ศพ – ตอนที่ 219 ฝามือมังกรคู่

ตอนที่ 219 ฝามือมังกรคู่

 

ผีเมียตนนี้ของผม “ ชอบโมโหผิดปกติ ” และยังชอบเอาผมไปเป็นคู่ซ้อมมือ

 

พวกเราเพิ่งเจอกัน เธอก็ลงมือกับผมแล้ว

 

แม่งเอ๊ย โชคร้ายที่ผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ จึงทําได้เพียงยอมรับชะตากรรมเท่านั้น

 

ยัยผีเมียตนนี้ทั้งบีบข้อมือผม บีบคอ และยังทําร้ายร่างกายผมอีกหลายแห่ง

 

ความเจ็บปวดพวกนั้นทําให้ผมได้แค่ร้อง “ โอ๊ยโอ๊ย” ออกมา ในใจผมกําลังทุกข์ทรมาน ! ตอนนั้นทําไมผมถึงได้เอายัยตัวร้ายนี้มาทําเมียได้นะ

 

สวรรค์ คืนนี้ผมกําลังถูกผู้หญิงรังแก ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป ผมจะต้องถูกหัวเราะจนตายแน่

 

จนกระทั่งผ่านไปพักใหญ่ ยัยเจ้าอารมณ์นั้นถึงได้สงบลง ดูเหมือนเธอจะหายโกรธไปไม่น้อย

 

เธอจ้องผม หลังจากนั้นก็พูดกับผมว่า “ ไม่เลวนิ พักนี้พลังพัฒนาขึ้นนะ ! จัดการยากหน่อย แต่ผิวนายด้านเกินไป ฉันเจ็บมือไปหมดแล้วเนี่ย”

 

ขณะที่พูด ยัยมู่หลงเหยียนก็ลูบนิ้วเรียวๆของตัวเอง แสดงสีหน้าพอใจในผลงานตัวเอง

 

แม้ยัยมู่หลงเหยียนจะกักแรงเอาไว้อย่างดีแล้ว และไม่ได้ทําผมบาดเจ็บจริงๆ แต่ยังไงมันก็ทําให้ผมเจ็บตัวไปพักหนึ่ง

 

ไม่ใช่แค่นั้น ตอนที่ผมโดยยัยมู่หลงเหยียนทําร้าย ผมยังมองออกว่าในใจของเธอกําลังไม่พอใจและโมโหอย่างมาก

 

แต่ผม กลับกลายเป็นตัวระบายอารมณ์ให้เธอ

 

ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ถึงจะเจ็บตัวจริงๆ แต่มันก็ไม่อันตรายถึงชีวิต

 

ผมแค่โกรธมาก โกรธที่ยัยมู่หลงเหยียนมาหาเรื่อง ผมยังไม่ทันรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆก็กลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของเธอแล้ว

 

ผมหดหู่ พร้อมพูดด้วยสีหน้าโกรธเคือง “ อย่ารังแกกันเกินไปนะ !”

 

“ โห! เดี๋ยวนี้กล้ามากนิ มาลองกันอีกสักยกไหมละ” มู่หลงเหยียนเห็นผมโกรธนิดหน่อย เธอไม่โมโหแต่กลับยิ้ม และยังพูดยั่วโมโหใส่ผม

 

นี่ทําให้ผมโมโหสุดๆ ตอนนี้ผมอยู่ใกล้มู่หลงเหยียนมาก และอยากเอาคืนเธอด้วย

 

เมื่อไฟได้ถูกจุดแล้ว ผมก็เตรียมตัวกลับเข้าสนามรบอีกครั้ง

 

หลังจากนั้นผมก็แสดงท่าทางหวาดกลัวมองไปข้างหลัง มู่หลงเหยียนแล้วพูดว่า “ นั้น นั้นคืออะไร !”

 

ขณะที่พูด ผมก็ใช้นิ้วชี้ไปที่ข้างหลังมู่หลงเหยียน

 

มู่หลงเหยียนไม่ได้คิดมาก เธอหันหลังไปมองทันที

 

วินาทีที่มู่หลงเหยียนหันไป ผมก็ดีดตัวขึ้นมาจากพื้นอย่างรวดเร็ว และกระโดดเข้าไปทับมู่หลงเหยียน

 

ยัยผีเมียตนนี้ทําให้ผมโมโหสุดๆ การโจมตีอย่างกระทันหัน จะต้องทําให้เธอหลบไม่ทันแน่นอน ดังนั้นผมจึงคิดจะลอบโจมตีเธอ

 

แต่สิ่งที่ทําให้ผมคิดไม่ถึงคือ ขณะที่ผมกําลังจะกระโดดทับมู่หลงเหยียน มู่หลงเหยียนกลับยกมือขึ้น บีบคอของผมไว้อย่างรวดเร็ว

 

วินาทีนั้น ผมรู้สึกว่าเรี่ยวแรงกว่าครึ่งถูกดูดไป จนร่างกายของผมแทบไม่เหลือแรงสู้

 

ไม่ใช่แค่นั้น ผมยังรู้สึกเจ็บที่คอจนหายใจได้อย่างยากลําบาก

 

แต่มู่หลงเหยียนกลับส่ายหัวไปมา “ เจ้ากาก ยังคิดจะลอบโจมตีฉันเหรอ ยอมแพ้ซะ แล้วฉันจะปล่อยนายไป !”

 

มู่หลงเหยียนพูดกับผมด้วยน้ำเสียงได้ใจ มือที่บีบคอผมเอาไว้ยังไม่คลายลงเลยแม้แต่น้อย

 

ผมเองก็กําลังโมโห สู้ไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดนทําร้ายก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ให้ผมยอมแพ้งั้นเหรอ มันเป็นไปไม่ได้ ชั่วชีวิตนี้ก็เป็นไปไม่ได้

 

พูดบ้าอะไร ไม่ว่าจะพูดยังไง ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายก็ยังค้ำคอผมอยู่

 

“ ไม่มีทาง ชาตินี้ก็ไม่มีทาง ! ” ผมพูดด้วยความยากลําบาก

 

มู่หลงเหยียนเห็นผมเป็นแบบนั้น เธอจึงยิ้มออกมาอีกครั้ง “ เจ้ากาก ถึงฉันจะฆ่านายไม่ได้ แต่ฉันมีวิธีบางอย่างที่ใช้ลงโทษนายได้นะ นายอยากลองดูสักหน่อยไหม”

 

หลังจากพูดจบ สายตาของมู่หลงเหยียนก็ไล่จากบนลงล่าง และสุดท้ายสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่จุดอันตรายของผม

 

แม่เจ้า! สายตาของยัยมู่หลงเหยียน ทําให้ผมรู้สึกหนาวสุดๆ ตอนนี้ผมรู้สึกชาไปครึ่งตัวแล้ว

 

“เธอ เธอจะทําอะไร ?

 

มู่หลงเหยียนทําปากมุ่ย และไม่อาย เธอทําหน้าตาขี้เล่นใส่ผม “ ไม่ได้ทําอะไร อีกเดี๋ยวฉันจะถอดกางเกงนายออก ! แล้วก็โยนนายไว้ที่ถนนใหญ่ !”

 

เมื่อคําพูดนี้หยุดออกมา หน้าผมก็ถอดสี

 

ยัยขี้โมโหโหดมาก เรื่องพันนี้เธอก็คิดออกมาได้

 

มู่หลงเหยียนเห็นสีหน้าของผมเปลี่ยนไป เธอจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย “ กลัวละซิ ! งั้นนายก็พูดว่ายอมแพ้ซิ บอกว่าต่อไปจะฟังคําสั่งฉัน ตอนฉันโมโหก็เรียกนายได้ตลอด 24 ชั่วโมง นายจะมาเป็นกระสอบทรายพิเศษให้ฉัน”

 

พระเจ้าช่วย ถ้าผมตอบตกลงกับเงื่อนไขที่ไร้เหตุผลแบบนี้ ต่อไปชีวิตวันข้างหน้าของผมจะอยู่อย่างสุขสบายได้ยังไง ผมจะต้องถูกยัยมู่หลงเหยียนเรียกมาเป็นกระสอบทรายบ่อยๆ แน่

 

“ ไม่ ฉันไม่ตกลง !”

 

มู่หลงเหยียนเงียบไปแป๊บหนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดว่า “ ไม่ ตกลงก็ได้ ! งั้นฉันจะลงมือแล้ว !”

 

หลังจากพูดจบ แววตาของมู่หลงเหยียนก็เปลี่ยนไป เธอส่งสัญญาณว่าจะลงมือแล้วจริงๆ

 

หัวใจผมเต้นแรง รู้สึกกลัวนิดหน่อย

 

แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆผมกลับนึกถึงศิลปะป้องกันตัวของ อุ้ยเสี่ยวป้อได้ทุกครั้งที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายรุก เขาก็จะทดสอบผู้หญิงเหล่านั้น

 

ในเมื่อมู่หลงเหยียนโหดนัก งั้นผมก็อย่ามาโทษว่าผมหน้าด้านไร้ยางอายก็แล้วกัน

 

หัวใจของผมเต้นรัว ผมยกฝ่ามือมังกรคู่ออกไปตรงๆ

 

มู่หลงเหยียนเป็นคนดื้อ ไม่ชอบเป็นฝ่ายแพ้ ที่จริงก็แค่อยากขู่ผมเท่านั้น อยากให้ผมยอมเธอ

 

แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงคือ ยังไม่ทันทําให้ผมยอมแพ้ได้ ทันใดนั้นฝ่ามือของผมก็เข้ามาอย่างกระทันหัน

 

มู่หลงเหยียนไม่ระวังผมอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อฝามือของผมยกขึ้นไป ผมก็ออกแรง บีบมันจนเสียรูป

 

วินาทีนั้น ผมเองก็ตกตะลึง ราวกับสัมผัสกับลูกระเบิด ทั้งสองมือยากที่จะควบคุมได้

 

มู่หลงเหยียนที่อยู่ตรงหน้า เมื่อกี้เธอยังทําหน้าได้ใจอยู่เลย แต่ตอนนี้สีหน้าของเธอกลับเปลี่ยนเป็นตกใจ เหมือนกับโดนไฟฟ้าช็อต ร่างกายเธอสั่นทันที

 

ไม่ใช่แค่นั้น หน้าของเธอยังเหมือนกับอายมาก

 

แต่นี้เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่วินาทีเดียวเท่านั้น สีหน้าของมู่หลงเหยียนก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง เธอเผยสีหน้าโกรธจัดออกมา

 

ทันใดนั้นเธอก็รีบปล่อยมือจากคอผมอย่างรวดเร็ว หันมามองหน้าผมทันที พร้อมตะโกนด้วยความโมโห “ ไอ้หน้าด้าน !”

 

หลังจากนั้น เธอก็คิดจะปัดมือผมออก

 

แต่ตาผมเร็วกว่า วินาทีนั้นผมผลักเธอไปข้างหน้า และจับเธอกดไว้ทันที ใช้มือทั้งสองข้างจับมือของมู่หลงเหยียนเอาไว้ ป้องกันไม่ให้เธอสู้กลับ

 

สิ่งนี้ผมทําให้หัวใจของพวกเราเต้นแรง ผมทาบตัวลง กดเธอไว้อยู่หมัด

 

ตอนนี้ ผมสองคนจ้องตากัน ร่างกายทาบทับอยู่ด้วยกัน

 

แม้เธอจะดิ้นสองสามครั้ง แต่มันกลับยิ่งทําให้เธอหมดแรง

 

ช่วงเวลานั้น ดูเหมือนในสายตาของอีกฝ่าย ได้มีประกายไฟลุกโชนขึ้นมา ราวกับถูกไฟดูดวินาทีนั้นเรี่ยวแรงที่มีก็หายไปทันที

 

ไม่รู้ว่าทําไม ผมกลับหายใจเร็วขึ้น หัวใจเริ่มเต้น “ ตึกตึกตึก” เร็วขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายก็ร้อนขึ้นด้วย

 

ความรู้สึกแบบนั้นมันแปลกมาก ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

 

ทันใดนั้นเอง ในห้องก็ถูกแช่แข็ง เงียบราวกับคนในห้องได้ตายไปหมดแล้ว..

 

การกระทํานี้ใช้เวลาสองวินาทีเต็มๆ ทําให้ผมสองคนทําอะไรไม่ถูก ไม่มีใครขยับเขยื้อนเลยสักนิด

 

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆข้างนอกก็มีเสียงยายโม่ดังขึ้น “ คุณหนู คุณผู้ชาย ! แขกมาถึงแล้วเจ้าค่ะ รีบออกมาต้อนรับ แขกเถอะเจ้าค่ะ !”

 

เสียงเธอแหบแห้ง แต่ก็สงบมาก

 

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ มู่หลงเหยียนที่อยู่ด้านล่างก็ได้สติ

 

เมื่อเห็นว่าตัวเองยังถูกทับอยู่ เธอก็ค่อยๆขมวดคิ้ว กัดริมฝีปากของตัวเอง จากนั้นก็แสดงสีหน้าเขินอายออกมาเล็กน้อย เธอกดเสียงลงต่ำ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่หวาดกลัวเล็กน้อย “ เจ้ากาก นายยังไม่ลุกขึ้นอีก !”

 

เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ผมถึงได้สติ รู้สึกร้อนวาบที่ลําคอทันที

 

พูดตามความจริง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมกล้าทํากับผู้หญิงแบบนี้ และยังสามารถปราบอีกฝ่ายได้

 

เมื่อก่อน ผมไม่กล้าเลยสักนิด แต่ไม่รู้ว่าเมื่อกี้ผมเอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้กล้าทําเรื่องแบบนี้ลงไป

 

ผมอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย ผมค่อนข้างอาย หลังจากนั้นก็รีบลุกขึ้น “ ขอ ขอโทษที !”

 

ขณะที่พูด ผมก็ลุกขึ้นยืนแล้ว

 

แต่ยัยมู่หลงเหยียนกลับกลอกตาใส่ผม จัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นก็พูดกับผมด้วยความโมโห “ คิดไม่ถึงว่านอกจากนายจะกากแล้ว ยังหน้าด้านแบบนี้ ทั้งกากและยังต่ำช้า.”

 

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset