ตอนที่ 183 วันเกิด
วันนี้วันที่ 10 เป็นวันเกิดอายุครบ 300 ปีของมู่หลงเหยียน ตามที่ตกลงกันเอาไว้ คืนนี้ผมจะต้องไปบ้านมู่หลงที่ป่ากุ่ยหลิน
เพราะวันนี้อาจารย์อยู่ที่โรงพยาบาล ผมอยู่บ้านคนเดียว ดังนั้นผมเลยไม่ต้องรายงานเขา
เมื่อมองดูเวลา ตอนนี้ก็บ่ายสามครึ่งแล้ว เนื่องจากเวลายังไม่ค่ำมาก ดังนั้นผมจึงนั่งพิงที่โซฟา คิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงหลายวันมานี้
เมื่อคิดว่าตัวเองเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย การเดินทางบนถนนเส้นนี้ มันไม่ได้ราบรื่นเสมอไป หรืออาจพูดได้ว่ามีหลุมเยอะแยะเต็มไปหมด
และเส้นทางนี้ ก็ไม่เหมาะกับคนทั่วไปจริงๆ เพราะมันเต็มไปด้วยอันตราย ชีวิตก็แขวนอยู่บนเส้นด้าย สามารถตายได้ทุกเมื่อ
ไม่น่าแปลกใจที่อาจารย์ไม่ยอมให้ผมเข้ามาทำงานนี้ ในระยะ 20 ปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยสอนวิชา และไม่ชวนผมเข้ามาในสายงานเลยสักครั้ง
เมื่อเข้ามาแล้ว ผมถึงได้รู้ว่าภายในนี้มันน่ากลัวและอันตรายขนาดไหน ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจความทุกข์ของอาจารย์แล้ว
ช่วงเดือนนี้ ผีทารก หมอผี ผู้ควบคุมแมลงพิษ ผมก็ล้วนเจอมาหมดแล้ว และในทุกๆครั้งผมก็ต้องเผชิญกับอันตราย
ดูเหมือนหลายวันมานี้อาการของท่านนักพรตตู๋เริ่มคงที่แล้ว ด้วยความช่วยเหลือของคนอื่นๆ จึงทำให้เขาสามารถลุกออกจากเตียงได้แล้ว
ถ้าผ่านไปอีกสองสามวัน เขาก็น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว นี่จึงทำให้ทุกคนรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
แต่ไม่รู้ว่าในอนาคต พวกเราจะต้องเจอกับเรื่องอันตรายอีกรึเปล่า
แต่ ก่อนหน้านั้น พวกเราจะต้องมีลมหายใจต่อไป เพราะแค้นนี้จะต้องชำระ
ช่วงสองสามวันมานี้ ทุกคนต่างถกเถียงเรื่องกุ่ยซานหยวน
จนในที่สุดพวกเราก็ได้ข้อสรุป ขอแค่ไอ้ชั่วนั้นยังอยู่ สักวันพวกเราก็ต้องเจอกัน
และเมื่อถึงเวลานั้น พวกเราก็อาจจะไม่มีจุดจบแบบนั้นอีก
ดังนั้นอาจารย์และเหล่าฉินจึงร่วมกันวางแผน พวกเขาคิดจะหาเบาะแสของกุ่ยซานหยวนให้เจอก่อน จากนั้นก็ค่อยคิดวิธีจัดการเจ้าหมอนี้
ไม่อย่างนั้นนี่ก็เป็นแค่…เม็ดหนึ่ง ที่จะมาพรากชีวิตจากพวกเราได้ทุกเมื่อ
ในจุดๆนี้ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง
แม้ผมจะไม่สามารถพูดถึงมู่หลงเหยียนได้ แต่อย่าให้ผมได้เจอเจ้ากุ่ยซานหยวนอีก
ครั้งหน้าที่ได้เจอกัน ผมจะไม่ลังเล เรียกมู่หลงเหยียนออกมาช่วยทันที
ดูซิว่าเจ้าหมอนี้จะยังกล้าอวดดีอีกไหม หลังจากกำจัดเจ้าหมอผีชั่วเสร็จ พวกเราก็น่าจะกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขดังเดิม
แต่คืนนี้ที่ผมต้องไปป่ากุ่ยหลิน ก็เพื่อเล่าเรื่องนี้ให้มู่หลงเหยียนฟังอย่างละเอียด……
หลังจากคิดมาครู่หนึ่ง ผมก็นอนหลับที่โซฟาสักพัก
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าเป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆแล้ว
ในเวลานี้ผมควรออกเดินทางได้แล้ว ผมจึงลุกไปล้างหน้า เปลี่ยนชุดใหม่
