ตอนที่ 186 เรื่องการแต่งงาน
งานเลี้ยงของมู่หลงเหยียน มีแขกจากทุกสารทิศ ทุกตนต่างเป็นสายลมที่ทรงเกียรติ !
และผีพวกนี้และมู่หลงเหยียนยังเหมือนกัน ทุกตนต่างถูกองค์กรตาผีทำร้าย หรือแม้แต่แค้นจนฝังลึก
แต่นอกจากพวกเขาแล้ว ผมกลับเป็นคนนอกคนหนึ่ง
ภายในบ้านผี ผมเป็นคนเพียงคนเดียว และตอนนี้ยังไม่รู้ว่าองค์กรตาผีมีหน้าตาเป็นยังไง หรือพูดได้ว่าไม่รู้อะไรเลยทั้งนั้น
เมื่อจู่ๆผีทุกตนเห็นมู่หลงเหยียนเรียกผมขึ้นไป “ พรึบ ” ทุกคนก็หันมามองผมทันที
“ ติงฝาน ชายคนนี้เป็นใคร ”
“ เฮ้ย เขาเป็นคนงั้นเหรอ ”
“ ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่ในเมื่อเป็นคนที่แม่นางมู่หลงเชิญมา เขาจะต้องไม่ใช่ศัตรูของพวกเราอย่างแน่นอน ! ”
“ …… ”
ตอนนั้นผมค่อนข้างตกใจ เธอเรียกผมทำไม และยังบอกให้ขึ้นไปบนเวทีขณะที่มีผีมากมายอยู่ตรงหน้าอีก
มู่หลงเหยียนเห็นผมไม่ขยับตัว เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่ผม จากนั้นก็พูดออกมาอีกครั้ง “ ติงฝาน รีบขึ้นมาเร็ว ! ”
จนกระทั่งตอนนี้ ผมเพิ่งได้สติกลับคืนมา
เมื่อเห็นมู่หลงเหยียนมองด้วยสายตาที่ดุร้าย ไหนเลยผมจะกล้าชักช้าอยู่ได้
ผมวางเค้กเอาไว้บนโต๊ะ พูดกับโจวหยุนและหวางเป่าเฉิงว่า “ ทั้งสองคน ผมไปหาเธอก่อนนะ ! ”
หลังจากพูดจบ ผมก็ลุกจากไป ขณะนั้นทุกสายตา ต่างจับจ้องผมที่เดินตรงไปบนเวที
ตอนนี้เมื่อหันกลับไปมอง ก็พบว่าโต๊ะในงานมีผีนั่งเต็มหมดแล้ว
มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่ และเด็ก แต่สีหน้าของผีทุกตนกลับขาวซีด ดูไม่มีชีวิตชีวาเลยสักนิด
พวกเขาต่างกระซิบกระซาบกันไปมา ขณะเดียวกันก็หันมามองผมด้วยความสงสัย
ผมเคยเห็นภาพแบบนี้ที่ไหนละ และด้านล่างยังเต็มไปด้วยผี
ต้องรู้ว่าถึงผมจะเคยขึ้นเวทีตอนเรียน แต่ผมยังไม่เคยพูดบนเวที
โดยเฉพาะตอนนี้ที่ถูกสายตาของผีจำนวนมากจ้องอยู่ ในใจของผมก็รู้สึกหวิวๆ และอึดอัดมาก
แต่มู่หลงเหยียนที่อยู่ข้างๆ กลับส่งสายตามาให้ผม บอกให้ผมสงบลง
เมื่อเห็นมู่หลงเหยียนทำแบบนั้น ผมก็เข้าใจทันที ห้ามโวยวาย และห้ามทำให้เธอเสียหน้า
ผมบังคับให้ตัวเองดูสง่างาม มองไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง และเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
ผมกดความกลัวเอาไว้ จากนั้นก็กล่าวทักทายมู่หลงเหยียนก่อน “ น้อยศพ สุขสันต์วันเกิดนะ ! ”
หลังจากพูดจบ ผมยังหันไปคารวะผีทุกตนที่อยู่ด้านล่างอย่างมีมารยาท “ ข้าน้อยติงฝาน การได้มาเจอทุกท่านถือเป็นเกียรติอย่างสูง ! ”
ผมดูนอบน้อมมาก พูดกับผีทุกตนด้วยความเคารพสุดๆ
ดูเหมือนท่าทางของผมจะใช้กับพวกเขาได้ผลมาก แม้จะไม่มีใครรู้จักผม แต่ท่าทีเคารพนับถือของผม กลับทำให้แขกผีๆที่อยู่ด้านล่างประทับใจในตัวผมไม่น้อย
ถ้าดูจากภายนอก ท่าทีของผมดูสงบมาก และสบายๆราวกับอยู่บ้านตัวเอง
แต่ความเป็นจริงแล้วไม่มีใครรู้ว่า ในใจของผมกำลังกระวนกระวายอย่างมาก ในมือมีเหงื่อออกเต็มไปหมด
เพราะการร่วม “ ฉลอง ” กับผีจำนวนมากขนาดนี้ และยังต้องพูดคุยกับพวกเขา ถ้าพูดว่าไม่กลัว นั้นก็คงเป็นเรื่องโกหก
