ตอนที่ 229 ไฟสองตัวติด
เรื่องทํานายผมไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นท่านนักพรตตู๋ขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียด ใจของผมก็เริ่มกระวนกระวาย
ผมคิดว่าความฝันของผม คงไม่ใช่เรื่องดีแล้ว ผมเพิ่งคิดถึงตรงนี้ ท่านนักพรตตู๋ยังบอกว่าความฝันนี้ทํานายยาก
ผมจึงอดไม่ได้ที่จะเครียด คิดในใจว่ามันอาจเป็นลางร้ายรึป่าว
แต่ผมยังไม่ทันได้พูด อาจารย์ที่อยู่ข้างๆกลับพูดกับท่านนักพรตตู๋ว่า “ เหล่าตู๋ ถึงจะทํานายยาก แต่นายก็ทํานายได้ใช่ไหม ! ในเมื่อทํานายได้ นายก็อธิบายให้เสี่ยวฝานฟังซิ ฝันเหมือนกันสี่ครั้ง ฉันว่าคงไม่ใช่เรื่องดีอะไร !”
หลังจากท่านนักพรตตูได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย “ ได้ งั้นฉันจะลองดู !”
หลังจากพูดจบ ท่านนักพรตตู๋ก็แบมือ ใช้นิ้วนับเลข เริ่มคํานวณ
การคํานวณด้วยนิ้วเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง เมื่อก่อนผมเคยเห็นในหนังสือของอาจารย์
เป็นศาสตร์ที่ใช้คํานวณจากฟ้าดิน วิธีการคํานวณพิเศษของศาสตร์ปากัวและธาตุทั้งห้า ระดับความซับซ้อนเท่ากับโจทย์ในโอลิมปิก และยังต้องคํานวณอีกหลายอย่าง เรียกได้ว่าซับซ้อนสุดๆเลยละ
แต่มันก็มีข้อดี คือแม้แต่การทํานายดวงชะตาขนาดใหญ่ ก็ยังต้องใช้ศาสตร์นับนิ้วนี้
ตอนเริ่ม ท่านนักพรตตู๋ไม่ได้นับเร็วมากนัก แต่ต่อจากนั้น นิ้วของท่านนักพรตตู๋กลับเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายผมก็เริ่มเห็นนิ้วของท่านนักพรตตู๋บินได้
และมันยังไม่จบเท่านี้ สิ่งที่สําคัญที่สุดคือ นับมือเดียวยังไม่พอ ทันใดนั้นท่านนักพรตตู๋ก็ยกมืออีกข้างขึ้นมาคํานวณ
ความเร็วอยู่ในระดับน่ากลัว เกรงว่าแม้แต่อาจารย์ทากะคาโต้มาเห็น ก็ยังต้องคารวะ
ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ในกลุ่มตาเฒ่าสามคน นอกจากท่านนักพรตตู๋จะมีพลังสูงสุดแล้ว เขายังมีความสามารถในการคํานวณขนาดนี้
พวกเราไม่กล้าส่งเสียง เพราะกลัวจะไปรบกวน การคํานวณของท่านนักพรตตู๋ ถ้าผิดหนึ่งขั้นขั้นหลังๆก็จะผิดหมด
ดูจากภายนอกก็รู้ว่า ท่านนักพรตตู๋กําลังเครียดมาก แม้เขาจะกําลังหลับตา แต่พวกเราก็เห็นเปลือกตาของเขาขยับตลอดเวลา มีเหงื่อไหลซึม ปากยังพูดอะไรสักอย่างไม่หยุด…
เรื่องเป็นแบบนี้ ผ่านไป 10 นาทีเต็มๆ ท่านนักพรตตู๋ถึงได้ลืมตา มองมาที่มือทั้งสองข้าง
เมื่อเห็นท่านนักพรตตู๋หยุดทํา ดวงตาของพวกเราก็เบิกกว้าง “ ท่านลุงตู๋ ลุงทํานายเสร็จแล้วเหรอครับ”
