ตอนที่ 207 ฉลอง
สิ่งที่อาจารย์กังวลในตอนนี้ก็เป็นสิ่งที่ผมเคยคิดมาก่อน
แต่หลังจากกลับมาจากป่ากุ่ยหลิน ผมก็มีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับองค์กรตาผีชั่ว
เจ้าองค์กรตาผีชั่วมีต้นกําเนิดยาวนาน อิทธิพลกว้างขวาง
ถ้ามันบุกมาถึงที่จริงๆ หรือคิดจะสู้กับพวกเรา ตอนนั้นถึงพวกเราอยากซ่อนก็คงซ่อนไม่ได้ หรือพูดได้ว่าไม่มีโอกาสให้ซ่อนแล้ว
ดังนั้น พวกเราจึงไม่คิดเรื่องนี้มาก เพราะคิดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
นอกจากท่านนักพรตต์ เหล่าฉินและคนอื่นๆ ยังมีของมู่หลงเหยียน โจวหยุนและผีที่ทรงพลังอีกจํานวนมากที่มีหนี้ แค้นกับองค์กรตาผีชั่ว
ถ้ารวมคนพวกนี้แล้วเรายังรักษาชีวิตไว้ไม่ได้จริงๆ ถึงผมจะตาย ผมก็ทําได้เพียงยอมรับมันเท่านั้น
ไม่ว่าพวกเขาจะมาด้วยวิธีไหน พวกเราก็สามารถรับมือได้ พยายามใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ รอให้พวกชั่วนั้นมาบุกแล้วเราค่อยว่ากันอีกที
ผมมองใบหน้าที่ค่อยข้างมืดมนของอาจารย์ จากนั้นผมก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ อาจารย์ คิดมากไปทําไม ! ถึงอีกฝ่ายบุกมา พวกเราจะกลัวงั้นเหรอ อย่างมากก็แค่สู้ตาย ”
อาจารย์กวาดสายตามองผม ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “ แกคิดได้ดีนิ ก็ใช่ พวกเราครูศิษย์เลือกทางเดินนี้แล้ว นอกจากร้านนี้ พวกเราก็ไม่มีที่อยู่อื่นแล้ว ถ้าคนชั่วพวกนั้นบุกมาจริงๆ พวกเราก็ทําให้พวกมันรู้ว่า พวกเราไม่ใช่คนที่พวกมันจะมาหาเรื่องได้ง่ายๆ !”
ขณะที่พูด ทันใดนั้นสีหน้าของอาจารย์ก็เย็นชาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แต่ในชั่วพริบตา ผมก็ได้ยินอาจารย์พูดกับผมว่า “ ชั่งเถอะ พวกเราไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว มากินอะไรหน่อย ตอนบ่ายจะได้พักผ่อน !”
ตอนนี้ผมง่วงจะตายแล้ว ไม่มีอารมณ์กินข้าวเลยสักนิด
ผมจึงโบกมือให้อาจารย์ บอกว่าไม่อยากกิน อยากนอน พักสักหน่อย และบอกให้อาจารย์ปลุกผมอีกทีตอนเย็น
หลังจากนั้น ผมก็ลุกขึ้นพร้อมกับหาวออกมา ผมเดินตรงไปที่หน้าป้ายวิญญาณของมู่หลงเหยียน
ผมโตขนาดนี้แล้ว อาจารย์จึงไม่บังคับผม เพียงพยักหน้าให้เท่านั้น
หลังจากจุดธูปให้มู่หลงเหยียนเสร็จ ผมก็เดินเข้าไปในห้อง
เพราะง่วงมาก ผมจึงไม่ล้างหน้าเอนตัวลงนอนทันที..
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาค่ำแล้ว
ผมนอนตลอดทั้งบ่าย ร่างกายจึงดีขึ้นไม่น้อย แต่ท้องของผมหิวมาก
ผมเพิ่งเดินออกมาจากห้อง ก็ได้กลิ่นกับข้าวหอมๆทันที
เมื่อกวาดสายตามอง ก็พบว่าคืนนี้อาจารย์ทําอาหารเจ็ดแปดอย่าง มีไก่มีปลาเต็มโต๊ะ
ผมดีใจมาก “ อาจารย์ วันนี้กินยาอะไรผิดมา ทําไมถึงทํากับข้าวเยอะขนาดนี้ ”
อาจารย์กําลังถือไหไวน์องุ่นอยู่ และไม่ได้หันมามองผม “ ไม่มีอะไร เหล่าตู๋ฟื้นจากอาการบาดเจ็บแล้ว บอกว่าไม่ได้ดื่มกันนานแล้ว ฉันเลยทําอาหารนิดหน่อยให้เหล่าตู๋กับเหล่าฉินกินแก้มน่ะ !”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ผมก็ว่าจู่ๆทําไมอาจารย์ถึงทําอาหารเยอะขนาดนี้
และแล้ว เวลาผ่านไปไม่ถึง 5 นาที ท่านนักพรตตู๋และเหล่าเฟิงก็มาถึงร้านของพวกเรา
พวกเขาเพิ่งเข้ามาในร้าน ก็ได้ยินเสียงท่านนักพรตต์พูดอย่างอารมณ์ดี “ เหล่าติง ฉันได้กลิ่นเหล้าแล้ว ! ”
ผมและอาจารย์เห็นท่านนักพรตต์และเหล่าเฟิงเดินเข้ามา พวกเราจึงรีบออกไปต้อนรับทันที
พวกเราเพิ่งเข้ามาในบ้าน เหล่าเฟิงก็เหล่ตามองผม จากนั้นก็พูดว่า “ เมื่อคืนไปทํางานอีกแล้วเหรอ”
เมื่อได้ยินคําพูดของเหล่าเฟิง ผมก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็พูดออกมาทันที “ นายรู้ได้ยังไง”
เฟิงเฉ่วหานกลอกตา “ หยางเฉ่วแชทมาบอกในกลุ่ม ”
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
หยางเฉ่วรักเพื่อนจริงๆถึงกับแชทไปบอกในกลุ่ม คนที่ไม่คุ้นเคยกับเธอ มักจะเข้าใจว่าเธอเป็นคนชอบเรื่องสิ่งลี้ลับ
แต่คนในสายงานอย่างพวกเรา กลับสามารถมองเห็นความหมายแฝงจากรูปและข้อความที่เธอส่งเข้ามา และมองเห็นเบาะแสอื่นๆ
หลังจากกลับมาผมยังไม่ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเลย และยังไม่ได้เข้าไปดูกลุ่มเพื่อนอะไรทั้งนั้น
ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ ใช่ ! เมื่อคืนฉันไปจัดการผีร้ายสองตนที่ป่าเมเปิลแดงมา ! ”
“ใช่ซิ ! เดี๋ยวนี้มีเรื่องอะไรก็ไม่เรียกฉันแล้วนิ ” เฟิงเฉ่วหานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา และยังดูอารมณ์ไม่ค่อยดี
ผมอึดอัดใจนิดหน่อย ไอ้บ้าเอ้ยนายไม่ต้องดูแลท่านนักพรตตู๋รีไง อีกอย่าง ฉันก็ไปล่าผีไม่ได้ไปอาบอบนวดกันซะหน่อย นายจะอารมณ์เสียทําไมฮะ
แต่ไม่รอให้ผมได้พูดที่หน้าประตูก็มีใครอีกคนเดินเข้ามา
เขาก็คือสัปเหร่อเหล่าฉิน ในมือของเหล่าฉันกําลังถือถั่วลิสงต้มหนึ่งถุง “ โฮ่ ! มาครบแล้วเหรอ ทํากําแก้มเยอะแยะเลย รู้งี้ฉันไม่ซื้อถั่วต้มมาก็ดี ! ”
ขณะที่พูด เหล่าฉันก็เดินเข้ามาในบ้าน
อาจารย์เองก็ยิ้มทักทาย ท่านนักพรตต์ก็ตะโกนเรียก “ ศิษย์พี่”
ผลลัพธ์เหล่าฉินกลับทําสีหน้าเย็นชาใส่ท่านนักพรตต์ “ ไม่อยู่บ้านรักษาตัว มาดื่มเหล้าทําไมฮะ !”
