ตอนที่ 222 ส่งแขก
หลังจากมู่หลงเหยียนพูดแบบนั้นออกมา เสียงของเธอเพิ่งเงียบลง ใบหน้าของเย่เฟิงคุณชายที่ยิ้มแย้มตลอด และมั่นใจในตัวเองเมื่อก่อนหน้านี้ กลับนิ่งอึ้งไปในทันที
ไม่ใช่แค่นั้น แม้แต่ผมที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวใจก็ยังอดไม่ได้ที่จะมีเสียงดัง “ ตึก ”
ความบอกไม่ถูกเกิดขึ้นในใจ ไม่รู้เป็นอะไรไป ตอนที่มู่หลงเหยียนพูดว่า “ เขาคือสามีของฉัน” ประโยคนี้ ในใจของผมกลับรู้สึกมีความสุขสุดๆ
เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นเพียงพึ่งพาอาศัยซี่งกันและกันเท่านั้น ไม่มีความรู้สึกใดๆ แถมยัยผีนี่ยังไม่อยากเจอผมด้วยซ้ํา ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังชอบแกล้ง ชอบรังแกผมเป็นประจํา
ผมหันไปมองมู่หลงเหยียนช้าๆ กลับพบว่าตอนนี้เธอแสดงสีหน้าจริงจัง จ้องหน้าเย่เฟิงตาไม่กระพริบ
หลังจากเย่เฟิงนิ่งอยู่สักพัก เขาก็กลับมาได้สติอีกครั้ง
เขายังคงพูดกับมู่หลงเหยียนด้วยรอยยิ้ม “ แม่นางมู่หลง เรื่องอื่นผมไม่สนใจ และไม่อยากรู้ด้วย แม่นางคิดให้ดีๆนะ นี่คือหญ้าจื่อหยินที่ช่วยเพิ่มอายุไขให้แม่นางอยู่ได้อีก 80 ปีเลยนะ เท่าที่ผมรู้อายุของแม่นางเหลือไม่ถึง 3 ปีแล้วใช่ไหม ?
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
เย่เฟิงพูดถูกแล้ว มู่หลงเหยียนไม่มีที่มาวิญญาณ ช่วงเวลา ครบ 50 ปีของเธอใกล้มาถึงอีกแล้ว
ถ้ายังตามหาที่มาวิญญาณกลับมาไม่ได้ ก็ยังสามารถให้หญ้าพิเศษเพิ่มอายุไข ถ้าไม่ทําแบบนั้น มู่หลงเหยียนก็รอวันที่วิญญาณจะแตกสลายได้เลย
แต่มู่หลงเหยียนกลับเหมือนไม่สนใจ เธอไม่ลังเลเลยสักนิด “ คุณชายเย่ เรื่องของฉัน ฉันจะแก้ไขเอง
หญ้าจื่อหยินของคุณต้นนี้ล้ําค่าเกินไป เชิญนํากลับไปเถอะค่ะ ! ”
หลังจากพูดจบ มู่หลงเหยียนก็หันไปมองนอกลาน “ ยาย ส่งแขก ! ”
เมื่อเสียงของเธอดังขึ้น เย่เฟิงก็นั่งไม่ติด รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าจางหายไปในทันที
เขาคิดว่า หญ้าจื่อหยินต้นนี้จะต้องทําให้มู่หลงเหยียนตกลง
แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะไม่ทําให้มู่หลงเหยียนหวั่นไหวเลยสักนิด สิ่งสําคัญยิ่งกว่านั้นคือ เธอยังพูดกับเขาด้วยน้ําเสียงจริงจัง ฉันคือสามีในอนาคตของเธอนะ นี่ทําให้เย่เฟิงซึ่งหลงรักมู่หลงเหยียนมาหลายสิบปีแทบระเบิดออกมา
ผลลัพธ์เย่เฟิงยังไม่ได้พูด ผีชุดดําที่ถือกล่องไม้เห็นคุณชายของตัวเองกําลังหึง เขาจึงอารมณ์เสีย อยากจะพูดแทนคุณชายขึ้นมาทันที
เขาตะคอกใส่มู่หลงเหยียนว่า “ พูดกันดีๆไม่ชอบชอบให้ใช้กําลังใช่ไหมฮะ เธอคิดให้ดีๆนะว่าคุณชายของฉันนั้นสูงส่งขนาดไหน เป็นเกียรติกับเธอขนาดไหนแล้ว ที่คุณชายของฉันมาชอบเธอนะ..”
เมื่อเห็นผีลูกกระจ๊อกทําตัวอวดดีอยู่ข้างๆ ผมก็คิดจะสั่งสอนทันที
ใครสนว่าแกเป็นใครมาจากไหนละ กล้ามาเล่นบันหัวพวกเรา ถึงเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ฉันก็ไม่กลัว
ผลลัพธ์ผมยังไม่ได้ลงมือ เย่เฟิงกลับไม่ลังเล เขาพลิกฝ่ามือตบผีตนนั้น
“ เพี้ยะ ” ผีตนนั้นล้มกลิ้งลงบนพื้นทันที
“ พูดแบบนั้นกับแม่นางมู่หลงได้ยังไง ในเมื่อวันนี้แม่นางมู่หลงไม่อยากต้อนรับพวกเรา พวกเราแค่ออกไป จําไว้ สุนัขรับใช้อย่างเจ้าไม่มีสิทธิพูด”
ผีชุดดําที่ถูกตบหน้าไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา “ ปึก ” เขาคุกเข่าลงกับพื้น ก้มหัวขอโทษอย่างต่อเนื่อง “ ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยผิดไปแล้ว ขอให้แม่นางยกโทษให้ด้วย ขอให้แม่นางยกโทษ…”
มู่หลงเหยียนกวาดสายตามองผีตนนั้น แต่เธอขี้เกียจพูดแล้ว
เย่เฟิงเห็นมู่หลงเหยียนเงียบ เขาจึงพูดว่า “ ยังไม่ใสหัวออกไปอีก !”
“ ขอรับขอรับขอรับ… ” ผีชุดดํากระวนกระวาย เขาถือกล่องหญ้าจื่อหยินไว้อย่างดี จากนั้นก็รีบถอยออกไปทันที
ในเวลาเดียวกัน ยายโม่ก็ถือไม้เท้าหัวมังกรเดินเข้ามา
เธอคารวะผมและมู่หลงเหยียนก่อน “ คุณหนู คุณผู้ชาย !
หลังจากพูดจบ ยายโม่ก็หันไปมองเย่เฟิง เธอพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ คุณชายเย่ เชิญเจ้าค่ะ !”
เย่เฟิงเห็นพวกเราส่งแขก เขาเองก็ไม่สามารถอยู่ต่อได้
เขาจึงฝืนยิ้มเล็กน้อย “ แม่นางมู่หลง สักวันแม่นางจะต้องเต็มใจแต่งงานกับข้า ! ข้าขอตัวกลับก่อน”
หลังจากพูดจบ เย่เฟิงก็หมุนตัวเดินออกไปทันที
แต่ขณะที่เขาหมุนตัว เขายังกลับกวาดตามองผม เหยียดยิ้ม สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
ผมเข้าใจทันที เจ้าหมอนี้ต้องการจําหน้าผมเอาไว้ ไม่แน่ ในอนาคตเมื่อพวกเราได้กลับมาพบกันอีกครั้ง เขาอาจเป็นตัวปัญหาของผมก็ได้
ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เมื่อกี้ผมยังดึงคอเสื้อเขา พูดจาหาเรื่อง แต่ผมกลับไม่ได้เสียใจเลยสักนิด
หลังจากเย่เฟิงออกไป ผีชุดดําหลายสิบตนก็เดินออกไปจากลานบ้าน จากนั้นร่างของเขาก็หายไปทันที
เมื่อเห็นเย่เฟิงออกไป ผมก็อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชา “ โอหังจริงๆ”
มู่หลงเหยียนกรอกตาใส่ผม “ เจ้ากาก วันนี้ทําให้เย่เฟิงไม่พอใจ วันข้างหน้านายต้องระวังตัวให้ดี ไม่แน่เขาอาจบุกไปหาเรื่องนายถึงบ้านก็ได้ !”
“ มาก็มาซิ ฉันต้องกลัวเขารึไง !” ผมพูดตรงๆ ตอนนี้ผมละอยากสั่งสอนเจ้าหมอนั้นด้วยซ้ํา
มู่หลงเหยียนกลับหัวเราะเบาๆ “ ไม่กลัวตายจริงๆ ใน โลกของวิญญาณ มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะกล้าไปกระชากเสื้อของเย่เฟิง นายได้เป็นหนึ่งในนั้นแล้ว !”
เมื่อได้ยินมู่หลงเหยียนพูดแบบนั้น ผมก็อึ้งในทันที เจ้าหมอนั้นร้ายกาจขนาดนั้นเลยเหรอ
ดังนั้นผมจึงถามมู่หลงเหยียนว่า “ น้องศพ เจ้าหมอนี่เป็นใครกันแน่ เธอชอบพูดว่าห้ามทําให้เขาไม่พอใจ ทําไมถึงทําให้เจ้าหมอนี้ไม่พอใจไม่ได้ละ ”
มู่หลงเหยียนหันมามองผม เธอส่ายหัวไปมา “ ชิ่งเถอะ ! นายไม่ต้องถามแล้ว พอถึงเวลาฉันจะบอกให้นายรู้เอง !”
แม้ในใจจะยังอยากถามต่อ แต่ผมเข้าใจ เมื่อมู่หลงเหยียนไม่อยากพูด และมันยังเกี่ยวกับผีในโลกวิญญาณ บางทีความสามารถในตอนนี้ของผม คงยังไม่ถึงระดับนั้นละมั้ง
ดังนั้นเมื่อคําพูดจะหลุดจากปาก ผมก็กลืนมันลงไปอีกครั้ง
ผมมองไก่เหลืองที่อยู่ใกล้ๆแล้วพูดว่า “ เจ้าหมอนั้นก็ไปแล้ว แล้วเธอจะจัดการไก่สองตัวนี้ยังไงล่ะ”
ก่อนมาผมเข้าใจดี ว่าไก่สองตัวนี้จะต้องใช้ต้อนรับเย่เฟิง
แต่ใครจะรู้เย่เฟิงเพิ่งเข้าประเด็น เขาก็พูดถึงเรื่องนั้น ดังนั้นไก่สองตัวนี้จึงยังอยู่ที่นี่
มู่หลงเหยียนมองไก่เหลืองในกระเป๋า จากนั้นก็พูดว่า “งั้นก็เอาไปให้เซียนจิ้งจอก !”
“ เซียนจิ้งจอก ” ผมทําหน้าสงสัย
มู่หลงเหยียนพยักหน้า “ ก็เซียนจิ้งจอกที่ช่วยนายเอาไว้
หลังจากพูดจบ เธอก็หยิบกล่องออกมา
เมื่อเห็นกล่องใบนั้น ผมก็อึ้งทันที “ นางพญาจิ้งจองตัวนั้นเหรอ”
มู่หลงเหยียนยิ้มออกมาเล็กน้อย “ ใช่ คิดไม่ถึงว่านายจะรู้ฐานะของเธอเร็วขนาดนี้ !”
ผมตกใจในใจ ใช่จริงๆ มู่หลงเหยียนกับนางพญาจิ้งจอกเกี่ยวข้องกัน
ถึงว่าหลงเหยียนเลยให้กล่องผม มันสามารถติดต่อกับนางพญาจิ้งจอกได้ ทําให้พวกจิ้งจอกเฒ่าสามตัวตกใจ ช่วยเราให้หลุดพ้นจากอันตราย
ผมกลืนน้ําลาย จากนั้นก็พูดกับมู่หลงเหยียนว่า “ น้องศพ นางพญาจิ้งจอกตัวนั้นเป็นอะไรกับเธอเหรอ แล้วก็อาจารย์ของฉันและท่านนักพรตก็บอกว่ากล่องนี้เป็นสมบัติมีค่า มีวงเวทย์แปลกๆเยอะแยะมากมาย เธอเป็นคนสลักเองเหรอ ?
เมื่อมู่หลงเหยียนได้ยิน เธอกลับส่ายหัว “ ฉันทําเรื่องยากๆแบบนั้นเป็นที่ไหนละ กล่องใบนี้เซียนจิ้งจอกให้ฉันมา ตอนนั้นฉันเคยช่วยชีวิตจิ้งจอกบนเขาสองสามตัว เพื่อตอบแทนฉัน เซียนจิ้งจอกเลยให้กล่องใบนี้มา กล่องนี้สามารถใช้ได้สามครั้ง ไม่ว่าจะไกลขนาดไหน เมื่อเปิดออกแล้ว มันก็จะทํางานเรียกดวงจิตเซียนจิ้งจอกด้วยตัวเอง ! ”
เป็นของล้ําค่าอย่างที่คิดไว้จริงๆ ไม่ว่าจะไกลแค่ไหนก็สามารถติดต่อกับจิตนางพญาได้
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อเห็นมู่หลงเหยียนหยิบกล่องออกมาอีกครั้ง ผมก็พูดด้วยความสงสัย “ งั้นขั้นต่อไปพวกเราต้องทํายังไง คงไม่ใช่เปิดกล่องไหว้เธอหรอกนะ”
“ ปัญญาอ่อน ไม่ใช่อยู่แล้วละ อีกเดี๋ยวพวกเราจะใช้กล่องนี้ ตั้งไว้บนแท่นบูชาอัญเชิญเซียนจิ้งจอกมา…”