ศพ – ตอนที่ 192 ฮวงจุ้ย

ตอนที่ 192 ฮวงจุ้ย

 

ตามที่อู่ฮุยฮุยส่งที่อยู่มา พวกเราได้หาที่ตั้งกองถ่ายละคร ของอู่ฮุยฮุยเจอแล้ว

 

พวกเราเพิ่งลงรถ ผมและหยางเนิ่วก็เห็นคฤหาสน์หลังเก่า ตั้งอยู่ไกลๆ

 

ภายในคฤหาสน์มีถนนเส้นเล็กๆตัดผ่าน มันขยายมาจน ถึงถนนสายหลัก

 

ที่หน้าประตูยังมีป้ายติดอยู่หนึ่งแผ่นบนป้ายเขียนว่า “ สถานที่ถ่ายหนังพยาบาลตามหาผี”

 

พยาบาลตามหาผี ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ชื่อนี้แปลกดี

 

ผมไม่ลังเล พูดกับหยางเนิ่วที่อยู่ข้างๆทันที “ หยางเนิ่ว น่าจะเป็นที่นี่แหละ พวกเราเดินเข้าไปกันเถอะ !”

 

หยางเฉ่วพยักหน้า ดูท่าทางเธอจะตื่นเต้นมากๆ “ ฉันยัง ไม่เคยเห็นกองถ่ายมาก่อนเลย ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง !” 

 

ผมไม่ได้พูดอะไร เพียงเดินตามถนนเส้นเล็กๆนั้น เข้าไปข้างใน

 

พวกเราเพิ่งเดินเข้ามาไม่นาน ภาพคฤหาสน์ทั้งหมดก็ ปรากฏขึ้นตรงหน้าของพวกเรา

 

คฤหาสน์ค่อนข้างเก่า ผนังกว่าครึ่งต่างมีเถาวัลย์เลื้อ ยพันกันไปมา บรรยากาศดูวังเวงมาก

 

ในเวลาเดียวกัน พวกเราก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวาย ดังออกมาจากคฤหาสน์ ดูเหมือนมีคนทะเลาะกันอยู่

 

“ ผู้กํากับจาง หนังเรื่องนี้ถ่ายต่อไม่ได้แล้ว พวกเราเปลี่ยนสถานที่ถ่ายเถอะ ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น

 

“ เปลี่ยนงั้นเหรอ เธอพูดว่าเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้เลยเหรอ หนังเรื่องนี้ทุ่มทุนไปกว่า 200 ล้าน ตอนนี้จะเปลี่ยนสถานที่ ถ่ายทําทันที งั้นเงิน 200 ล้านก็กลายเป็นกระดาษเปล่าซิ เธอจะให้ฉันไปบอกกับนักลงทุนว่ายังไง”

 

“ แต่ว่า……”

 

“ ไม่มีคําว่าแต่ เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นแค่อุบัติเหตุ ต้องถ่ายทําให้เร็วกว่าเดิม ถ้าทําให้นักลงทุนไม่พอใจ ต่อไป พวกเราก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่ในวงการนี้อีกเลย.”

 

เมื่อได้ยินเสียงเหล่านี้ ผมและหยางเนิ่วก็อดไม่ได้ที่ จะทําหน้าสงสัย แต่พวกเราก็ยังเดินมาที่ประตู

 

ที่สวนหย่อมมีคนอยู่ แต่ที่หน้าประตูกลับถูกล็อคเอาไว้

 

ผมเคาะประตู “ ก๊อกก๊อกก๊อก ” เสียงเคาะเพิ่งดังสองสามครั้ง ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ “ ใครวะ ! ”

 

“ อู่ฮียฮุยเรียกผมมา ! ” ผมพูดออกมาตรงๆ

 

เสียงของผมเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นด้านในก็มีเสียงร้องด้วยความตกใจ “ อร้าย ! ติงฝาน ! ”

 

ขณะพูด ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา “แอรัด” ประตูถูกเปิดออก

 

หลังจากประตูคฤหาสน์เปิดออก ผมก็เห็นหน้าอู่ฮียฮุย

แต่อู่ฮียฮุยในเวลานี้ กลับทําให้ผมยืนอึ้ง ดวงตาแทบจะหลุดออกมาจากเป้า

 

