ตอนที่ 194 บ้านผีสิง
จู่ๆก็ได้ยินหยางเฉ่วพูดแบบนั้น และยังจ้องขึ้นไปบนชั้นสอง ผมจึงอดไม่ได้ที่จะมองขึ้นไป
แต่ตรงนั้นไม่มีอะไรอยู่เลยสักนิด เป็นเพียงพื้นที่โล่งๆ
แต่ในใจของผมกลับรู้ดี ว่าบ้านหลังนี้มีพลังหยินแรงมาก และฮวงจุ้ยของที่นี่ ยังตรงกับการสร้างหลุมฝังศพให้คนตาย
บ้านพักสําหรับผี แน่นอนว่าในบ้านหลังนี้จะต้องมีผีอยู่นี่ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่จะมีสิ่งชั่วร้ายอยู่เท่าไหร่นั้น ตอนนี้พวกเราเองก็ยังไม่แน่ใจ
“ เขาอยู่ตรงนั้นเหรอ ” ผมพูดออกมาตรงๆ
“ ที่บันได ! ” หยางเจิ่วจ้องตาไม่กระพริบ และผมเองก็ไม่รู้ว่าเธอเปิดตาตั้งแต่เมื่อไหร่
เมื่อเห็นหยางเฉ่วมั่นใจว่าอยู่ที่บันได ผมก็หยิบธูปสามดอกและกระดาษเหลืองออกมาจากกระเป๋าเครื่องมือ
หลังจากจุดธูป เผากระดาษเสร็จ
ผมก็ใช้บทสวดขับไล่สิ่งชั่วร้ายที่ได้เรียนมาจากอาจารย์ เมื่อก่อนหน้านี้ ผมพูดว่า “ พวกเราลองมาคุยกันก่อนถ้าไม่ได้จริงๆค่อยใช้กําลัง คุณฟังให้ดี ข้าน้อยคือนักพรตแซ่ตั้ง ถูกผู้คนไหว้วาน ให้มาทําความสะอาดที่นี่….”
ผมเพิ่งพูดถึงตรงนี้ ผมก็ถือธูป เดินไปข้างหน้าสองก้าว เตรียมที่จะทําขั้นตอนต่อไป
แต่ในตอนนั้นเองหยางเฉ่วกลับเลิกคิ้วขึ้น จู่ๆ เธอก็พูดออกมาว่า “ ไม่ต้องพูดแล้ว เขาไปแล้ว !”
“ ไปแล้ว ” ผมถือธูป พร้อมกับขมวดคิ้ว
เขาไม่ให้เกียรติกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ ผมคิดมาดีนะ แต่ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน เขาเองก็คงต้องรีบหดหัวเช่นกัน
ถ้าการเจรจาได้ผล พวกเราก็จะทํางานเสร็จเร็ว
ไม่อย่างนั้นพอได้สู้กัน เรื่องราวอาจจะลุกลามใหญ่โต
ผลลัพธ์หยางเฉ่วกลับพยักหน้า “ ใช่ ไปแล้ว แต่สถานที่แห่งนี้มีพลังหยินแรงมาก คงไม่ได้มีแค่ตัวเดียว !”
สําหรับเรื่องนี้ผมเองก็เห็นด้วย จึงพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย “ งั้นพวกเราไปสํารวจต่อเถอะ !”
หลังจากพูดจบ พวกเราก็เดินขึ้นไปบนชั้นสอง
แต่ใครจะรู้พวกเรากําลังจะก้าวเท้า เหยียบลงบนบันไดขั้นสุดท้าย
ทันใดนั้นที่หน้าอกของผมก็มีพลังแปลกๆพุ่งเข้ามา ราวกับโดนใครผลัก เท้าของผมลอยเคว้งกลางอากาศ วินาทีนั้นร่างกายเสียสมดุล จนเหมือนจะล้มลง
วินาทีนั้น ผมแสดงสีหน้าตื่นตกใจ เผยท่าทางประหลาดใจออกมา
“ ติงฝาน ! ” หยางเฉ่วที่อยู่ข้างหลังพูดออกมาด้วยความตกใจ เธอรีบใช้มือจับตัวผมที่เสียสมดุลเอาไว้
เมื่อถูกหยางเฉ่วดึงเอาไว้ ผมถึงได้พลิกตัวกลับมา ยืนอย่างมั่นคงอีกครั้ง
“ ติงฝาน ทําไมนายไม่ระวัง ! ” หยางเฉ่วกลอกตาใส่ผม ว่าผมอีกเล็กน้อย
แต่ผมกลับแสดงสีหน้าเคร่งขรึม ผมรีบหันไปมองรอบๆทันที “ ไม่ถูกซิ มีคนผลักฉัน!”