แต่ถ้าพูดแบบนั้นออกไป ก็กลัวว่าจะไม่มีใครยอมเชื่อ
หลังจากมู่หลงเหยียนเห็นผมทักทาย เธอก็หันมามองผม ในเวลาเดียวกันก็พูดเบามากๆว่า “ เจ้าห่วย ทำได้ไม่เลวนิ ”
“ ฉัน…… ” ผมพูดแทบไม่ออก
แต่มู่หลงเหยียนกลับไม่สนใจผม เธอเข้ามายืนใกล้ผม จากนั้นก็พูดกับผีทุกตนว่า “ เรื่องที่สอง ก็คือเรื่องการแต่งงานของข้าน้อย ”
“ แต่งงาน ”
“ แม่นางมู่หลง แต่งงานอะไรกัน ”
“ หรือ หรือจะเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้ ”
“ …… ”
แขกที่อยู่ด้านล่างระเบิดเสียงออกมาทันที โดยเฉพาะผีชายหนุ่มสองสามตน สีหน้าของพวกเขาแสดงความหวาดกลัวออกมาทันที……
มู่หลงเหยียนไม่ได้สนใจแขกด้านล่าง เธอยังพูดต่อไป “ ใช่ค่ะ ! เรื่องการแต่งงาน ฉันกับติงฝาน แต่งงานกันได้ครึ่งปีแล้ว พวกเราสาบานว่าจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ไม่มีวันแยกจากกันค่ะ ”
ขณะที่มู่หลงเหยียนพูด แขกด้านล่างเวทีก็โวยวายขึ้นมาทันที
“ อะไรนะ แต่งงานแล้ว ”
“ ไม่มีทาง ! ติงฝานนี่น่าจะเป็นคน จะมาแต่งงานกับผีได้ยังไง ”
“ สวรรค์ ! แม่นางมู่หลงแต่งงานแล้ว…… ”
“ แม่นางมู่หลงแต่งงานกับผู้ชายคนนี้แล้ว ”
“ เป็นไปไม่ได้ เจ้าเด็กนี้มีดีอะไร ข้าชอบแม่นางมู่หลงเหยียนมาตั้งนาน หรือว่าข้าจะสู้เขาไม่ได้งั้นเหรอ ”
“ …… ”
วินาทีนั้น แม้แต่คำว่าชอบมู่หลงเหยียน ก็ยังทำให้ผมโกรธได้
ผมที่ยืนอยู่บนเวที อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ
แต่ผมไม่ได้สนใจเขาอีก ในเวลานี้ผมกลับหันไปมองหน้ามู่หลงเหยียนแทน
ในใจค่อนข้างแปลกใจ แต่ผมเข้าใจดี ว่านี่คือการแสดง
ระหว่างผมและมู่หลงเหยียน ไม่มีความรู้สึกใดๆต่อกัน จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง ล้วนมีเพียง “ ผลประโยชน์ ” ร่วมกันเท่านั้น !
แต่ ตอนที่เธอพูดคำว่า “ ไม่มีวันแยกจากกัน ” หกคำนี้ ตัวผมกลับสั่นไปแป๊บหนึ่ง พร้อมกับหัวใจที่พองโต
ผมไม่รู้ว่านี่เป็นความในใจของมู่หลงเหยียนรึเปล่า แต่คำพูดประโยคนั้น อยู่กันจนแก่เฒ่า ไม่มีวันแยกจากกัน
กลับทำให้ผมประทับใจมาก แม้แต่ความรู้สึกหวั่นไหวก็ยังมี
ช่วงเวลานั้น ผมเชื่อจริงๆว่ามันเป็นแบบนั้น แต่ความคิดนี้กลับหายไปอย่างรวดเร็ว
คิดซิตัวเรา ! พวกเราไม่มีความรู้สึกต่อกัน ทำไมมู่หลงเหยียนถึงต้องประกาศเรื่องนี้ให้ผีทุกตนรับรู้ในที่สาธารณะด้วย
และยังพูดจาแบบนั้น ทั้งหมดนี้จะต้องมีสาเหตุแน่
แต่สาเหตุที่ว่านี้จะต้องไม่เหมือนกับที่เธอพูดแน่ มู่หลงเหยียนน่าจะพูดเพราะเหตุผลบางอย่าง เธอเลยดึงผมมาเป็นเกาะกำบัง หรือวางแผนบางอย่างเอาไว้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผมก็ไม่ได้เปิดเผย
กลับกันผมยังมองไปทางมู่หลงเหยียนอย่างร่วมมือ และแววตาที่มองยังเปี่ยมไปด้วยความรัก
ผมเองก็ไม่รู้ว่าแสดงแบบนั้นออกไปได้ยังไง แต่หลังจากที่มู่หลงเหยียนเห็นแววตาของผม เธอกลับอึ้งไปในทันที
