ตอนที่ 169 ผู้ควบคุมแมลงพิษ
แม้จะไม่รู้ว่าทำไมคนผู้นี้ถึงต้องฆ่ายายเฟิ๋ง และพี่เฟิ๋ง แต่ในเมื่อรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นหมอผีชั่ว งั้นก็ไม่ต้องพูดจากันดีๆแล้ว ลงมือกับเขาก็จบ
หลังจากฟังคำพูดของท่านนักพรตตู๋จบ ผมก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงดาบไม้ออกมาจากฝักทันที
เฟิงเฉ่วหานเองก็ทำเช่นเดียวกัน เมื่อยายเฟิ๋งและพี่เฟิ๋งเห็นผมสองคนดึงดาบออกมาอย่างกระทันหัน และยังได้ยินสิ่งที่ท่านนักพรตตู๋พูดเมื่อกี้ ตอนนี้พวกเขาจึงเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
ในเวลาเดียวกัน พวกเราก็ได้ยินพี่เฟิ๋งพูดว่า “ ดาบ ดาบไม้ นอกจาก นอกจากพวกคุณจะเป็นหมอแล้ว ยังเป็นนักพรตด้วยเหรอ ”
เมื่อเห็นพี่เฟิ๋งถาม ที่มุมปากของผมก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ ใช่ครับ พวกเราเป็นนักพรตด้วย ”
เสียงของผมเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นเฟิงเฉ่วหานก็พูดต่อทันที “ พูดกับพวกคุณตรงๆ ! ยายเฟิ๋งไม่ได้โดนพิษธรรมดาๆ แต่มีหมอผีเสกแมลงเข้าท้องเธอ ! และหมอผีคนนั้น ก็คือผู้ใหญ่บ้านของพวกคุณ ! ”
หลังจากพูดจบ พวกเราก็หันไปมองตาแก่ที่ทำพิธีอยู่ไม่ไกลอีกครั้ง
ตอนนี้ดวงตาของยายเฟิ๋งและพี่เฟิ๋งเบิกกว้าง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
ทันใดนั้น ท่านนักพรตตู๋ก็พูดว่า “ พวกคุณยืนอยู่ตรงนี้แล้วก็ห้ามขยับตัวไปไหน ! เสี่ยวฝาน เสี่ยวเฟิง พวกเรา ไป ! ”
หลังจากพูดจบ ท่านนักพรตตู๋ก็เดินข้ามพุ่มไม้ ตรงเข้าไปหาผู้ควบคุมแมลงพิษทันที
แน่นอนว่าผมและเฟิงเฉ่วหานตามไปอย่างรวดเร็ว นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเจอผู้ควบคุมแมลงพิษตัวเป็นๆ ผมจึงค่อยข้างตื่นเต้น เมื่อสำรวจอีกฝ่ายอย่างละเอียด
เมื่อก่อนเคยได้ยินมาว่า จุดที่ร้ายกาจของคนพวกนี้ก็คือแมลง
ถ้าไม่ระวัง แม้เขาจะปล่อยแมลงออกมาแค่หนึ่งตัว แต่มันก็สามารถกัดกินคุณได้ทั้งตัว หรือไม่ก็ตายเพราะโดนพิษของมัน
หลังจากเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว ท่านนักพรตตู๋ก็พูดว่า “ ไอ้คนควบคุมแมลงพิษ วันตายของแกมาถึงแล้ว ! ”
หลังจากพูดจบ ท่านนักพรตตู๋ก็วิ่งออกไป อย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน ตาแก่คนนั้นก็ได้ยินคำพูดของท่านนักพรตตู๋ เขาจึงหันมามองตามสัญชาตญาณ
เมื่อมองผ่านแสงจันทร์ เขากลับพบว่าพวกเราสามคนกำลังวิ่งมาทางเขา
และในมือของผมและเฟิงเฉ่วหานยังถือดาบไม้อยู่ เขาจึงตกตะลึง เพราะคนที่ถือดาบไม้ก็คือคนปราบสิ่งชั่วร้าย มันเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดในการบ่งบอกตัวตนของพวกเรา
ไอ้หมอผีคนนั้นเห็นพวกเราเป็นคนวงใน เขาจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย มือทั้งสองข้างเสกคาถาอย่างรวดเร็ว
ไฟสีเขียวที่เผาไหม้ในกระถางธูป และเปลวไฟสีเขียวจากตะเกียง พวกมันก็ได้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
และในเวลานี้ หมอผีคนนั้นกลับค่อยๆลุกขึ้น
ตอนนี้พวกเราสามคน ก็ได้มาถึงด้านหน้าของเขาแล้ว โดยอยู่ห่างกันประมาณ 10 เมตร
อีกฝ่ายเห็นพวกเราหยุดวิ่ง จึงพูดออกมาช้าๆ “ พวกแกเป็นใคร ”
ท่านนักพรตตู๋ที่เป็นผู้นำพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ คนปราบสิ่งชั่วร้าย ! ”
หลังจากที่หมอผีคนนั้นได้ยินคำพูดของท่านนักพรตตู๋ ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะ “ ฮ่าฮ่าฮ่า ” ออกมา “ เป็นคนปราบสิ่งชั่วร้ายนี่เอง ถึงว่าแมลงของฉันถึงไม่ได้กินอะไร เป็นฝีมือของพวกนายซินะ ! แต่เข้ามายุ่งแล้ว ก็ถือว่าเข้ามาในอาณาเขตของฉัน ! ”
“ เรื่องครอบครัวเฟิ๋ง ยังไงพวกเราก็ต้องยุ่ง ! ” ท่านนักพรตตู๋พูด
“ ยัยแก่กับเด็กนั้นไม่มีเงินหรืออำนาจ ถึงพวกแกช่วยพวกมันไป ก็ได้เงินไม่เท่าไหร่ สู้ปิดหู ปิดตา แล้วมาอยู่ข้างฉันดีกว่า ” ไอ้หมอผีนั้นทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ ตอนนี้ยังกล้าพูดแบบนั้นออกมา บอกอยากญาติดีกับพวกเรา
ดูจากความหมายที่เขาพูด เขาและครอบครัวเฟิ๋ง คงไม่ได้มีความแค้นอะไรลึกซึ้ง เพียงแค่ถือโอกาสฆ่าก็เท่านั้น
ส่วนเรื่องที่ทำไมต้องฆ่าพวกเขา ตอนนี้พวกเรายังไม่รู้แน่ชัด
แต่จากท่าทางของเขา นอกจากฝึกวิชามารแล้วเขาอาจจะสามารถสอนพวกแมลงได้
ในฐานะที่พวกเราเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่เห็นด้วย
สำหรับผู้ชายที่เสียสติคนนี้ ยังไงพวกเราก็ต้องลงโทษเขา
สีหน้าของท่านนักพรตตู๋เย็นชาลงทันที “ เอาคนต่ำๆอย่างแกมาเป็นพวก มันคุ้มค่างั้นซิ ”
เมื่อหมอผีได้ยินท่านนักพรตตู๋พูดแบบนั้น เขาก็ไม่คิดจะไว้หน้าอีก สีหน้าของเขาเคร่งขรึมลงทันที
เขาแสดงสีหน้าโกรธจัด “ ฮึ ! ไม่รู้จักการให้เกียรติ ไร้มารยาทรีบไสหัวออกไป พวกเราเดินกันคนละทาง ถ้าไม่งั้น…… ”
“ ไม่งั้นอะไร ” ท่านนักพรตตู๋ไม่เกรงกลัว เขาถามกลับทันที
“ ฮึฮึ ไม่งั้นฉันจะให้พวกแกกลายเป็นอาหารแมลงของฉัน ” สีหน้าของผู้ใหญ่บ้านเรียบนิ่ง วินาทีนั้นมือสองข้างของเขากลับประสานเข้าด้วยกัน
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเสกคาถาเสร็จ พวกเราก็หวาดระแวงทันที
แต่ไม่รอให้พวกเราได้เคลื่อนไหวอะไร หมอผีคนนั้นก็ตะโกนออกมาทันที “ เพี๊ยง ! ”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา กระถางธูปที่อยู่ด้านหน้าเขา ก็ “ ตูม ” ระเบิดเปลวไฟสีเขียวทันที
ขณะที่เปลวไฟสีเขียวปรากฎขึ้น กลิ่นแปลกๆก็ล่องลอยขึ้นในอากาศ
พวกเราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไร จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ท่านนักพรตตู๋กลับพูดเตือนเบาๆ “ ระวัง อย่าให้โดนเจ้านี้ปล่อยแมลงใส่ละ ! ”
ผลลัพธ์เสียงของท่านนักพรตตู๋เพิ่งเงียบลง จู่ๆเสียงคำรามของอะไรบางอย่าง ก็ดังขึ้นมาจากบ่อปุ๋ยหมักที่อยู่ถัดไปจากตัวหมอผี
“ คา…… ”
เสียงนี้ดังมาก แต่กลับดังมาจากที่ไกลมาก
และขณะที่เสียงนี้ดังขึ้น กลิ่นเหม็นเน่า ก็เริ่มกระจายตัวออกมาเรื่อยๆ
หลังจากที่ได้ยินเสียงนี้ หัวใจของผมก็อดไม่ได้ที่จะเต้นแรง วินาทีนั้นผมสัมผัสได้ถึงลางร้าย