ผมเห็นอู่ฮียฮุยในชุดที่เร้าร้อน กระโปรงผ้าไหมสั้นสีดํา เสื้อคอวีผ่าลึก

 

เสื้อผ้าพวกนั้นดูเล็กไปสองไซส์ เนินอกที่ขาวราวหิมะ ล้นทะลักออกมาจากเสื้อ

 

อู่ฮียฮุยไม่ได้สนใจสายตาของผม เมื่อเห็นผมยืนอยู่หน้า ประตู เธอก็ดูตื่นเต้นมาก “ ติงฝาน ในที่สุดนายก็มา มา เดี๋ยวฉันจะแนะนํานายให้รู้จักกับผู้กํากับจางของพวกเรา !”

 

หลังจากพูดจบ อู่สุ่ยฮุยก็หมุนตัวเดินกลับไปด้วยความ ดีใจ “ ผู้กํากับจาง นี่คือสิ่งฝานคนที่ฉันเคยพูดให้คุณฟัง.

 

ผมอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ําลาย นี่มันกองถ่ายอะไรกัน ใส่เสื้อ ผ้าน้อยชิ้นขนาดนี้ ทําให้ผมแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

 

ไม่รอให้ผมได้สติกลับคืนมา หยางเนิ่วที่อยู่ข้างๆกลับหยิก ผมหนึ่งครั้ง ผมรู้สึกเจ็บที่แขน “ โอ๊ย เธอทําอะไรเนี่ย”

 

ผมขมวดคิ้ว ลูบแขนตัวเองไปมา

 

ผลลัพธ์หยางเฉ่วกลับกลอกตาใส่ผม “ ไอ้ลามก !”

 

หลังจากพูดสองคํานี้จบ เธอก็ไม่แยแสเดินเข้าไปใน สวนหย่อมทันที

 

แต่ผมกลับพูดไม่ออก ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับสีหน้า อึดอัดใจ

 

ผมไม่ได้ตั้งใจมองซะหน่อย แต่ชุดตัวละครขอ งอู่ฮียฮุยเปิดเยอะเกินไปต่างหาก

 

บวกกับที่เธอรูปร่างหน้าตาดี ดังนั้นจิตใต้สํานึกเลยบอก ให้ผมมองหน่อยก็เท่านั้น

 

แต่ผมสาบานได้ ผมไม่ได้คิดอกุศล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ได้ เป็น “ ไอ้ลามก ” อย่างที่หยางเฉ่วพูด

 

ผมไม่มีเวลาอธิบาย จึงทําได้เพียงเดินเข้าไปในสวนหย่อม

 

เพิ่งเข้ามาในสวนหย่อม ผมก็กวาดสายตามองไป รอบๆหนึ่งครั้ง

 

ผมพบว่าบริเวณสวนหย่อมค่อนข้างมืดมน และ การวาง แนวและสไตล์ของสวนหย่อม ยังดูมีปัญหาสุดๆ

 

แม้ด้านฮวงจุ้ยของผมจะไม่โดดเด่นมาก แต่เรื่องฮวงจุ้ยทั่วๆไป ผมยังพอมีความรู้อยู่บ้าง

 

พูดตามหลัก บ้านหันหน้าไปทางทิศใต้ หลังติดภูเขาข้าง ติดแม่น้ํา พื้นที่ร่มรื่นล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ เห็นวิว ทิวทัศน์ทั้งเหนือใต้ โดยรวมกลมกลืนเข้าด้วยกัน นี่เป็นหลัก การพื้นฐานในการสร้างบ้าน

 

แต่คฤหาสตรงหน้า กลับตรงกันข้ามทุกอย่าง

 

จะมองยังไงก็ไม่เหมือนบ้านคน เหมือนกับบ้านที่สร้างไว้ ให้คนตาย

 

ไม่หันไปทางเหนือหรือใต้ หน้าบ้านอยู่ทางตะวันตก กํา แพง (เหล็ก) ทางทิศใต้ ด้านหลังมืดมิดเพราะปก คลุมไปด้วยภูเขา ไม่ใช่แค่ไม่ตรงกับฮวงจุ้ยของบ้านคน ยังส ร้างให้สวนหย่อมมีรูปแบบ “ ปิดตาย”