หลังจากนั้นผมก็เห็นเธอหันไปอย่างรวดเร็ว หลบสายตาของผม มองแขกที่อยู่ด้านล่างแล้วพูดต่อ “ แม้ว่าฉันกับติงฝานจะมีชีวิตผูกติดกัน และคนกับผีก็ต่างกัน แต่เมื่อก่อนหนิงช่ายเฉินและเนี่ยเสี่ยวเซี่ยนก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แล้วทำไมฉันกับติงฝานจะทำไม่ได้ ! ดังนั้นเรื่องที่สอง คือฉันจะขอประกาศให้ทุกคนรู้จักสามีของฉัน คนปราบสิ่งชั่วร้ายติงฝาน ”
“ หวังว่าเมื่อทุกท่านเจอเขาอีกครั้ง จะให้ความช่วยเหลือ ไม่ทำร้ายและโกรธเคืองเขาด้วยนะค่ะ ! ”
เมื่อมู่หลงเหยียนพูดถึงตรงนี้ การสนทนาของแขกด้านล่างก็ดังยิ่งกว่าเดิม
คนเป็น แต่งงานกับคนตาย ไม่ว่าจะเป็นบนโลกของพวกเรา หรือในโลกของผี มันก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น หรือสามารถพูดได้ว่ามันเป็นเรื่องต้องห้าม
เส้นทางของคนกับผีต่างกัน เมื่อคนและผีมาอยู่ด้วยกัน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆจะไม่ยอมรับ
บวกกับเสน่ห์ที่มีที่ไม่สิ้นสุดของมู่หลงเหยียน ทำให้มีผีชื่นชอบเธอมากมาย
ตอนนี้มู่หลงเหยียนประกาศความสัมพันธ์ของเราสองคนอย่างยิ่งใหญ่ และยังเป็นการแต่งงานต้องห้าม แล้วนี้จะไม่ทำให้แขกเหรื่อแตกตื่นกันได้อย่างไร
แต่มู่หลงเหยียนก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก หลังจากพูดจบ เธอก็ยืนคู่กับผมบนเวทีอย่างเงียบๆ
ในเวลาเดียวกันผมก็เห็นมู่หลงเหยียนหันมามองผม “ เจ้าห่วย ร่วมมือได้ดีมาก ! ขอบใจนายมากนะ ! หลังจากเสร็จเรื่องแล้ว ฉันจะขอบใจนายดีๆเลย ”
เมื่อเห็นมู่หลงเหยียนพูดกับผมเบาๆ ผมก็คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
ดูเหมือนจุดประสงค์การประกาศความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราสองคนของมู่หลงเหยียน จะเป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้ เธอต้องไปเจออะไรมาแน่ ถึงได้เกิดเหตุการณ์เมื่อกี้ขึ้น
แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆเสียงจากแขกด้านล่างก็ดังขึ้น “ มีคนรักคอยดูแล แม้แต่ชีวิตและความตาย ก็ไม่สามารถต้านทานได้ เรื่องนี้ข้า ขอให้แม่นางมู่หลงและคุณชายติงอยู่ร่วมกันนับร้อยปี ! ”
เมื่อหันไปมองคนพูด ก็พบว่าเขาเป็นผีแก่ที่ค่อนข้างอายุมากแล้ว
เขานั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าสุด น่าจะมีฐานะสูงส่ง
และเสียงของผีแก่ตนนั้นเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นผีที่อยู่ข้างๆก็เริ่มดื่มอวยพร
ผมและเฟิงเฉ่วหานเองก็ยิ้มให้ คารวะขอบคุณแขกด้านล่าง
หลังจากนั้นไม่นาน มู่หลงเหยียนก็พูดออกมาอีกครั้ง “ ทุกท่าน ในเมื่อทุกคนต่างมาพร้อมหน้ากันแล้ว ตอนนี้พวกเราก็มาเริ่มฉลองกันเถอะ ! ทุกท่านเชิญรับประทานอาหาร และดื่มกันเถอะค่ะ ”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา เสียงกลองก็ดังขึ้น บรรยากาศก็เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง
มู่หลงเหยียนหันมามองผม จากนั้นก็เข้ามาจับมือผม “ เสร็จแล้ว การแสดงจบแล้ว พวกเราก็ควรเลิกเล่นได้แล้ว ! ”
หลังจากพูดจบ เธอก็จูงมือผมลงจากเวที
แม้มือของเธอจะเย็นมาก แต่สิ่งที่แปลกคือ ขณะที่มู่หลงเหยียนจูงมือผม หัวใจของผมกลับเต้นแรง……