ท่านนักพรตตู๋ไม่เคยทําอวดดีใส่ เหล่าฉินศิษย์พี่คนนี้เลย เขาเพียงหัวเราะ “ ฮ่าฮ่า ” ออกมา จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีกเลย
ตอนนี้คนมาครบแล้ว ทุกคนจึงเริ่มนั่งล้อมวง
ไวน์องุ่นในไหของอาจารย์เป็นไวน์ที่หมักมาหลายปี ปกติอาจารย์ทําอย่างกับมันเป็นสมบัติล้ำค่า ไม่เคยยกมันออกมาดื่มเลยสักครั้ง
ตอนนี้เมื่ออาจารย์เปิดไห ผมและเหล่าเฟิงจึงรินจนเต็มแก้ว
รสชาติเข้มข้น หอมเตะจมูก ตอนเทไวน์ยังมีกลิ่นดอกไม้ลอยออกมา จะเห็นได้ว่ามันเป็นไวน์ชั้นดีขนาดไหน !
ตาแก่สามคนก็ต่างดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน ผมเองก็เล่าเรื่องล่าผีเมื่อคืนให้เหล่าเฟิงฟัง
จึงทําให้ท่านนักพรตตู๋และเหล่าฉินที่นั่งร่วมวงได้ยินโดยบังเอิญ หลังจากท่านนักพรตตู้ฟังผมเล่าจบ เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย
คิดว่าภายใต้สถานการณ์แบบนั้น ผมและหยางเฉ่วไม่รีบลงโทษ หาสาเหตุที่แน่ชัดก่อน ไม่สร้างบาปเพิ่ม เขาเองก็เห็นด้วยกับวิธีการของพวกเรา
ไม่ว่าจะเป็นผีร้ายหรือผีชั่ว เบื้องหลังของพวกเขาก็ต้องได้รับผลกรรม
พวกเราเป็น “ คนปราบสิ่งชั่วร้าย” ไม่ใช่ “ คนล่าสิ่งชั่วร้าย ” ต่างกันแค่คําเดียว แต่ระหว่างสองคํานี้ กลับมีแก่นแท้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ส่วนเหล่าฉินที่มีความรู้ไม่มากนัก เขากลับไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการของผม
ตอนนั้นผมได้ยินเขาพูดกับผมว่า “ เสี่ยวฝาน ! นายใจดีเกินไป พี่น้องที่นายพูดถึง แม้จะมีชีวิตน่าเศร้า แต่เมื่อกลายเป็นผีชั่ว และยังเคยทําชั่ว แน่นอนว่าไม่ควรปล่อยมันไป
“ นายเคยคิดไหม ครั้งนี้นายเจอกับศัตรูที่อ่อนแอ และไม่มีพรรคพวก ถ้าครั้งหน้าเจอศัตรูที่แข็งแกร่ง และยังมีคนคอยช่วย นายกับพวกมันสู้กันนานเข้า เมื่อถึงเวลานั้นพรรคพวกมันออกมา งั้นนายก็ได้ไม่คุ้นเสียแล้วละ ! ความเมตตาของพวกนายจะนําความตายมาสู่ตัวเอง”
