ตอนที่ 174 เหตุผลของผู้ใหญ่บ้าน
เมื่อผมและเฟิงเฉ่วหานได้ยินท่านนักพรตตู๋พูดแบบนั้น พวกเราก็ไม่ลังเลเลยสักนิด รีบหยิบผงชาดออกมาจากกระเป๋า
พวกมันมีจำนวนไม่มาก การที่พวกเราพกเจ้าสิ่งนี้ติดตัว ก็เป็นเพราะบางครั้งต้องใช้มัน ในการวาดยันต์
ท่านนักพรตตู๋กดหมอผีเอาไว้ ในเวลานี้เมื่อเห็นพวกเราหยิบผงชาดออกมา เขาก็พูดอีกครั้ง “ หาน้ำมาละลายพวกนั้น ! อีกเดี๋ยวฉันจะทำให้เจ้านี้ได้ทรมาน ”
หลังจากพูดจบ ท่านนักพรตตู๋ก็หมุนดาบไม้ในมือ
มือของหมอผีถูกแทง จนติดอยู่กับพื้นอยู่แล้ว เมื่อดาบเริ่มหมุนตัว เขาก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“ อ๊ากกก…… ”
แต่ท่านนักพรตตู๋กลับทำหน้าตาไม่แยแส เพียงมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา
ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านนักพรตตู๋ก็สามารถลงมือฆ่าเขาได้ทันที
ดังนั้นการไว้ชีวิตเขาในเวลานี้ ก็น่าจะเพราะมีคำถามที่ต้องการคำตอบจากปากของเขา
และสถานที่ที่พวกเราอยู่ ก็ยังห่างไกลจากความเจริญ เป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่าที่แม้แต่นกตัวเดียวก็ยังไม่อยากมาทำรัง แล้วทำไมจู่ๆถึงมีผู้ควบคุมแมลงพิษออกมาปรากฎตัวได้ละ
และอีกฝ่ายยังต้องการฆ่าคน ฆ่าครอบครัวเฟิ๋งที่เป็นเพียงคนธรรมดาใช้ชีวิตรากหญ้าไปวันๆ
อีกอย่าง เจ้าหมอนี้ยังมีพรรคพวกคนอื่นๆอีกรึเปล่า
ในฐานะคนปราบสิ่งชั่วร้าย เรื่องที่พวกเราเจอบนโลกใบนี้ จะต้องจัดการให้ชัดเจน
ผ่านไปไม่นาน ผมและเฟิงเฉ่วหานก็ไปหารอบๆทันใดนั้นพวกเราก็เจอขวดน้ำขวดหนึ่งถูกวางทิ้งเอาไว้ พวกเราจึงใช้มันตักน้ำ จากนั้นก็ใส่ผงชาดลงไป
หลังจากผงชาดผสมเข้ากับน้ำแล้ว ผมก็ยื่นมันไปทางท่านนักพรตตู๋
“ ท่านลุง…… ”
ผมตะโกน ท่านนักพรตตู๋เห็นผมวิ่งเข้ามาพร้อมขวดน้ำ เขาก็พยักหน้าให้ “ เสี่ยวฝาน นายมากดดาบนี่เอาไว้ ! ”
ขณะที่พูด เขาก็หยิบขวดน้ำไปจากมือของผม
ส่วนผมก็รีบเข้าไปกดดาบอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวด ทำให้เจ้าหมอนั้นไม่สามารถขยับตัวได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถเสกคาถาได้
บวกกับพลังของแมลงที่หายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาในเวลานี้ไม่กล้าเหมือนก่อนหน้านี้
ไม่เพียงแต่ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อจะลดลงไปมาก มันยังส่งผลข้างเคียงบางอย่าง เห็นได้ชัดว่าเขาอ่อนล้ามาก เหมือนกับคนที่ไม่ได้นอนติดกันมาห้าวัน
แต่หนอนพวกนั้น ยังคลานอยู่บนตัวของเจ้าหมอนี้ ไม่ยอมกระจายตัวออกไปเลยสักนิด
เพราะอีกฝ่ายไม่สามารถเสกคาถาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถสั่งหนอนพิษให้โจมตีพวกเราได้อีกครั้ง
พวกเราจึงไม่กังวลเรื่องที่หนอนพิษจะพ่นพิษใส่ แต่เพื่อความปลอดภัย ทุกคนจึงทำอะไรอย่างระมัดระวัง
ตอนนี้ท่านนักพรตตู๋กำลังถือขวดน้ำชาดอยู่ จากนั้นเขาก็พูดกับหมอผีว่า “ หนอนบนตัวของแกน่าขยะแขยงจริงๆ ข้าขอวางยาพิษพวกมันหน่อยนะ ! ”