“ มีคนผลักนาย แต่ แต่เมื่อกี้ไม่มีสิ่งชั่วร้ายตัวไหนอยู่ตรงนั้นเลยนะ ” หยางเฉ่วแสดงสีหน้าสงสัย
ผมหันไปมองรอบๆตัวอย่างเยือกเย็น ผมโกรธจนกัดฟันแน่น
ความรู้สึกของคนโดนผลัก กับการก้าวพลาด ผมจะแยกแยะไม่ออกได้ยังไง
ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แม้แต่หยางเฉ่วที่เปิดตาแล้วก็มองไม่เห็น แต่ผมมั่นใจว่าตัวเองโดนผลัก
และคนที่ผลักผม จะต้องเป็นสิ่งชั่วร้ายที่อยู่ในบ้านหลังนี้ แน่ๆ
แม่เจ้า ! ผมยังไม่ได้ลงมือ มันก็ชิงลงมือก่อนผมแล้ว
หมายความว่าอะไร อยากให้ผมตกลงไปตายอยู่ที่นี่เหรอ
สีหน้าของผมแย่มาก นาทีต่อมาผมรีบหยิบขวดน้ำตาวัว ออกมาจากนั้นก็ป้ายที่เปลือกตาทันที
เรื่องนี้มันเห็นได้ชัดเจน พวกเราไม่สามารถพูดกันได้แล้ว ต้องสู้กันเท่านั้น
“ ฉันละอยากเห็นจริงๆ ว่าสิ่งชั่วร้ายอย่างพวกแกจะทนได้ถึงเมื่อไหร่ !” ผมตะโกนใส่บ้านหลังนี้ และตาสวรรค์ก็ถูกเปิดออกแล้ว
ไม่ใช่แค่นั้น ผมยังดึงดาบไม้ออกมาจากฝักแล้ว
หยางเฉ่วเห็นผมจะลงมือจริงๆ เธอจึงไม่รอช้า ดึงดาบไม้ออกมาเช่นกัน
ขอแค่เจ้าสิ่งนั้นกล้าออกมา ผมก็จะทําให้มันวิญญาณแตกสลาย ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกตลอดกาล
เมื่อตาสวรรค์เปิดออก ภาพที่ปรากฎภายในบ้านก็สว่างขึ้นทันตา
ผมเห็นแค่ในบ้าน มีหมอกสีขาวบางๆกําลังล่องลอยอยู่เต็มไปหมด
เมื่อมาถึงชั้นสอง ผมและหยางเฉ่วก็ถือดาบไม้พร้อมกับสํารวจไปที่ละห้องๆ แต่พวกเรากลับไม่เจอเบาะแสอะไรเลย
หลังจากค้นชั้นสองจนทั่ว พวกเราก็ลงมาที่ชั้นล่างอีกครั้ง แม้แต่โรงจอดรถพวกเราก็ยังไปสํารวจ
แต่นอกจากพลังหยินที่รุนแรงแล้ว พวกเราก็ไม่เห็นอะไรสักอย่าง แม้แต่ร่องรอยสักนิดก็ไม่มี
แต่นี่ทําให้ผมสองคนลําบากขึ้นกว่าเดิม พลังหยินแรงขนาดนี้ จะไม่มีผีสักตนได้ยังไง
แล้วผีที่ผลักผมเมื่อกี้ละ จะอธิบายว่ายังไง หรือจะพูดว่า พวกมันไปซ่อนอยู่ที่อื่น แล้วก็คอยสอดส่องพวกเราอย่างเงียบๆ
ยิ่งหาไม่เจอ ใจของพวกเราก็ยิ่งหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตลก ถ้าจัดการพวกมันไม่ได้ อู่ฮุ่ยฮุ่ยก็จะถ่ายหนังที่นี่ต่อไม่ได้ในอนาคตถ้ามีคนเข้ามาที่นี่อีก พวกเขาก็จะต้องเจอกับเรื่องร้าย
ผมยืนอยู่ที่ห้องรับแขก ช่วงเวลานั้นผมไม่รู้ว่าควรทํายังไง
แต่หยางเฉ่วกลับพูดกับผมว่า “ ที่นี่เป็นรังของพวกมัน ขอแค่พวกเราปักหลักอยู่ที่นี่ ยังไงพวกมันก็ต้องออกมา ! อย่างน้อยพวกเราก็ต้องรออยู่ที่นี่หนึ่งคืน ! พวกมันจะต้องออกมาปรากฏตัวแน่ ! ”
เมื่อได้ยินหยางเฉ่วพูดแบบนั้น ผมก็คิดว่าตอนนี้คงทําได้เท่านี้
ในเมื่อพวกเราหาไม่เจอ ก็ทําได้แค่รอระต่ายออกจากโพรง เพราะพวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
หลังจากตัดสินใจกับหยางเฉ่วเสร็จ ผมสองคนก็ออกมาจากบ้าน เดินมาถึงที่สวนหย่อมด้านนอก
ผู้กํากับจางและอู่ฮุ่ยฮุ่ยเห็นผมสองคนออกมา พวกเขาจึงเข้ามาล้อมรอบ และท่าทางของแต่ละคนก็ดูเคร่งเครียดมาก
ผู้กํากับจางพูดด้วยความร้อนใจ “ ท่านนักพรตติง เป็น เป็นยังไงบ้างครับ ”
“ จัดการเจ้าสิ่งนั้นเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” อู่ฮุ่ยฮุ่ยก็พูด เช่นกัน
แต่ผมกลับส่ายหัว “ ยังเลย เจ้าสิ่งนั้นไม่ออกมาปรากฏตัว แต่พวกเรามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นว่าที่นี่คือบ้านผีสิง ก่อนหน้านี้ที่พวกคุณเกิดอุบัติเหตุแบบเดียวกัน มันก็ไม่ใช่อุบัติเหตุ
“ อร๊าย! งั้น งั้นพวกเราจะทํายังไงดี ! ”
“ ผู้ผู้กํากับจาง พวกเรา พวกเราเปลี่ยนที่ถ่ายทําเถอะ ! ฉัน ฉันยังไม่อยากตาย !”
“……”
“ จะโวยวายทําไม ฟังซิว่าท่านนักพรตติงจะพูดอะไร !” ผู้กํากับจางโมโห เขารีบพูดปรามทีมงานทันที
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็พูดต่อ “ คืนนี้พวก คุณไปพักข้างนอก ผมสองคนจะเฝ้าอยู่ที่นี่ พอถึงพรุ่งนี้เช้า พวกคุณค่อยเข้ามาใหม่ ! ”
ไม่รอให้ผู้กํากับจางตอบกลับ ทันใดนั้นนักแสดงใจกล้าที่อยู่ข้างๆก็พยักหน้ารับ และรีบพูด “ได้ได้ได้ !” ออกมาไม่หยุด
ท่าทางแบบนั้น เขาคงแทบรอที่จะออกไปจากที่นี่ไม่ไหว
หลังจากนั้น ผู้กํากับจางก็เรียกให้รถมารับ เพื่อเข้าไปพักที่โรงแรมในเมืองชั่วคราว
ระหว่างนี้ ผมยังถามสถานการณ์ของคฤหาสน์หลังนี้จากผู้กํากับจางอีกหน่อย
แต่ผู้กํากับเองก็ไม่ค่อยมั่นใจ เขาบอกแค่ว่า ตอนนั้นคนที่แนะนําคฤหาสน์หลังนี้ให้เขาเสนอราคาเช่าถูกมาก บอกว่าเจ้าของคฤหาสน์ย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว
ถ้าพูดถึงราคาขาย ราคาของที่นี่ก็ยิ่งดีกว่าเดิม มันต่ำกว่า ราคาตลาดถึง 30%
ส่วนเรื่องอื่นนั้น ผู้กํากับจางก็ไม่รู้เหมือนกัน
เมื่อเห็นผู้กํากับจางไม่มั่นใจ ผมก็ไม่ถามต่อ และผมยังพูดคุยเรื่องทั่วไปกับพวกเขาอีกนิดหน่อย
บอกให้พวกเขาสบายใจได้ เพราะคนกับผีต่างกัน
ขอแค่ไม่ไปทําให้พวกเขาโกรธ ไม่ทําเรื่องต้องห้าม ก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว…
หลังจากนั้นประมาณห้าโมงเย็น รถก็มาถึง
ทีมงาน 20 กว่าชีวิตเห็นรถมาถึงแล้ว คนส่วนใหญ่ก็แทบอดใจรอไม่ไหว พวกเขารีบกระโดดขึ้นรถทันที
แต่อู่ฮุ่ยฮุ่ยมีท่าทางลังเลเล็กน้อย เธอหันมาและตะโกนบอกผมกับหยางเฉ่วให้ระวังตัวไม่หยุด
ผมกลับยิ้มให้เธอเล็กน้อย บอกให้เธอรอโทรศัพท์จากผม
หลังจากส่งทีมงานทุกคนขึ้นรถ ที่คฤหาสน์ก็เหลือเพียง ผมและหยางเฉ่ว
ในคฤหาสน์หลังนี้มีทุกอย่าง แม้แต่เสาอากาศรับสัญญาณแบบระบบปิดก็ยังมี
เนื่องจากไม่มีอะไรทํา ผมสองคนจึงต้มบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปหนึ่งชาม ปัดตูดนั่งดูทีวีในบ้านผี เฝ้ารอเจ้าพวกนั้นอย่างเงียบๆ……