ตอนที่ 193 อุบัติเหตุ
ผู้กํากับจางผู้เย่อหยิ่ง ทําให้ผมอารมณ์เสียนิดหน่อย
แต่พวกเราเดินทางมาไกลขนาดนี้ ก็เพื่อจัดการเรื่องนี้และสถานการณ์ของฝั่งนี้ ยังเป็นหน้านี้ของคนปราบสิ่งชั่วร้ายอย่างพวกเรา
เมื่อเห็นอู่ฮุ่ยฮุ่ยขอร้อง ผมก็ไม่ทําให้พวกเขาลําบากใจ
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็พูดว่า “ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกคุณก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ผมฟังหน่อย ! ”
ขณะที่พูด ผมก็ไม่เกรงใจ นั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ ต่อหน้าทีมงานทุกคนในกองถ่าย
แต่เมื่อทุกคนเห็นแบบนั้น กลับไม่ตอบสนองอะไรทั้งสิ้น
ผู้กํากับจางและอู่ฮุ่ยฮุ่ยเข้ามาใกล้ๆ ขณะเดียวกันผมก็ได้ยินผู้กํากับจางพูดว่า “ ท่านนักพรตติงช่วงครึ่งเดือนนี้พวก เรามาที่นี่… ”
หลังจากนั้น ผู้กํากับจาง อู่ฮุ่ยฮุ่ยและทุกคนในกองถ่าย ต่างเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครึ่งเดือนนี้ให้ฟัง
เรื่องราวก็เป็นแบบนี้ ในระยะเวลา 20 วัน ตามบทละครผู้กํากับจางคนนี้ได้อธิบายว่า เขาหาสถานที่ถ่ายทําหรือคฤหาสน์ที่อยู่ตรงหน้าของพวกเราเจอ
ทําไมถึงเป็นที่นี่ นั้นก็เพราะในคฤหาสน์นี้มีทุกสิ่งที่เขาต้องการ และค่าเช่าก็ถูกมาก
พวกเขาแค่มาถ่ายหนังลงสื่อออนไลน์เล็กๆเรื่องหนึ่ง ไม่สามารถทําอะไรตามใจชอบได้เหมือนละครระดับพันล้าน
ดังนั้นเขาจึงใช้คฤหาสน์ที่ไม่เลวนี้ในการถ่ายหนัง ทีมงานก็คิดว่าจะทําเงินได้อย่างมหาศาล
พวกเขาจึงรับงาน และพากันมาถึงที่นี่
เพราะข้อจํากัดของต้นทุน ทําให้ทีมงานทั้งหมดมีเพียง 20 กว่าชีวิต
มีหลายครั้งที่คนๆเดียวต้องแสดงเป็นหลายบทบาท แม้แต่ผู้กํากับคนควบคุมไฟและคนอื่นๆ บางครั้งก็ต้องเข้าไปแสดงในหนังด้วย
เดิมที่ทีมงานทุกคนต่างจับมือกันไว้แน่น มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทุกคนต่างอยากทําหนังเรื่องนี้ให้ออกมาดีที่สุด
แต่หลังจากที่พวกเขามาถึงคฤหาสน์หลังนี้ กลับมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น
ช่วงสองสามวันแรกยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น กิน ดื่ม นอน และ ถ่ายหนังต่างอยู่ที่นี่ทั้งหมด
แต่เมื่อถึงวันที่ 4 เหตุการณ์แปลกๆก็เกิดขึ้น
ทุกคืนเมื่อถึงเวลานอนหลับ พวกเขาจะได้ยินเสียงลึกลับบางอย่าง บางครั้งก็เป็นเสียงฝีเท้า บางครั้งก็เป็นเสียงเล็บขูดประตู หรือแม้แต่เสียงเด็กร้องไห้ก็ยังมี
ตอนแรกทุกคนไม่ได้สนใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า สถานการณ์กลับไม่ดีขึ้น กลับกันเหตุการณ์ยิ่งดูแย่ลงเรื่อยๆ
มีอยู่คืนหนึ่ง คนดูแลอุปกรณ์ประกอบฉากคนหนึ่งดันหิวขึ้นมากลางดึก เขาลุกออกไปหามาม่ากินที่ห้องรับแขก
ผลลัพธ์เมื่อมาถึงห้องรับแขก เขากลับเห็นใครบางคนกําลังแขวนคออยู่ ใครคนนั้นใส่ชุดสีขาว แขวนคออยู่บนโคมไฟระย้า ห้อยต่องแต่งไปมาตลอดเวลา
คนดูแลอุปกรณ์ประกอบฉากคนนั้นตกใจ จึงกรีดร้องออกมาทันที
ผลลัพธ์หลังจากทุกคนออกมาดู กลับพบว่าในห้องรับแขกไม่มีอะไรผิดปกติเลยสักอย่าง
แต่คนดูแลอุปกรณ์ประกอบฉากคนนั้นกลับมั่นใจ ว่าตัวเองเห็นมีคนใส่ชุดขาวกําลังแขวนคอตายอยู่ในห้องรับแขกจริงๆ
เพราะไม่เห็นอะไร ดังนั้นเรื่องนี้จึงจบลง
แต่หลังจากนั้น คนดูแลอุปกรณ์ประกอบฉากคนนั้นกลับ ดูหดหู่มาก
ในทุกๆวันเขาหงอยเหงาไม่มีชีวิตชีวา ตอนกินข้าวก็อยากนอนหลับ มักทํางานผิดพลาดบ่อยๆ
ไม่ใช่แค่นั้น เมื่อ 10 วันก่อนตอนที่เขากําลังเดินลงบันได จู่ๆเขาก็เดินพลาดจนตกลงมาด้านล่าง
ตอนตกลงมามันไม่ใช่ฉากสําคัญสิ่งที่สํา คัญก็คือหัวของเขากระแทกเข้ากับมุมโต๊ะรับแขก
วินาทีนั้นเขาสลบไปทันที เลือดไหลไม่หยุด แม้จะถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล แต่มันก็ไม่สามารถช่วยชีวิตคนดูแลอุปกรณ์ประกอบฉากคนนั้นได้..
สําหรับทีมงานเรื่องนี้ มันส่งผลกระทบต่อจิตใจไม่น้อย เพราะมีคนตายแล้วจริงๆ
แต่นี่เป็นอุบัติเหตุ ทุกคนต่างเห็นเหตุการณ์ เป็นเพราะคนดูแลอุปกรณ์ประกอบฉากคนนั้นไม่ระวังเดินพลาดตกบันไดเอง และสุดท้ายก็ชนเข้ากับมุมโต๊ะรับแขกอย่าง แรง
กองถ่ายหยุดถ่ายทําไปสองวัน หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มกลับมาถ่ายต่อ
แต่หลังจากเริ่มถ่ายทํา กลับไม่ได้รับความสงบสุขตามที่ต้องการ
ทุกๆคืน ในคฤหาสน์จะมีเสียง “ การเคลื่อนไหวต่างๆ ” ดังขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
บางคนต้องตื่นจากความฝัน แล้วบอกว่าตัวเองถูกคนอื่นลูบตัว
บางคนก็เดินละเมอ วิ่งไปที่ห้องของคนอื่น
แต่สิ่งที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือ ทีมงานจํานวนมาก กลับนอนหลับสนิท แต่เมื่อตื่นมาวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับพบว่าจู่ๆตัวเองก็มานอนอยู่บนพื้น และพวกเขายังไม่รู้ตัวเลยสักนิด….
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ในเวลาเดียวกันก็หันไปมองคฤหาสน์
ดังคํากล่าวที่ว่า การแบกคนขึ้นโต๊ะ เป็นฝีมือของคนชั่ว ส่วนการแบกคนลงจากเตียง เป็นฝีมือของผีชั่ว
คนเหล่านี้ถูกย้ายออกจากเตียงโดยไม่มีเหตุผล นี่ไม่ใช่ เรื่องที่ดีอะไร
แต่ผมไม่ได้พูดอะไร เพียงนั่งฟังต่อไป
ผู้กํากับจางเล่าต่อ “ ทีมงานทุกคนไม่มีกะจิตใจทํางาน พวกเขาต่างหวาดกลัว แต่นี่มันยังไม่เท่าไหร่ สิ่งสําคัญคือ เมื่อสองวันก่อน หนึ่งในทีมงานของพวกเราตายไปอีกคนแล้วครับ…”
“ เขาตายยังไง” จู่ๆหยางเนิ่วก็พูดออกมา
ผู้กํากับจางแสดงสีหน้ามืดมน เขาถอนหายใจออกมา “ เขาก็ตกบันไดตาย ! และสถานที่ที่ตกลงมาตายและบาดแผลที่เกิดขึ้น ยังเหมือนกับที่คนดูแลอุปกรณ์ประกอบฉากเป๊ะ ! ”
“ เหมือนกันเลยเหรอ ”
“ จริงๆครับ หัวของทั้งสองคนต่างลงมากระแทกที่มุมโต๊ะด้านซ้าย และ และพวกเขายังนอนห้องเดียวกัน ท่านนักพรตติ้งคุณลอง ลองไปดูหน่อยนะว่ามันมีปัญหาจริงๆรึเปล่า…” ผู้กํากับจางถามด้วยความไม่มั่นใจ
แต่ทีมงานที่อยู่ข้างๆ กลับแสดงท่าทางหวาดกลัว พวกเขาอกสั่นขวัญแขวนไปหมดแล้ว
ผมเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “ งั้นครั้งนี้พวกคุณก็ เห็นเขาตกบันไดลงมาใช่ไหม”
“ ใช่ ! ตอนนั้นฉันกับเสี่ยวเฉิน เสี่ยวหลงก็เห็นทั้งหมด ! ” คนพูดเป็นผู้หญิงวัยกลางคนเธอเป็นช่างแต่งหน้าประจํากองถ่าย
“ ใช่ ! ผมกับเสี่ยวหลงก็เห็น ! ตอนนั้นพี่เหมาบอกว่าง่วงมาก เขากําลังขึ้นไปนอนชั้นบน แต่เขาเพิ่งขึ้นไปถึงบันไดขั้นสุดท้าย ทันใดนั้นเท้าของเขาก็หยุดกลางอากาศ แล้วสุดท้ายก็ตกลงมา !” นักแสดงหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น
“ เออใช่แล้ว ! เป็นแบบนี้ ในคฤหาสน์ยังมีกล้องวงจรปิดด้วย ! ฉันจะไปเอามาให้ท่านนักพรตดู ” นักแสดงอีกคนพูดขึ้นมา หลังจากนั้นก็วิ่งไปทางคฤหาสน์ ผ่านไปไม่นานเขาก็ถือ USB ออกมาหนึ่งอัน
ผมและหยางเฉ่วยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงไม่รีบด่วนสรุปหรือตัดสินใจทําอะไรทั้งสิ้นพวกเราอยากดูเหตุการณ์ ในกล้องวงจรปิดก่อน
ผ่านไปแค่แป๊บเดียว พวกเราก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งกําลังหาวอยู่จริงๆ หลังจากที่เขาคุยกับนักแสดงสองสามคนเสร็จ เขาก็เดินขึ้นไปชั้นบน
ผลลัพธ์ตอนที่เขากําลังขึ้นไปถึงชั้นบน ทันใดนั้นร่างกายของเขากลับเสียสมดุลล้มลงไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ราวกับถูกใครผลัก เมื่อเขากลิ้งลงมาถึงข้างล่าง ท้ายที่สุดก็ชนเข้ากับโต๊ะรับแขกอย่างแรง
จากวิดิโอ พวกเราไม่ได้สงสัยอะไรทั้งสิ้น และมองไม่เห็น สาเหตุอื่นเลย
นี่ก็คือสาเหตุว่า ทําไมถึงเกิดการตายทั้งสองครั้งขึ้น สถานที่แห่งนี้ยังไม่ถูกปิด และเป็นสถานที่ให้ถ่ายหนังต่อไป
เพราะมีวิดิโอเป็นหลักฐาน นี่จึงกลายเป็นอุบัติเหตุอีก เรื่องหนึ่ง ไม่ถือเป็นคดีอาญา
แต่เรื่องแบบนี้กลับเกิดขึ้นซ้ำสอง จึงทําให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว ทีมงานทุกคนรู้สึกไม่สบายใจและหวาดระแวงตลอดเวลา
หลังจากดูวิดิโอเสร็จ ผมและหยางเนิ่วก็ค่อยๆลุกขึ้น
หลังจากหันมามองหน้ากัน ทุกคนก็ได้ยินเสียงผมพูดกับผู้กํากับจางและอู่ฮุ่ยฮุ่ยว่า “ ตอนนี้พวกเราจะเข้าไปดูข้างใน พวกคุณรอผมอยู่ข้างนอก ! ”
หลังจากพูดจบ ผมก็ไม่รอให้พวกเขาตอบกลับ ผมและหยางเจ๋วเดินตรงเข้าไปในคฤหาสน์ทันที
พวกเราเพิ่งเข้ามาในคฤหาสน์ ก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่หนาวเย็น เหมือนอุณหภูมิจะลดลงมาหลายองศา
พวกเรามองสํารวจรอบๆ พบว่าการตกแต่งของคฤหาส นหลังนี้ไม่เลวเลยจริงๆ การตกแต่งสไตล์ยุโรป เฟอร์นิเจอร์ และทุกอย่างเป็นของใหม่กว่า 80% ดูเหมือนกับบ้านคนที่ ไม่มีใครอยู่มานาน
ขณะที่ผมกําลังสํารวจรอบๆ หยางเนิ่วที่อยู่ข้างๆกลับจ้องที่บันไดชั้นสองแล้วพูดว่า “ นายพูดถูก บ้านหลังนี้เป็นบ้านผี แต่เจ้าของบ้านนี้ น่าจะไม่อยากต้อนรับพวกเราเท่าไหร่ ”