หลังจากพูดจบ ท่านนักพรตตู๋ก็เทน้ำชาดลงบนตัวของหมอผี
น้ำชาดเพิ่งสัมผัสตัวของหมอผี น้ำพวกนั้นก็กระจายตัวออก
ตัวหมอผีคนนั้นไม่เป็นอะไร แต่หนอนพิษที่อยู่บนตัวของหมอผี ในเวลานี้พวกมันกลับเหมือนโดนน้ำมันลวก พวกมันต่างดิ้นพล่าน คลานอย่างไม่เป็นสุข
บริเวณที่เทน้ำชาดลงไป พวกหนอนพิษต่างรีบคลานออกอย่างรวดเร็ว
ส่วนหนอนพิษที่โดนน้ำชาด หลังจากพวกมันดิ้นไปมาสองสามครั้ง ก็ตายลงตรงนั้นทันที
หลังจากนั้นน้ำชาดจำนวนมากก็ถูกสาดลงบนตัวของหมอผี หนอนพิษที่อยู่บนตัวของเขา ก็รีบคลานออกไปรอบๆ
เพราะมันมีจำนวนมาก เฟิงเฉ่วหานจึงก่อกองไฟขึ้นมาอีกหนึ่งกอง เขาใช้ไฟเผาพวกมัน
หมอผีคนนั้นเห็นพวกเราเผาหนอนตายไปกว่าครึ่ง ท่าทางของเขาจึงดูกระสับกระส่ายมาก เขาตัวสั่นไปทั้งตัว ขณะเดียวกันก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง “ อย่า อย่าฆ่า อย่าฆ่าหนอนของฉัน อย่า…… ”
เมื่อท่านนักพรตตู๋ได้ยินคำพูดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่พูดว่า ฮึ อย่างเย็นชา “ ความตายมาถึงแล้ว แกยังจะเป็นห่วงหนอนของแกอีกงั้นเหรอ ”
ผลลัพธ์เสียงของเขาเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นหมอผีคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย เขามองท่านนักพรตตู๋ด้วยสายตาที่เครียดแค้น “ ไม่มี ไม่มีหนอนแล้ว ฉัน ฉันก็ต้องตาย…… ”
จู่ๆก็ได้ยินคำพูดนี้ พวกเราจึงตกตะลึงทันที
หนอนไม่ใช่แค่แมลงที่แกเลี้ยงไว้เหรอ หนอนตาย ก็ไม่ใช่ว่าตัวแกตายซะหน่อย
จากนั้นพวกเราก็ได้ยินท่านนักพรตตู๋พูดออกมาอีกครั้ง “ หมายความว่าอะไร คนควบคุมแมลงพิษอย่างพวกแก ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดในการเลี้ยงแมลงพิษเหรอ ”
เมื่อหมอผีได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ร้องไห้ออกมา แต่ในปากกลับหัวเราะ “ ฮ่าฮ่าฮ่า ” ด้วยความขมขื่น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังสิ้นหวังมาก
“ ฉันกำลังป่วย ฉันต้องใช้หนอนพวกนี้ ถ้าไม่มีหนอน ฉันก็จะตายอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับเรื่องที่นางพญาถูกฆ่า สำนักเชิ่งไม่มีทางปล่อยพวกแกไปแน่…… ”
แต่หลังจากที่พวกเราได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย พวกเราก็แสดงสีหน้ามึนงงทันที
ป่วย ต้องใช้หนอน สำหนักเชิ่ง นี่มันเรื่องอะไรกัน
หรือว่าเจ้าหมอนี้กับเพื่อนสมัยประถมของผมจางจึเทาจะเป็นสมาชิกในองค์กรตาผีนั้น
เพราะป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย จึงเข้าไปในองค์กรชั่วร้าย ใช้วิธีที่ผิดมนุษย์ หรือวิชามารในการรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้
เพิ่งคิดถึงเรื่องพวกนี้ได้ ผมก็ไม่รอให้ท่านนักพรตตู๋ได้พูดออกมาอีกครั้ง ทันใดนั้นผมก็ชิงถามก่อนทันที “ แกป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย หนอนก็คือยาของแก แกทำเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ เลยไปเข้าสำนักที่เลี้ยงแมลงพิษพวกนี้สินะ ”
ผมถามด้วยข้อสรุปของตัวเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าถูกรึเปล่า
แต่หลังจากที่หมอผีได้ยิน ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็ส่องประกายอย่างรวดเร็ว
เขาหันมามองหน้าผม จากนั้นก็พูดด้วยความตื่นเต้น “ ชะ ใช่ นาย นายรู้ไหมว่าฉันเป็นผู้ใหญ่บ้านที่ดี ที่ดีคนหนึ่ง ชีวิตของฉัน ชีวิตของฉันทำเพื่อชาวบ้านมาโดยตลอด ”
“ แต่ฉันป่วยหนัก ไม่มีเงินไปรักษา ฉันจึงต้องใช้นางพญารักษาโรคให้ ขอแค่ฉันยังมีชีวิต ฉันก็ยังเป็นผู้นำให้กับหมู่บ้านเฟิ๋งเจียโกวของพวกเราต่อ พาชาวบ้านเดินไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง หลุดพ้นจากความยากจน ”
“ และฉันยังทำข้อตกลงกับโรงงานแปลรูปผักเอาไว้แล้วหนึ่งโรง ต่อไปหมู่บ้านของพวกเราก็จะปลูกผักกาด หมู่บ้านของพวกเรามีพื้นที่กว้างขวาง ถ้าปลูกได้จำนวนมาก ก็จะสามารถเก็บผลผลิตได้ถึงสองเท่า หรือสามสี่เท่าก็ว่าได้ ดังนั้น ดังนั้นฉันยังตายไม่ได้ ฉันยังตายไม่ได้ นายรู้ไหม นายรู้ไหม ”
เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย อีกฝ่ายก็แทบตะคอกออกมา และทำท่าทางเหมือนจะกรีดร้อง
ดูเหมือนเขาจะเจ็บปวดอย่างมาก ที่พวกเราไปทำลายแผนการอันแสนร่ำรวยของหมู่บ้านพวกเขา
เฟิงเฉ่วหานเลิกคิ้วขึ้น “ เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา ทุกคนต้องเผชิญ และอีกอย่างแกเลี้ยงแมลงพิษก็จบแล้ว ทำไมยังต้องฆ่าครอบครัวเฟิ๋งอีกละ ”
“ นางพญา นางพญาโตขึ้นเรื่อยๆ พวกมัน พวกมันต้องการเลือดคน และสองแม่ลูกนั้น ก็ยังเป็นภาระของหมู่บ้าน ไม่มีเงินไม่มีอำนาจ ตายไปก็ไม่มีใครสน ถ้าฉันไม่เลือกฆ่าพวกมันแล้วจะฆ่าใครได้ละ ”
หมอผีคนนั้นพูดอย่างชัดเจน มันดูสมเหตุสมผล จนเหมือนกับสิ่งที่ตัวเองทำเป็นสิ่งที่ถูก
ผลลัพธ์เสียงของเขาเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นเท้าของท่านนักพรตตู๋ก็ประทับลงที่หน้าของเจ้าหมอนั้น
“ ไร้สาระ ! พูดจาเหลวไหล ! คิดจะฆ่าคน แล้วยังสร้างเหตุผลหลอกตัวเอง ! ชะตาชีวิตความเป็นความตายขึ้นอยู่กับสวรรค์ หรือแกไม่เคยได้ยินฮะ แล้วก็เรื่องปลูกผักกาด มีคนแบบแกต่อไป ถึงจะปลูกต้นเงินต้นทองมันก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น บอกมา ว่าสำนักเชิ่งหน้าตาเป็นยังไง จะไปหาพวกมันได้จากที่ไหน แล้วก็ ใครเป็นคนถ่ายทอดวิชาเลี้ยงแมลงพิษให้กับแก มีเงื้อนไขอะไรแลกเปลี่ยนอีก…… ”
ท่านนักพรตตู๋พูดอย่างเย็นชา เขาทำให้เหตุผลของหมอผี กลายเป็นคำพูดหลอกลวง
ผลลัพธ์หมอผีคนนั้นกลับจ้องท่านนักพรตตู๋ “ ฉันเพิ่งเข้าสำนักเชิ่งไม่นาน แต่ฉันเข้าใจกฎดี ! อีกอย่างนางพญาก็ตายไปแล้ว ฉันก็ไม่อยากมีชีวิตต่อ ฉันไม่พูดแน่นอน จะฆ่าก็ฆ่า อยากทำอะไรก็เชิญ…… ”