เฟิงเฉ่วหานพูดด้วยความสงสัย “ ในนั้น ในนั้นมีอะไรอยู่ ! ”
เสียงของเฟิงเฉ่วหานเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นพวกเราก็เห็นหนอนตัวสีแดงคลานขึ้นมาจากบ่อ
ตอนแรกหนอนพวกนั้นตัวเล็กมาก แต่พอผ่านไปไม่นาน หนอนไม่รู้จักกี่ตัวต่อกี่ตัวก็คลานขึ้นมาอย่างหนาแน่น
และหลังจากที่หนอนพวกนี้ปรากฎตัว ทุกตัวก็คลานขึ้นไปบนตัวหมอผีทันที
จากเท้าขึ้นไป หลังจากนั้นไม่นาน ทั่วทั้งตัวของเขาก็เต็มไปด้วยหนอน เหลือเพียงช่องว่างของตาและจมูกเท่านั้น
เมื่อมองภาพหนอนสีแดงกำลังคืบคลานอยู่บนตัวเขา สภาพที่มันรวมตัวกันเป็นชั้นๆ พวกเราทุกคนก็ยืนอึ้งทันที
ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกเสียวที่หนังหัว ขนลุกแล้วลุกอีก
ภาพ ภาพนี้มันน่าสยดสยองเกินไป และเจ้านี้คิดจะทำอะไร ทำไมต้องให้หนอนทั้งหมดมาอยู่บนตัวเอง
หมอผีคนนั้น กลับหัวเราะ “ ฮึฮึฮึ ” ดูเหมือนเขากำลังได้ใจ
แม้ว่าท่านนักพรตตู๋จะเคยผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก แต่เมื่อเห็นภาพนี้ เขาเองก็สติหลุด ยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนเช่นกัน
พวกเราคิดว่านี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดแล้ว แต่พวกเรายังไม่รู้ เพราะนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
หลังจากที่หนอนปรากฎตัว และปีนขึ้นไปบนตัวหมอผีเรียบร้อยแล้ว
จู่ๆที่ปากบ่อปุ๋ยหมัก ก็มีหัวของหนอนสีแดงขนาดกลางโผล่ออกมา
หัวของหนอนตัวนั้น ยังมีหนวดสีแดงสองเส้น ขณะนี้มันกำลังขยับอย่างต่อเนื่อง และด้านบนนั้นยังมีดวงตาของแมลงอยู่ด้วย
“ นั้น นั้นมันตัวอะไร ! ” เมื่อผมเห็นภาพแปลกประหลาดปรากฎขึ้นอย่างกระทันหัน ผมก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
เมื่อท่านนักพรตตู๋และเฟิงเฉ่วหานเห็น ในใจของพวกเขาก็มีเสียงดัง “ กึก ” พวกเขาอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
นี่ นี่เหมือนจะเป็นแมลงชนิดหนึ่ง แต่แมลงตัวนี้ ก็ตัว ตัวใหญ่เกินไปนะ
ขณะที่พวกเรากำลังตกตะลึง เจ้าหนอนยักษ์ตัวนั้นก็ค่อยๆคลานออกมาจากบ่อ
เจ้าแมลงตัวนั้นตัวใหญ่มากจริงๆ ตัวของมันใหญ่เท่าอ่างล้างหน้าใบหนึ่ง รูปร่างเหมือนหนอน แต่กลับมีผิวสีแดงเข้ม
ขณะที่มันกำลังคลานออกมา พวกเราก็พบว่าลำตัวของมันยาวเกือบ 5 เมตร และมันยังคำราม “ คาคาคา ” ออกมาจากปากที่มโหฬารของมัน
โลกที่แสนกว้างใหญ่ มีเรื่องที่ไม่คาดคิดอยู่มากมาย แต่หนอนที่ใหญ่ถึงขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเคยเห็น
และขณะที่มองดูหนอนยักษ์ ผมก็รู้สึกไม่สบายตัว และช็อกกับภาพตรงหน้า
เวลานี้พวกเราสามคนตกใจจนก้าวขาไม่ออก และหมอผีที่มีหนอนสีแดงห่อคุ้มตัวเอาไว้ ยังหัวเราะ “ ฮึฮึ ” ออกมา
เขามายืนตรงหน้าของหนอนยักษ์ เอื้อมมือออกไปลูบหัวหนอนยักษ์ ในเวลาเดียวกันพูดด้วยเสียงที่น่าขนลุก “ พวกแกเป็นคนแรกที่ได้เห็นนางพญาของฉัน แต่ไม่นานหรอก เดี๋ยวพวกแกก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของนางพญาแล้ว…… ”