“ ในความคิดของฉัน ไม่ว่าจะดีหรือเลวเมื่อเป็นผีชั่วแล้ว ก็ต้องกวาดให้เรียบ ฆ่าทิ้งให้หมด ! และยังเรื่องที่นายปล่อยผีผู้หญิงตนนั้นไป อย่าเห็นว่าชีวิตของเธอน่าเศร้า แต่หลังจากที่ตายไปแล้วเธอฆ่าคนไปจํานวนมาก ถ้าลงไปแล้ว มันจะเป็นคนละเรื่องกันแล้ว”
เมื่อได้ยินเหล่าฉันพูดแบบนั้น ผมกลับตกใจไปพักหนึ่ง “ เหล่าฉิน พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง”
เหล่าฉันยกไวน์ขึ้นจิบ “ นายยังเด็ก ! จะพูดยังไงดี ฉันจะบอกให้ฟัง ระหว่างโลกกับสวรรค์ ย่อมมีผลกรรมของตัวเอง คนที่เคยทําร้ายพวกเขาตอนมีชีวิตหลังจากตายไปลงนรก นี่ก็คือกรรมที่เขาต้องชดใช้ ”
“ แต่พวกเขาเคยทําเลว กลับให้เธอต้องชดใช้ด้วยตัวเอง นายบอกว่าปล่อยเธอไป เพื่อให้เธอได้มีโอกาสกลับมาเกิดใหม่ที่จริงไม่เห็นต้องทําแบบนั้น เธอฆ่าคนตั้งมากมาย ตายไปนอกจากต้องลงไปทุกข์ทรมานในนรก 18 ขุมแล้ว ชั่วชีวิตนี้จะสามารถเกิดมาเป็นคนได้อีกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ อาจเกิดเป็นหมูเป็นหมามากกว่า หรือแม้แต่เป็นหนอนเป็นแมลง เพื่อชดใช้บาปในชาตินี้ นี่ก็คือการปลดปล่อยงั้นเหรอมันเป็นการทรมานกันชัดๆ ”
“ ถ้านายฆ่าเธอไปเลย วิญญาณเธอก็จะแตกสลาย เธอจะได้หลุดพ้น และไม่มีผลกรรมตามติด ทําแบบนี้แล้ว เธอก็ไม่ต้องลงไปทุกข์ทรมานในนรก 18 ขุม ชั่วชีวิตไม่ต้องชดใช้ผลกรรมหายไป นายลองคิดดู ให้เธอตายไปก็จบเรื่อง ผลกรรมที่ก่อจะได้สิ้นสุด”
เหล่าฉินดื่มไป พูดไป
สิ่งที่เหล่าฉันพูดออกมา ผมไม่เคยคิดถึงมาก่อน และยังไม่เคยไปคิดถึงเรื่องผลกรรมอะไรนั้น
อะไรที่น่ากลัวที่สุด เวรกรรมน่ากลัวที่สุดงั้นเหรอ
เจ้าสิ่งนี้มองไม่เห็นสัมผัสไม่ได้ แต่ถ้ามันมาหาพวกเรากลับหลบไม่พ้น
อย่าว่าแต่ผมเลย แม้แต่อาจารย์ ท่านนักพรตต์ และเหล่าเฟิงที่อยู่ข้างๆ ก็ยังเป็นใบ้ไปในทันที พวกเขาต่างลองคิดตามคําพูดของเหล่าฉัน
เหล่าฉินเห็นผมไม่พูด เขาจึงพูดออกมาอีกครั้ง “ ติงฝาน เหล่าฉันเป็นคนพูดตรง แต่ฉันเป็นสัปเหร่อมาชั่วชีวิต ก็มองชีวิต คุณธรรมและความแค้นของมนุษย์จนทะลุปรุโปร่งแล้ว งานแบบนี้บางครั้งพวกเราก็ต้องโหดเหี้ยมต่องฆ่าบ้าง เมื่อพวกเราโหดแล้ว เราก็จะตัดโซ่กรรมได้หนึ่งเส้น เราก็จะคลายชะตาชีวิตได้อีกหนึ่งดวง นายว่าดีไหมละ ”