมื่อส่องไฟไปบนหัวเตียง พวกเราก็พบว่าบนหัวเตียงกลายเป็นรังแมลงไปแล้ว
พวกมันก่อตัวกันเป็นชั้น มีแมลงซ้อนทับอยู่ด้วยกัน
พวกมันคลานอย่างต่อเนื่อง พร้อมใจปีนมารวมกัน ภาพนั้นเป็นภาพที่ยากจะลืม มันน่าขนหัวลุกยิ่งกว่าอะไร
ผมและเฟิงเฉ่วหานมองจนลืมตัว แมลงเยอะขนาดนี้ ช่างน่ากลัวจริงๆ
ท่านนักพรตตู๋ขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม “ แมลงเยอะขนาดนี้ จะต้องไม่ได้ออกมาเองแน่ พวกมันจะต้องมีคนควบคุมอยู่ ! ”
“ ควบคุม ” เฟิงเฉ่วหานถามตามที่จิตใจสำนึกบอก
“ ใช่ ผู้ควบคุมแมลงพิษที่ร้ายกาจอยู่ที่นี่ นอกจากแมลงพิษจะร้ายกาจแล้ว พวกเขายังสามารถควบคุมพวกมันได้จากที่ห่างไกล ! แต่ตอนนี้ดูเหมือน พลังของเจ้าปีศาจนั้นยังไม่เยอะพอ ตอนที่ในบ้านไม่มีคนอยู่เลยยังไม่รู้ตัว ทำได้แค่ส่งแมลงเข้ามาในบ้านสุ่มสี่สุ่มห้าเท่านั้น ! ” ท่านนักพรตตู๋วิเคราะห์
เรื่องนี้ ผมและเฟิงเฉ่วหานต่างมีความรู้อันน้อยนิด
ตอนนี้จึงทำได้เพียงทำตามที่ท่านนักพรตตู๋พูด เขาพูดอะไร พวกเราก็ทำอันนั้น
ดังนั้นผมจึงพูดออกมาตรงๆ “ ท่านลุงตู๋ ถ้าอย่างนั้นลุงว่าพวกเราควรทำยังไงต่อดี ! เจ้าปีศาจนั้นน่าขยะแขยงมาก ถึงกับกล้าคบค้าสมาคมกับแมลงเยอะขนาดนี้ ! ”
ท่านนักพรตตู๋กวาดสายตามองไปรอบๆบ้าน จากนั้นก็พูดว่า “ ที่นี่มีเบาะแสเหลือไม่มาก พวกเราถอยก่อน ! ”
เมื่อเห็นฉากแบบนี้ ใจขี้สงสัยของผมก็หายไป ตอนนี้ผมอยากจะออกไปจากบ้านแมลงนี่เต็มทนแล้ว
ตอนนี้เมื่อได้ยินท่านนักพรตตู๋พูดแบบนั้น ผมก็ไม่มีทีท่าว่าจะอยากอยู่ต่อ
ผมและเฟิงเฉ่วหานหมุนตัว คิดจะเดินออกจากที่นี่ทันที
แต่ในบ้านนี้มีแมลงเยอะมาก จึงมองไม่เห็นสถานการณ์ข้างหลัง
ผลลัพธ์หลังจากพวกเราหมุนตัวกลับมา พวกเราก็บังเอิญไปเหยียบโดนแมลงสองสามตัว
“ แกรบแกรบ ” ตอนนี้ใต้รองเท้ามีซากแมลงสองสามตัวติดอยู่ ในตัวพวกมันต่างมีน้ำสีดำไหลออกมา
ผมและเฟิงเฉ่วหานไม่คิดมาก แมลงเยอะขนาดนี้ เหยียบตายไปบ้างก็คงไม่เป็นไร ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร
แต่เสี้ยววินาทีต่อมา ฉากที่น่าขนลุกก็ปรากฎขึ้น
พวกเราตกใจทันที เมื่อพบว่าแมลงที่เคยคลานอย่างเชื่องช้า ตอนนี้กลับตื่นตัวขึ้น เหมือนพวกมันเลือดขึ้นหน้า ทันใดนั้นพวกมันก็เริ่มคลานอย่างรวดเร็ว
เสียง “ ฉึบฉึบ ” ที่แผ่วเบา เริ่มดังขึ้นทันที
แมลงที่อยู่บนเพดานล่วงหล่นลงมา บนร่มอย่างต่อเนื่อง “ แปะแปะแปะ ”
แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ นอกจากแมลงพวกนี้จะคลานเร็วขึ้นแล้ว
พวกมันยังหันหัว มาทางพวกเราสามคน
เมื่อเห็นภาพนี้ ผมและเฟิงเฉ่วหานก็ตกตะลึงทันที
แต่ไม่รอให้พวกเราได้ตอบสนองอะไร ทันใดนั้นท่านนักพรตตู๋ที่อยู่ด้านหลังก็ตะโกนว่า “ ยังยืนบื้ออยู่ทำไม รีบวิ่งซิ ! ”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ท่านนักพรตตู๋ก็ดึงผมและเฟิงเฉ่วหานวิ่งไปข้างนอก
ผลลัพธ์พวกเราเพิ่งวิ่งไปได้สองก้าว “ ปัง ” ประตูบ้านที่เคยเปิดอยู่ก็ปิดลงทันที
จากนั้นพวกเราก็เห็นแมลงที่อัดแน่นกันนั้น เริ่มคลานเข้าไปที่บานประตูอย่างรวดเร็ว จนทำให้ประตูถูกปิดตาย
นอกจากนี้แล้ว แมลงกองสูงกว่าครึ่งเมตร ที่เคยรวมตัวกันที่หัวเตียงนั้น ก็ “ ตูม ” กระจายตัวลงบนพื้นทันที
เมื่อแมลงจำนวนมหาศาลไหลลงมา บวกกับแมลงรอบๆ ภาพแมลงบ้าคลั่งที่เริ่มคลานเข้ามาหาพวกเราก็ปรากฎขึ้น……