ตอนที่ 176 ปล่อยเหยื่อ
ตอนท่านนักพรตตู๋พูดว่าให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย เขาได้หมดความอดทนแล้ว
แต่หมอผีคนนั้นปากแข็งมาก ถึงท่านนักพรตตู๋จะพูดถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็ยังไม่ยอมพูดออกมา
“ ฉัน ฉันไม่พูด พอฉันตายแล้ว ร่างก็จะถูกส่งกลับไปที่สำนักเชิ่ง เพื่อคารวะท่านราชาแมลง ! ” หมอผียังปากแข็ง
นักพรตตู๋เห็นเขาเป็นแบบนั้น จึงหยิบยันต์ออกมาหนึ่งแผ่น “ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็อย่าโทษว่าข้าทำเกินไปก็แล้วกัน ! ”
หลังจากพูดจบ ท่านนักพรตตู๋ก็เสกคาถาด้วยมือข้างเดียว นำยันต์ในมือ แปะลงไปที่หลังของหมอผี
ในเวลาเดียวกันพวกเราก็ได้ยินท่านนักพรตตู๋ตะโกนว่า “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง เพี๊ยง ! ”
เสียงเพิ่งเงียบลง “ ตูม ” ทันใดนั้นยันต์ก็ระเบิดออก กลายเป็นแสงสีขาวเข้าไปในตัวของหมอผี ยันต์แผ่นนี้ไม่ได้ระเบิดจนน่ากลัว
มันเป็นยันต์ปัดเป่าชนิดหนึ่ง หลังจากที่ยันต์ระเบิดออก
ดวงตาของหมอผีคนนั้นก็เบิกกว้าง เผยสีหน้าที่หวาดกลัวออกมา
เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายตัว ทรมานมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายเริ่มสั่นไปทั้งตัว
ท่านนักพรตตู๋ส่งสายตามาทางผม ส่งสัญญาณให้ผมดึงดาบไม้ออก ไม่ต้องกดเขาเอาไว้แล้ว
เมื่อเห็นสายตาของท่านนักพรตตู๋ ผมก็ดึงดาบไม้ออกทันที
ดาบไม้เพิ่งถูกดึงออกมา ทันใดนั้นหมอผีก็กรีดร้องอย่างรุนแรง “ อ๊ากกก ! ”
เขาเจ็บปวดผิดปกติ เลือดสดๆไหลออกมาไม่หยุด
เพราะเขาดิ้นทุรนทุราย จึงทำให้ตาข่ายดำที่รัดเขาเอาไว้ กางออก
ทันใดนั้น เขาก็เริ่มกลิ้งไปมากับพื้น ในปากยังกรีดร้อง “ อ๊ากอ๊ากอ๊าก ” อย่างต่อเนื่อง
“ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้าน…… ” ครอบครัวเฟิ๋งกระวนกระวายมาก พวกเขากลัวผู้ใหญ่บ้านจะตายจริงๆ เพราะเมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาจะไม่สามารถอยู่ในหมู่บ้านได้อีกต่อไป
แต่ถ้าพูดในทางกลับกัน ดึกดื่นขนาดนี้ แถมที่นี่ยังเป็นที่รกร้าง แม้เจ้านี้จะตายอยู่ที่นี่ นอกจากพวกเราแล้วใครจะไปรู้
แต่หลังจากเสียงกรีดร้อง ของหมอผีเงียบลง เขาก็พูดออกมาอีกครั้ง “ แก แกทำอะไรกับตัวฉัน ! ท้องของฉัน มัน มันปวดมากๆ…… ”
ขณะที่พูด เขาก็กุมท้องแล้วดิ้นไปมา
ผมและเฟิงเฉ่วหานเองก็ไม่มั่นใจว่าเจ้านี่เป็นอะไร พวกเราจึงหันไปมองท่านนักพรตตู๋
แต่ท่านนักพรตตู๋กลับพูดออกมาเบาๆ “ ยันต์แผ่นนี้กับน้ำชาดที่แกเพิ่งดื่มเข้าไปเมื่อกี้ สามารถขับแมลงผู้พิทักษ์ของแกออกมาได้ รอให้แกไม่มีแมลงผู้พิทักษ์อยู่ในตัวก่อนเถอะ ฉันจะดูซิว่าแกจะตายยังไง…… ”
แมลงผู้พิทักษ์ เมื่อได้ยินสี่คำนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้า
ผมเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผู้ควบคุมแมลงที่แข็งแกร่ง พวกเขาได้ทำสัญญากับพวกแมลงหลายปี ว่าจะยอมให้ถูกกัดกินอะไรประมาณนั้น
ต่อมา พวกเขาก็เริ่มไม่เลี้ยงสิ่งต่างๆที่ไม่เป็นอันตรายต่อตัวเอง หรือแม้แต่เลี้ยงแมลงผู้พิทักษ์
แต่นำแมลงผู้พิทักษ์เข้าไปอยู่ในร่างกาย จากนั้นก็เลี้ยงมันเป็นต้นมา แม้แต่โรคภัยหรือพิษร้ายก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าหวาดกลัวสำหรับพวกเขาอีกต่อไป
ขอแค่แมลงผู้พิทักษ์ยังอยู่ในร่างกาย มันก็จะช่วยขับพิษและรักษาร่างกาย เรื่องนี้น่าอัศจรรย์มากๆ
และในบรรดาแมลงผู้พิทักษ์ พวก “ หนอนเงิน หนอนทอง ” จะค่อนข้างมีชื่อเสียง ผมเคยได้ยินมาว่าแมลงผู้พิทักษ์เหล่านี้เป็นหนอนที่เกิดบนเทือกเขาหิมะ
ถ้าเลี้ยงหนอนชนิดนี้เอาไว้ในร่างกาย คนๆนั้นก็จะสามารถต้านพิษได้เกือบร้อยชนิด
แม้จะเป็นแบบนั้น แต่ถ้าไม่มีแมลงผู้พิทักษ์แล้วพวกมันตายไป หรือผู้ที่เป็นเจ้าของไม่สามารถหาแมลงผู้พิทักษ์ตัวใหม่ได้ทันเวลา เขาก็จะตายอย่างน่าอนาถ
แน่นอน นี่เป็นเพียงเรื่องเล่า ส่วนจะเป็นแบบนั้นจริงไหม ผมยังไม่รู้เลยว่าบนโลกนี้มีแมลงผู้พิทักษ์อยู่จริงไหม แล้วมีผลข้างเคียงแบบนั้นจริงรึเปล่า ตอนนี้ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น
แต่เมื่อหมอผีได้ยินท่านนักพรตตู๋พูดแบบนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที “ แก แกคิดจะ ฆ่าแมลงผู้พิทักษ์ของฉัน แก แกมันโหดร้ายเกินไปแล้ว…… ”
“ โหดเหรอ พวกเราโหดกว่าคนควบคุมแมลงพิษอย่างพวกแกงั้นเหรอ ” ท่านนักพรตตู๋หัวเราะฮ่าๆ
แต่ในวินาทีนั้น เหมือนหมอผีคนนั้นจะหายใจเข้าหนึ่งครั้ง “ ฟู่ ” ไปทางท่านนักพรตตู๋ ทันใดนั้นเลือดสีเขียวสด ก็พุ่งออกมาจากปากของเขา
เมื่อพิษนี้ออกมา ผมก็ขมวดคิ้ว แสดงท่างหวาดกลัวออกมาทันที
“ ท่านนักพรตตู๋ระวัง ! ”
แต่ขณะที่ผมกำลังพูด ท่านนักพรตตู๋ก็ถอยไปข้างหลังแล้ว ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะพ่นพิษออกมา
หลังพิษนี้ถูกพ่นออกมา หมอกพิษสีเขียวก็กระจายตัวออก
ขณะที่ท่านนักพรตตู๋กำลังถอยหลัง เขาก็ใช้มือข้างหนึ่งจับตัวครอบครัวเฟิ๋งเอาไว้ ให้ถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
แต่หมอผีที่พ่นพิษคนนั้น กลับหมุนตัว และวิ่งไปทางภูเขาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นภาพนี้ เฟิงเฉ่วหานก็พูด ฮึ ออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นก็กำดาบไม้วิ่งตามเขาไปทันที
ผมเห็นเฟิงเฉ่วหานไล่ตาม ผมจึงเตรียมตัวตามไปบ้าง
กว่าจะจัดการเจ้าหมอนี้ได้ ตอนนี้จะให้มันหนีไปง่ายๆได้ยังไง
ผลลัพธ์ท่านนักพรตตู๋กลับรีบตะโกนออกมาว่า “ ไม่ต้องตามไปแล้ว…… ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมและเฟิงเฉ่วหานก็หยุดวิ่ง
ในเวลาเดียวกันก็หันมามองท่านนักพรตตู๋ ! ตอนนี้พวกเราต่างยืนอยู่นอกวงหมอกพิษ และสามารถรักษาระยะที่ปลอดภัยเอาไว้ได้
“ ท่านลุงตู๋ ถ้าไม่รีบตามไปจะไม่ทันแล้วนะครับ ! ” ผมพูดพร้อมกับมองหมอผีที่วิ่งไปทางภูเขา
ท่านนักพรตตู๋คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ถ้ามันไม่หนี แล้วจะพาพวกเราไปหาคนที่รวมหัวกับมันได้ยังไงละ”
“ฮะ ท่านลุงตู๋คิดจะใช้มันเหยื่อล่อเหรอครับ” ผมพูดด้วยความสงสัย
ขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด ท่านนักพรตตู๋ได้วางแผน ไว้ล่วงหน้าแล้ว เรื่องพวกนี้ล้วนอยู่ในแผนการของเขาทั้งนั้น
“หมอผีคนนี้เป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดาๆคนหนึ่ง ห่างไกลจากผู้ควบคุมแมลงพิษมาก”
“ การควบคุมแมลงพิษเหล่านี้ต้องมีคนสอน ถ้าไม่หาคนๆนั้นให้เจอ ถึงพวกเราจะจัดการผู้ใหญ่บ้านคนนี้ได้ ในอนาคตก็จะมีเขาคนที่สอง คนที่สามเกิดขึ้นอีก……. ” ท่านนักพรตตู๋อธิบายอย่างละเอียด ขณะเดียวกันก็มองเงาของผู้ใหญ่บ้านที่หายลับเข้าไปในป่าลึก
ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านจากไป หนอนที่กระจายตัวอยู่รอบๆบ่อปุ๋ยหมัก ก็ได้ดิ้นทุรนทุราย จากนั้นก็ตายลงตรงนั้นทันที
นี่เพิ่งผ่านไปไม่นาน รอบๆก็ไม่มีหนอนตัวไหนยังมีชีวิตอยู่แล้ว !
ท่านนักพรตตู๋เห็นผมมองหนอนที่ตายอยู่บนพื้น เขาจึงพูดกับผมอีกครั้ง “ ไม่ต้องไปสนใจหนอนพวกนี้ พอนางพญาและผู้ใช้วิชาไม่อยู่ ผ่านไปไม่นาน พวกมันก็จะตาย ”
หลังจากพูดจบ ท่านนักพรตตู๋ก็หันไปมองครอบครัวเฟิ๋งอีกครั้ง “ พวกเจ้าสบายใจได้ ในเมื่อพวกข้าลงมือแล้ว ยังไงก็จะทำให้ถึงที่สุด พวกเจ้าไม่ต้องกลัวผู้ใหญ่บ้าน และยิ่งไม่ต้องไปกลัวครอบครัวของเขา ตอนนี้ข้ามียันต์อยู่สองแผ่น พวกเจ้าเอากลับไปแปะที่บ้าน แล้วก็ นี่คือนามบัตรของข้า มีเรื่องอะไรก็โทรมา จำเอาไว้ไม่ว่าใครก็ทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้ ! ”
หลังจากพูดจบ ท่านนักพรตตู๋ก็ยื่นยันต์และนามบัตรให้กับพี่เฟิ๋ง
แม่ลูกแซ่เฟิ๋งหวาดกลัวมาก พวกเขายืนตัวสั่นไม่หยุด
แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว แม้พวกเขาจะไม่อยากให้ผู้ใหญ่บ้านโกรธแค้น แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกแล้ว
พวกเขาจึงรับยันต์และนามบัตรไป จากนั้นก็พูดขอบคุณพวกเราพร้อมกับน้ำตา
เพราะพวกเรายังมีเรื่องต้องไปทำ ดังนั้นท่านนักพรตตู๋จึงบอกให้ครอบครัวเฟิ๋งกลับไปก่อน
แต่บอกพวกเขาว่าคืนนี้ห้ามอยู่ที่บ้าน รอให้ถึงพรุ่งนี้ค่อยกลับไป
ทั้งสองคนเองก็พยักหน้ารับ หลังจากนั้นท่านนักพรตตู๋ก็หยิบเข็มทิศออกมาจากกระเป๋า เขามองมันครู่หนึ่ง ขณะเดียวกันก็ท่องอะไรบางอย่างออกมา หลังจากนั้นก็พูดกับผมและเฟิงเฉ่วหานว่า “ เวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว ไป ตอนนี้พวกเราจะไปตามล่าเขากัน ! ”
หลังจากพูดจบ ท่านนักพรตตู๋ก็ไม่สนใจสองแม่ลูกแซ่เฟิ๋งอีก เขาพาผมและเฟิงเฉ่วหานเดินไปตามทิศที่เข็มทิศบอกอย่างรวดเร็ว แล้วตรงเข้าไปยังภูเขาที่อยู่ห่างจากพวกเราไม่ไกล……