จัดทรงผมที่ตัวเองคิดว่าดูดีที่สุด จากนั้นก็ถือเค้กวันเกิดไปที่ป่ากุ่ยหลิน
ผมเดินตามถนนเส้นเล็กๆ ระหว่างทางไม่เจอปัญหาอะไร
เมื่อผมมาถึงป่ากุ่ยหลิน ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว
เวลากำลังพอดี เพราะเป็นเวลาที่มนุษย์อย่างพวกเราฉลองวันเกิด ก็มักทำกันตอนเที่ยงคืน
การฉลองวันเกิดของผี ก็ตรงกับเวลาเที่ยวคืนเช่นกัน
ผมมาในเวลานี้ ยังถือว่าเร็วไปด้วยซ้ำ
ผมไม่ได้คิดมาก เดินเข้าไปในป่ากุ่ยหลินด้วยท่าทางสบายๆ
สถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนปกติ รอบๆมืดมิน เงียบสงัด และยังมีสายลมอันเยือกเย็นพัดผ่านเอื่อยๆ
แต่ขณะที่ผมกำลังเข้าสู่ส่วนลึกของป่ากุ่ยหลิน ผมกลับพบว่าภายในป่ากุ่ยหลิน โดยเฉพาะเมื่อเข้าใกล้ภูเขา บริเวรรอบๆกลับมีตุงสีขาวและโคมไฟสีขาวแขวนอยู่จำนวนมาก
และจำนวนยังไม่ใช่น้อยๆ พวกมันล้วนแขวนอยู่ที่หน้าหลุมศพจนถึงบนต้นไม้ แถมจำนวนยังมีมากกว่าร้อยอันขึ้นไป
โคมไฟสีขาวเยอะขนาดนี้ ในเวลานี้ต่างส่ายไปมาตามสายลม มองแล้วน่าขนลุกสุดๆ
ผมมองดูเค้กที่อยู่ในมือหนึ่งครั้ง จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และปิดไฟฉายลงทันที
หลังจากนั้น ผมต้องเปิดตาเพื่อเดินไปข้างหน้า
ส่วนลึกของป่า ก็คือบ้านผีของมู่หลงเหยียน
เพราะบ้านผีมักอยู่ในที่มืด ลับหูลับตาผู้คน ถ้าผมส่องไฟฉายเข้าไป ก็คงถูกมู่หลงเหยียนด่าแน่นอน
หลังจากปิดไฟฉาย ผมก็หยิบขวดน้ำตาวัวออกมาแล้วป้ายไปที่เปลือกตาของตัวเอง
ขณะที่ความเย็นปรากฎขึ้น ผมก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย
แต่ทันใดนั้น ดวงตาสวรรค์ก็เปิดออก
ระหว่างที่ตาสวรรค์เปิดออก วิวทิวทัศน์ที่อยู่รอบๆก็เริ่มสว่างขึ้น
แต่ขณะที่ผมกำลังมองสำรวจรอบๆ ทันใดนั้นร่างกายของผมก็ต้องแข็งทื่อ และเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา
เพราะผมเห็นว่า ตุงและโคมไฟสีขาวที่อยู่รอบๆไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นก่อนหน้านี้
ในเวลานี้ พวกมันกลับกลายเป็นสีแดง
บรรยากาศดูคึกคักมาก ภายใต้ดวงตาสวรรค์ โคมไฟพวกนี้ไม่ใช่แค่เปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ยังมีแสงสีแดงสะท้อนออกมา ทำให้รอบๆดูสดใสขึ้นมาทันที
จู่ๆภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไป จึงทำให้ผมแปลกใจมาก ผมอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น คิดว่านี่จะต้องเป็นผีมือของพวกมู่หลงเหยียนแน่
หลังจากมองพวกมันสักพัก ผมก็คิดว่าพวกมันไม่ได้มีอันตรายอะไร ผมจึงเดินต่อไปข้างหน้า
ยิ่งเดินไปข้างหน้า รอบๆก็มีโคมไฟสีแดงเยอะกว่าเดิม แม้จะรู้สึกแปลกๆ แต่ผมก็ยังได้ยินเสียงเพลงที่คึกคักดังมาจากส่วนหนึ่งของป่า
สถานที่ที่ส่งเสียงเพลงพวกนี้ออกมา จะต้องเป็นบ้านผีของมู่หลงเหยียนอย่างแน่นอน
ดูเหมือนคืนนี้จวนมู่หลงจะคึกคักมาก แต่ผมไม่รู้ว่าแขกที่มางานมีจำนวนเท่าไหร่
แน่นอนว่า ผมได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว
มู่หลงเหยียนเป็นผี แขกที่เธอเชิญมา ส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นผีอย่างไม่ต้องสงสัย
ผมอาจเป็นคนเพียงคนเดียว ที่ไปงานเลี้ยงของผี มันจึงทำให้ผมไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง
แต่เมื่อลองคิดดู แม้จะเป็นผีทั้งหมด แต่ผมก็จะไม่เจออันตรายอะไรเลย
ไม่ว่าจะพูดยังไง ฐานะของผม ก็คือสามีของมู่หลงเหยียน และผมยังเป็นคุณผู้ชายของจวนมู่หลง
ผมพูดในใจ และหอบหัวใจที่เต้นตุ๊มๆต่อมๆเดินตรงไปข้างหน้า
ผ่านไปไม่นาน ผมก็มองเห็นโคมไฟสีแดงหน้าจวน
ไม่ผิดแน่ นั้นก็คือจวนมู่หลง
แม้จะเคยมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ตอนที่เห็นบ้านผี ผมก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
ผมกลืนน้ำลาย สงบสติอารมณ์สักพัก จากนั้นก็เดินตรงไปที่จวนมู่หลง
จวนมู่หลงยังคงเหมือนเดิม ประตูบานมหึมา ด้านหน้าประตูมีสิงโตตัวใหญ่สองตัวตั้งอยู่ พร้อมกับถนนหินทอดยาว และข้างๆก็มีดอกไม้สีขาว สีม่วง และสีแดงประดับเรียงรายเป็นแถว
รอบๆมีเงาของใครบางคนปรากขึ้นเป็นครั้งคราว ขณะเดียวกันพวกเขาก็ถือของชิ้นใหญ่ชิ้นน้อย เดินเข้าไปในจวนมู่หลง
คนพวกนี้ปรากฎตัวออกมาจากทิศต่างๆ เท้าของทุกคนไม่แตะพื้น บางคนก็เขย่งเท้า สวมใส่ชุดคนตาย แต่งหน้าและสวมหมวกใบเล็ก
เมื่อมองดู “ คน ” พวกนี้ ในใจของผมก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ แม้ว่าจะรู้อยู่แล้ว แต่พอมาเห็นจริงๆ
ผมก็ใจเต้นไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คนพวกนี้ ไม่มีใครมีชีวิต ทุกคนล้วนเป็นผีกันทั้งนั้น
หัวใจของผมเต้น “ ตึกตึกตึก ” อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผมไม่สามารถสงบจิตใจได้เลย
ยิ่งเข้าไปใกล้จวน เสียงเพลงก็ยิ่งดังมากขึ้น แต่มันไม่ได้ทำให้ผมมีความสุข กลับกันยังรู้สึกอึดอัดยิ่งกว่าเดิม
แต่ผมยังกัดฟัน เดินไปข้างหน้าต่อเรื่อยๆ
เมื่อผมเข้ามาใกล้จวนมู่หลง ก็พบว่ายายโม่ยืนอยู่หน้าประตู ตอนนี้เธอกำลังคำนับผีที่มาตนแล้วตนเล่า
ทันใดนั้น ยายโม่ก็เห็นผม
เมื่อเห็นผมถือของยืนอยู่ใกล้ๆประตู ดวงตาของเธอก็เปล่งประกาย เผยสีหน้าดีใจออกมาทันที
เธอเข้ามาต้อนรับผม และพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง “ คุณผู้ชาย ในที่สุดคุณก็มาถึง ข้าน้อยรอท่านมานานแล้วเจ้าค่ะ ! ”
เมื่อเห็นยายโม่เข้ามาตอนรับ ผมก็ฝืนยิ้มให้เธอ “ คืน คืนนี้ คึก คึกคักจังเลยนะครับ…… ”
“ ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอนเจ้าค่ะ ! ในระยะร้อยกิโลเมตร เนินเขาสามลูกภูเขาสี่แห่ง มีสายลมผู้ทรงเกียรติที่มาร่วมอวยพรวันเกิดของคุณหนูเจ้าค่ะ ” ยายโม่พูดอย่างมีความสุข
แต่เมื่อผมได้ยินกลับตัวสั่น สีหน้าตื่นตกใจ แววตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยคำว่าไม่อยากเชื่อ
คำว่า “ สายลม ” ที่ยายโม่พูด ก็คือคำว่าผี เพียงแค่เปลี่ยนคำเรียกเท่านั้น
ผมคิดไม่ถึง ว่ายัยมู่หลงเหยียนจะมีเกียรติและชื่อเสียงขนาดนี้
ในระยะร้อยกิโลเมตร เนินเขาสามลูกภูเขาสี่แห่ง มีผีรู้จักเธอเยอะขนาดนี้เลยเหรอ……