 

“ ปิดตาย” ก็คือเหมือนมีอะไรมาครอบมันเอาไว้

 

คนบ้าที่ไหนจะมาอยู่ที่นี่ นี้มันไม่ใช่การนอนอยู่ในหลุมศพ คนตายหรอกเหรอ

 

เพิ่งเข้ามาในสวนหย่อม ผมก็รู้สึกถึงสายลมเย็นๆ และ พลังหยินที่รุนแรง

 

ไม่ใช่แค่นี้ ผมยังกวาดสายตามองคนในกองถ่ายหนึ่งรอบ

 

พบว่าสีหน้าของคนในกองต่างขาวซีด ที่จุดยิง ถาง(ระหว่างคิ้ว)กลายเป็นสีดํา สีหน้าแย่มาก

 

ขณะที่ผมกําลังสํารวจรอบๆ เก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ ผู้ กํากับจางที่อู่ฮุยฮุยพูดถึงก็เดินเข้ามา

 

ผู้กํากับจางเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างผอม ตอนนี้เขาขมว ดคิ้วจนเป็นปม การมาถึงของผมและหยางเฉ่ว ไม่ได้ทํา ให้เขาดีใจขึ้นมา

 

แต่อู่ฮุยฮุยยังแนะนําอย่างต่อเนื่อง “ ผู้กํากับจาง นี่คือ คุณติงเขาทํางานนี้มาหลายปี เป็นคนมีวิชาจริงๆ ปัญหา ที่พวกเราเจอ เขาจะต้องจัดการได้อย่างแน่นอน !”

 

หลังจากพูดจบ อู่ฮุยฮุยก็หันมาพูดกับผม “ ติงผ่าน ท่าน นี้คือผู้กํากับจาง !”

 

เมื่อเห็นอู่ฮียฮุยแนะนํา ผมก็คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ สวัสดีครับ ! ”

 

ขณะที่พูด ผมยังเอื้อมมือออกไปตามมารยาท

 

แต่ผู้กํากับจางกลับกวาดสายตามองผม ไม่มีทีท่า ว่าจะจับมือกับผมเลยสักนิด เขาถามกลับว่า “ คุณติงใช่ไหม !ไม่ทราบว่าปีนี้คุณอายุเท่าไหร่”

 

ผมอึ้งเล็กน้อย จากน้ําเสียงที่ดูถูกเหยียดหยามและ เย่อหยิ่งของอีกฝ่าย ทําให้ผมรู้ว่า เจ้าหมอนี้กําลังดูถูกผมอยู่

 

เมื่ออู่ฮียฮุยที่อยู่ข้างๆได้ยิน เธอก็รู้ทันทีว่ามันมีเจตนาไม่ ได้ เธอจึงลําบากใจมาก

 

เพราะผมถูกเธอเรียกมา ตอนนี้ผมกลับไม่เป็นที่ต้อนรับ เธอจึงรู้สึกผิด

 

แต่นี่เป็นเรื่องปกติ เพราะผมอายุน้อยจริงๆ

 

แม้ว่าในใจจะอารมณ์เสีย แต่ผมกลับไม่แสดงท่าทาง ผิดแผกออกมา

 

ผมไม่ได้ร้อนรน หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด จากนั้นก็พูดว่า “ แม้ แต่ในเมฆฝนยังมีมังกรซ่อนอยู่ แม่นทุกสายยังสามารถท่วม แผ่นดิน สุสานหรือบ้านคน ตามฮวงจุ้ย สถานที่แห่งนี้ปกคลุ มไปด้วยภูเขาที่มืดมน มีสิ่งลี้ลับซ่อนเร้น ถ้ากองถ่ายของพว กคุณไม่จัดการเจ้าสิ่งนั้น คิดจะถ่ายหนังต่อที่นี่ ก็คงต้องตายอีกสองสามคน..”

 

เมื่อคําพูดนี้หลุดออกไป ผู้กํากับจางก็นิ่งอึ้งไปในทันที

 

แต่ผมกลับหันไปมองอู่ฮุยฮุย หยิบยันต์ออกมาจากกระ เป๋าคาดเอวยื่นให้เธอหนึ่งแผ่น จากนั้นก็พูดว่า “ เจ้านี้จะคุ้ มครองเธอ แต่อย่าอยู่ที่นี่นานจนเกินไป !”

 

หลังจากพูดจบ ผมก็เรียกหยางเฉ่ว เตรียมตัวจะเดินออกไป

 

หยางเฉ่วไม่ได้พูดอะไร เมื่อได้ยินผมพูดว่าจะออกไป เธอก็ไม่แสดงที่ท่าอยากอยู่ต่อเลยสักนิด

 

แต่พวกเราเพิ่งเดินออกมาได้สองก้าว ผู้กํากับจางคนนั้นก็ ได้สติ เขารีบพูดออกมาทันที “ ท่านนักพรตอย่าเพิ่งไป

 

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียกผม ที่มุมปากของหยางเฉ่วก็อดไม่ ได้ที่จะคลี่ยิ้ม

 

แต่ผมกลับแสดงสีหน้าเคร่งขรึม และไม่หันกลับไปมอง “ ผู้กํากับจางยังมีอะไรอีกรึเปล่า ”

 

“ ท่านนักพรต เมื่อกี้ผมไม่ดีเอง ในเมื่อท่านนักพรตมาแล้ว จะไม่เข้ามาดูกองถ่ายของพวกเราหน่อยเหรอครับ.” ผู้กํากับจางพูดด้วยความร้อนรน และเดินอ้อมมาที่ด้านหน้า ของผม

 

ก่อนถ่ายทํา เขาได้ตรวจสอบฮวงจุ้ยที่อยู่รอบๆอย่างง่ายๆ และรวดเร็วแล้ว

 

ตอนนี้เมื่อเขาลองคิดทบทวนคําพูดสองสามประโยคนั้นของผม ยึดตามรูปแบบฮวงจุ้ยของที่นี่ มันก็ลงตัวพอดี

 

แต่ผมเพิ่งมาถึงที่นี่ไม่นาน กลับมองฮวงจุ้ยของที่นี่ออกใน ทันที ถึงแม้ผมจะไม่ใช่ยอดฝีมืออะไร แต่ก็เป็นคนมีวิชาคน หนึ่ง

 

บวกกับคําพูดประโยคสุดท้ายของผม ถ้าไม่จัดการ “ เจ้า สิ่งนั้น” จะต้องมีคนตาย นี่จึงทําให้เขากลัวมาก

 

ในฐานะผู้กํากับ เขาไม่อยากให้กองถ่ายเกิดเรื่องขึ้นอีก ดังนั้นเขาจึงลดศักดิ์ศรีลง เรียกผมว่าท่านนักพรต

 

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ผมจึงอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา เล็กน้อย “ ผู้กํากับจาง คุณไม่ได้ดูถูกว่าผมอายุน้อยเหรอ ?

 

“ ไม่ไม่ไม่ เมื่อกี้ผมโง่เอง คิดไม่ถึงว่าท่านนักพรตติงจะดูฮ วงจุ้ยของที่นี่ออก เป็นคนมีวิชาจริงๆ ! ตอนนี้กองถ่ายของ พวกเราเจอปัญหาจริงๆครับ ไม่อย่างนั้นคุณก็เห็นแก่หน้า ของสุ่ยเอ๋อเถอะครับ ช่วยกองถ่ายของพวกเราด้วย… ” ดู เหมือนผู้กํากับจางจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ท่าทางเหย่อหยิ่ง ที่ไม่คิดจะหันมามองเมื่อกี้ เหมือนชายสองคนที่ต่างกัน สุดขั้ว

 

หลังจากฮุยเอ๋อฟังจบ เธอก็พูดเสริมทันที “ ใช่แล้วติง ฝาน ! นายช่วยกองถ่ายของพวกเราด้วยนะ ! ไม่อย่างนั้น ไม่ อย่างนั้นพอตกกลางคืน พวกเรา พวกเราก็จะนอนไม่ หลับอีก…………..”

ศพ

ศพ

โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset