ตอนที่ 187 องค์กรตาผีชั่วร้าย
ผมและมู่หลงเหยียนเหมือนคู่รักคู่หนึ่ง พวกเราค่อยๆเดินลงจากเวที
ขณะเดียวกัน นักแสดงที่เคยแสดงก่อนหน้านี้ ก็ออกมาจากอีกฝั่งของเวที พร้อมกับเสียงเพลงที่บรรเลงขึ้นอีกครั้ง
“ บูมบูมบูมบูม บูมบูมติ๊ง…… ”
แขกที่อยู่ด้านล่าง เห็นนักแสดงออกมาบนเวที พวกเขาก็ปรบมือด้วยความดีใจ
ในเวลาเดียวกันก็ยกแก้วชนกัน และตักอาหารคำโต
หลังลงมาจากเวที มู่หลงเหยียนก็ปล่อยมือจากผม ในเวลาเดียวก็หันมามองผม “ เจ้าห่วย ตอนนี้นายคงมีคำถามอยากถามฉันเยอะเลยละซิ ”
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ นี่มันไม่ใช่คำพูดไร้สาระเหรอ
เธอให้ฉันขึ้นไปแสดงละครบนเวที มันก็เป็นธรรมดาที่ในใจฉันจะต้องรู้สึกสงสัย และมีคำถามเยอะแยะมากมาย
“ ใช่ ฉันมีคำถามจะถามเธอเยอะเลย ! ” ผมรีบพูด
แต่มู่หลงเหยียนกลับยิ้มให้เล็กน้อย “ ได้ซิ ! เห็นแก่ที่คืนนี้นายแสดงได้ดี นายถามมาซิ ! ถ้าบอกนายได้ ฉันจะบอก ! ”
ผมไม่ได้สนใจคำพูดของมู่หลงเหยียน ผมพูดออกมาตรงๆ “ เธอไปเจอปัญหายุ่งยากอะไรมาใช่ไหม ทำไมต้องให้ฉันแสดงเป็นคู่รักแสนดี ต่อหน้าผีจำนวนมากขนาดนี้ ”
มู่หลงเหยียนเผยรอยยิ้มที่ขมขื่น “ เป็นอย่างที่นายพูดนั่นแหละ พักนี้ฉันไปเจอเรื่องยุ่งยากมาเรื่องหนึ่ง ถ้าฉันไม่ประกาศว่าตัวเองแต่งงานแล้ว ฉันอาจมีปัญหาน่ะ ! ”
“ ปัญหา ปัญหาอะไร หรือว่ามีคนบังคับให้เธอแต่งงาน ” ผมถามด้วยความสงสัย
มู่หลงเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย “ ใช่ ! และคนๆนั้น ก็เป็นคนที่ฉันขัดใจเขาไม่ได้ ดังนั้นเลยต้องเลือกวิธีที่แย่ที่สุดแบบนี้ แต่ดูเหมือนนายจะแสดงได้ดีนิ แกล้งทำว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ เลยไม่ทำให้ฉันต้องเสียหน้าเท่าไหร่ ”
เมื่อฟังมู่หลงเหยียนพูดจบ ผมก็อึ้งไปในทันที
แม้แต่หน้าก็ยังเผยให้เห็นถึงความตกตะลึง มู่หลงเหยียนถูกคนบังคับให้แต่งงาน
แต่นอกจากเธอและยายโม่แล้ว มู่หลงเหยียนก็ดูจะไม่มีคนในครอบครัวคนอื่นอีก
นอกจากคนในครอบครัว แล้วเธอจะโดนใครบังคับให้แต่งงานได้ละ
พลังของมู่หลงเหยียนถึงระดับนั้นแล้ว นั้นเป็นถึงระดับพลังที่สุดยอดเลยนะ
ยังมีคนบังคับมู่หลงเหยียนได้อีกเหรอ เขาเป็นใครกันแน่นะ
เห็นได้ชัดว่าผมตกใจมาก แต่ในใจก็มีความโกรธที่ไม่อาจอธิบายได้ปรากฎขึ้น “ ใคร ใครที่มันกล้าโอหัง ! ”
แต่มู่หลงเหยียนกลับมองไปที่พระจันทร์ สูดหายใจเหมือนกับคนเป็น “ เป็นใครไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือ หวังว่าเรื่องนี้จะผ่านพ้นไปได้ ! ฉันไม่อยากมีเรื่องผิดใจ กับคนๆนั้นอีกแล้ว ! ”
“ คนๆนั้นร้ายกาจมากเลยเหรอ ”
“ ร้ายกาจมากซิ ไม่ใช่คนที่พวกเราจะไปแหย่เล่นได้เลย ! ” มู่หลงเหยียนพูดเบาๆ
เมื่อเห็นมู่หลงเหยียนพูดแบบนั้น ในใจของผมก็รู้สึกสงสัยมากทีเดียว
อยากถามมู่หลงเหยียนต่อว่าคนๆนั้นเป็นใคร มีที่มายังไง
แต่มู่หลงเหยียนกลับชิงพูดก่อน “ ชั่งเถอะ เรื่องนี้ให้มันจบแค่นี้แหละ ! แต่คืนนี้ฉันขอบคุณมากนะที่นายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และแกล้งทำได้เหมือนมาก ! ”
หลังจากพูดจบ มู่หลงเหยียนยังเผยรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจละลายมาให้ผม
ที่จริงผมยังอยากถามต่อ ในใจรู้สึกแปลกๆ ราวกับโดนใครแย่งของของตัวเองไป
แต่เมื่อผมเห็นท่าทางของมู่หลงเหยียน อย่างมากที่สุดผมก็ทำได้แค่ขมวดคิ้วและไม่ถามอะไรอีก
ผมรู้ตัวดี เรื่องที่มู่หลงเหยียนยังจัดการไม่ได้ แล้วคนปราบสิ่งชั่วร้ายตัวเล็กๆอย่างผมจะไปจัดการได้ยังไง
แม้ผมจะไม่พยายามถามต่อ แต่ผมกลับอดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น
ผมรู้ว่า ผมต้องพยายามให้มากกว่านี้
ถ้าผมแข็งแกร่งแล้ว ร้ายกาจพอแล้ว บางทีผมอาจช่วยมู่หลงเหยียนได้
มู่หลงเหยียนเห็นผมเงียบไม่พูดไม่จา เธอจึงพูดกับผมอีกครั้ง “ นายอยากถามแค่เรื่องเดียวเหรอ ไม่อยากรู้เรื่องอื่นแล้วเหรอ ”
เมื่อมู่หลงเหยียนพูดคำพูดนี้ออกมา ในใจของผมก็มีเสียงดัง “ กึก ”
แน่นอนว่าผมไม่ได้สงสัยแค่เรื่องเดียว สำหรับผมแล้ว เรื่องที่เกี่ยวกับมู่หลงเหยียนทุกอย่าง ล้วนเป็นปริศนา
เรื่องที่เธอเคยเผชิญมาทั้งหมด ล้วนถูกห่อหุ้มไปด้วยหมอกหนา
เมื่อก่อนผมเคยถามเธอ แต่เธอกลับไม่พูดออกมาสักคำ
ตอนนี้เมื่อเห็นมู่หลงเหยียนยังบอกให้พูดต่อ มันก็เป็นธรรมดาที่ผมจะไม่ปล่อยให้มันหลุดมือไป
หลังจากนั้นผมก็เปลี่ยนหัวข้อ เริ่มพูดออกมาอีกครั้ง “ น้องศพ ฉันยังอยากรู้ว่า องค์กรหน้าผีสามตา มีที่มายังไงกันแน่ แล้วก็ ระยะเวลา 3 ปีของพวกเธอคืออะไร พวกเธอต้องตามหาอะไร ทำไมถึงหาเจ้าสิ่งนั้นไม่เจอ แล้วทำไมพวกเธอถึงต้องวิญญาณแตกสลายด้วยละ ”
เรื่องพวกนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับองค์กรตาผี และเป็นสิ่งที่ผมกังวลมากที่สุดในตอนนี้
เพราะเรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับความแค้นของมู่หลงเหยียน และความเป็นความตายในระยะเวลาสามปีหลังจากนี้ ดังนั้นผมจึงให้ความสำคัญกับมัน
หลังจากมู่หลงเหยียนได้ยิน เธอก็อดไม่ได้ที่จะบ่น “ ฉันรู้ว่านายต้องถามเรื่องพวกนี้ โอเค ! ฉันจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับองค์กรตาผีให้นายฟังนิดหน่อย แต่นายจำเอาไว้ละ ตอนที่ฉันเล่าให้ฟังแล้ว นายห้ามเอาไปเล่าให้ใครฟังมั่วๆ ถ้านายตกเป็นเป้าขององค์กรตาผี นายจะไม่มีวันได้หันหลังกลับ…… ”
เมื่อเห็นมู่หลงเหยียนเตือนอย่างจริงจัง ก็เป็นธรรมดาที่ผมจะไม่กล้าชักช้า วินาทีนั้นผมรีบพยักหน้ารัวๆให้เธอ
มู่หลงเหยียนลังเลพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็เล่าเรื่องราวขององค์กรตาผี ให้ผมฟังต่อหน้าเป็นครั้งแรก และความขัดแย้งที่เธอมีกับองค์กรตาผี
มู่หลงเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอเล่าให้ฟังช้าๆ “ พวกมันเป็นองค์กรลับที่ชั่วร้ายและเก่าแก่องค์กรหนึ่ง ถูกก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยอินซาง และสัญลักษณ์ที่สืบทอดต่อๆกันมา ก็คือสัญลักษณ์หน้าผีสามตาที่ดุร้าย…… ”
หลังจากนั้น มู่หลงเหยียนก็เล่าที่มาขององค์กรผีสามตาให้ผมฟังอย่างละเอียด
ผมนั่งฟังอย่างเงียบๆ แต่เมื่อผมได้ยินก็ยิ่งเริ่มกลัว ยิ่งได้ยินก็ยิ่งไม่อยากเชื่อขึ้นเรื่อยๆ
เพราะคำพูดของมู่หลงเหยียน บ่งบอกว่ามันเป็นองค์กรชั่วร้ายที่ไม่กลัวฟ้าดิน
ไม่เพียงมีอำนาจมหาศาล มันยังหยั่งรากลึกอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ในคำพูดของมู่หลงเหยียน องค์กรชั่วนี้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่โบราณ มีอำนาจมหาศาล มีสมาชิกมากมาย และในปัจจุบันพวกมันจะแฝงตัวอยู่ในแทบทุกสายงานของสังคม
เธอยังบอกว่า องค์กรตาผีชั่วมีวิชาสอนเปิดตาอีกหนึ่งดวงที่เรียกว่า “ ดวงตาเทพเจ้า ” พวกมันคิดว่าตาดวงนั้นจะให้พลังกับพวกมันอย่างมหาศาล หรือแม้แต่ความเป็นอมตะ
พวกมันใฝ่ฝันที่จะทำลายโลกใบนี้ ทำให้พลังคำสอนชั่วร้ายครอบคลุมโลกทั้งใบ ควบคุมพลังหยางบนโลก และกดขี่มนุษย์
เพื่อให้ความคิดบ้าๆแบบนี้เป็นจริง ลูกศิษย์ที่อุทิศตัวเพื่อพลังคำสอนชั่วๆแบบนี้จึง “ พยายามกันอย่างต่อเนื่อง…… ”
ในขั้นตอนนี้ มู่หลงเหยียนและพวกผีที่มาร่วมงาน จึงตกเป็นเหยื่อ
เพื่อแสวงหาพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม และการจัดการองค์กรชั่วทั้งหมด
มู่หลงเหยียนและผีตนอื่นๆจึงกลายเป็นหนูทดลองของพวกองค์กรตาผีชั่ว พวกเขาถูกนำที่มาของวิญญาณออก และถูกองค์กรตาผีผนึกเอาไว้
เพราะวิญญาณไม่สมบูรณ์ จึงทำให้พวกเธอไม่สามารถไปเกิดได้ หรือเรียกว่าถูกเขียนลงบัญชีดำผู้สาปสูญนั่นเอง
พวกเธอยังถูกควบคุมจิตใจและร่างกาย จนกลายเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ ให้องค์กรได้ใช้งานตามที่ต้องการ……
ในช่วงระยะเวลา 300 ปีที่ผ่านมา เวลาส่วนใหญ่ของ มู่หลงเหยียนมักกลายเป็นหุ่นเชิดให้กับองค์กรตาผีนั่น
จนกระทั่งเมื่อ 100 ปีก่อน มู่หลงเหยียนและหุ่นเชิดบางตน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆพวกเธอก็ได้สติ เธอถึงได้คิดวิธีหนีออกมาจากการควบคุมขององค์กรตาผีได้ และกลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง
แต่หลังจากนั้น พวกเธอกลับถูกไล่ฆ่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
มีหุ่นเชิดจำนวนมากหนีออกมาได้ แต่ถ้าไม่โดนผนึก ก็ถูกพาตัวไป หรือไม่ก็วิญญาณแตกสลาย
ในเวลาเดียวกัน มู่หลงเหยียนยังค้นพบความลับของตัวเอง
“ ที่มาของวิญญาณ ” ที่พวกเธอหุ่นเชิดไม่มีนั้น ไม่เพียงทำให้พวกเธอไปเกิดไม่ได้ พวกเธอยังต้อง “ ชีวิตสั้น ” ด้วย
ทุกๆ 50 ปีเธอจะต้องใช้สมุนไพรพิเศษชนิดหนึ่ง เพื่อต่อชีวิตให้ตัวเองอีก 50 ปี ไม่อย่างนั้นตัวเองจะต้องวิญญาณแตกสลาย
ถ้าอยากแก้ไขเรื่อง “ ชีวิตสั้น ” นี้ พวกเธอจะต้องหาที่มาของวิญญาณกลับมาให้ได้ ทำให้ตัวเองกลับมาอย่าง “ สมบูรณ์ ” เท่านี้พวกเธอก็จะสามารถไปเกิดได้แล้ว
และ “ เจ้าสิ่งนั้น ” ที่มู่หลงเหยียนพูดตอนอยู่บนเวที ก็คือ “ ที่มาของวิญญาณ ” ที่องค์กรตาผีเอาไปจากพวกเธอและซ่อนเอาไว้ในองค์กรชั่ว……