“ เหล่าตู๋ เป็นยังไงบ้าง ” อาจารย์เองก็พูดออกมา
ท่านนักพรตตู๋พยักหน้าเล็กน้อย เขาค่อยๆลุกขึ้นยืน จากนั้นก็พูดว่า “ วันเวลามีความฝันแตกต่าง เทพผีมีดีร้าย ความฝันไม่แน่นอน ฝันว่าหมีกางปีกบินไปบนเขา เสี่ยวฝาน เธอได้ไฟติดกันสองตัว ”
“ ไฟติดกันสองตัว มันหมายความว่ายังไง ” อาจารย์ถามทันที
ดวงตาของผมเบิกกว้าง จ้องท่านนักพรตตู๋ตาไม่กระพริบ
ท่านนักพรตตู๋เองก็ไม่ได้ปิดบัง เขาพูดออกมาทันที “ ไฟบนไฟล่างคือไฟสองดวงติดกัน พวกมันอยู่ลําดับที่ 30 ของศาสตร์ปากัว 64 อักขระ รหัสคือ ห้าต่อห้า ไฟเจอกับไฟ ตําแหน่งหลักและตําแหน่งรองต่างมีแต่ไฟ คําทํานายคือไฟ”
“ เพราะไฟสองตัวซ้อนกันบนล่าง คําทําลายหลักคือทั้งสองฝ่าย เป็นเหมือนกับไฟที่คอยลุกโชติช่วง คอยให้แสงสว่างแก่กัน ขัดแย้งกัน และพัวพันกันตลอด เมื่อเข้าตาจนต้องพยายามดิ้นรน หาคนพึ่งพาถึงจะปลอดภัย ทําอะไรครึ่งๆกลางๆ ไม่สามารถเล่นลูกไม้ได้ เป็นเพราะชีวิตและความตายเป็นตัวกั้นอยู่ เมื่อความเข้าใจในกฎแห่งธรรมชาติ ถึงจะไม่ต้องอยู่ใต้บัญชาและหาความทุกข์ใส่ตัว แต่ก็ไม่สามารถซ้ำเติม หรือขู่อะไรได้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ผู้ที่อยู่ใต้บัญชาจะต้องแข็งแกร่ง อ่อนน้อมพอสมควร ระวังตัวตลอดเวลา ถึงจะเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี นี่ก็คือความหมายของไฟสอ งตัวติดกัน”
หลังจากฟังท่านนักพรตตู๋พูดจบ ผมก็ยิ่งสับสนหนักกว่าเดิม ผมไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ามันเกี่ยวข้องกับความฝันผมตรงไหน
“ท่านลุงตู๋ มันเกี่ยวอะไรกับฝันของผมเหรอครับ ” ผมถามออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ท่านนักพรตตู๋สูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก็พูดต่อ “ ฝันติดกันสี่ครั้ง ตีความได้ไฟติดกันสองตัวจากคําทํานายของไฟสองดวง ไฟลุกโชติช่วง พัวพนกันเสมอ แต่ก็ส่งแสงสว่างให้กัน พลังของลุงไม่พอ แต่จากที่ลุงคิดความฝันนี้น่าจะหมายถึงการปรากฏตัวของคนๆหนึ่ง ที่จะส่งผลทั้งดีและร้าย ”
“ คน ”
“ ใช่ ใครบางคน คนถามคือติงฝาน จากคําทํานาย ไฟสองดวงติดกันและยังลุกโชนและเกี่ยวข้องกัน ผู้หญิงที่อยู่ในความทั้งสี่ครั้งนั้น หรือคนที่อยู่ในความฝันนั้น อาจเป็นไฟดวงที่สอง ไฟที่จะอยู่ด้วยกัน คอยส่งแสงนําทางจนกลายเป็นไฟที่คอยช่วยเหลือกัน แต่คําทํานายยังบอกว่าทั้งสองคนจะเป็นคู่แข่งกัน แต่ก็คอยช่วยกัน เป็นกระแสน้ำที่ไหลแรง แต่ก็ทําให้เกิดปัญหาขึ้นได้ง่ายและมาพร้อมกับเรื่องอันตราย ”
ท่านนักพรตตู๋อธิบายช้าๆ นําคําทํานายทั้งหมด อธิบายให้ผมฟังว่ามันเกี่ยวข้องกันยังไง
ผมเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดกับท่านนักพรตตู๋ว่า “ ท่านลุงตู๋ ถ้าพูดแบบนั้น งั้นต่อไปผมอาจได้เจอผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงที่จะช่วยผม และหาเรื่องมาให้ผมด้วย ใช่ไหมครับ
ท่านนักพรตตู๋พยักหน้าเล็กน้อย “ ถ้าฉันทํานายไม่ผิด ก็น่าจะเป็นแบบนั้น แล้วอีกสองวันเธอก็จะไปฝากตัวเป็นศิษย์แล้ว หรือคนในความฝันนี้ อาจหมายถึง เซียนผู้หญิงก็ได้นะ ผู้หญิงคนนี้จะช่วยเธอและก็พาอันตรายมาสู่ชีวิตเธอด้วย !”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ อาจารย์กลับขมวดคิ้ว “ เหล่าตู๋ ! นายพูดมาตั้งนานแต่เหมือนกับไม่ได้พูดอะไรเลย นายจะบอกว่าลูกศิษย์ของฉันจะเจอเรื่องดีหรือร้ายกันแน่”
ท่านนักพรตตู๋เผยรอยยิ้มอันขมขึ้น “ เรื่องนี้ คงพูดว่าดีร้ายไม่ได้ เพราะมันที่ครึ่งร้ายครึ่ง !”
“ บ้าเหรอ งั้นจะทํานายไปทําไมละ” อาจารย์พูดกับท่านนักพรตตู๋ด้วยความไม่ค่อยพอใจ
แต่ท่านนักพรตตู๋กลับอารมณ์เสีย เขาพูดกับอาจารย์ว่า “ ฉันก็ทํานายตามความจริง ความหมายของไฟสองดวงก็เป็นแบบนี้ จะให้ฉันทํายังไงละ ”
เรื่องเป็นแบบนี้ อาจารย์และท่านนักพรตตู๋เริ่มทะเลาะกัน
ส่วนผมกลับจําคําทํานายของท่านนักพรตตู๋เอาไว้ ไฟสองดวงคอยช่วยกัน ผู้หญิงคนหนึ่งจะคอยส่งแสงให้กันและกัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของผมก็เคร่งขรึมลง ผมเริ่มคิดว่าคําทํานายนี้ไม่ได้หมายถึงมู่หลงเหยียนเหรอ
ความฝันนี้ เหมือนจะเกิดขึ้น ตอนที่ฝันมาเอาชีวิต และหลังจากที่ผมแต่งงานกับมู่หลงเหยียนแล้ว
ผมฝันติดกันสี่ครั้ง จนกระทั่งตอนนี้
ผมและมู่หลงเหยียน ไม่ใช้ไฟสองดวงที่คอยส่งแสงให้กันเหรอ
การแต่งงานของผมกับเธอ ก็เกิดขึ้นเพราะทั้งสองฝ่ายต้องการรักษาชีวิตไว้ นี่ก็คือการส่องไฟให้กัน
นอกจากนี้ เพราะเหตุนี้ ผมถึงได้กลายเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย นี่นับว่าเป็นเรื่องดีได้มั้ง
สําหรับเรื่องร้าย ผมคิดว่าก็มีเหมือนกัน เพราะเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย ดังนั้นผมจึงต้องเจอกับผีร้าย ผีชั่ว ผีดิบ หมอผี องค์กรชั่วอะไรต่างๆมากมาย มาคอยเอาชีวิตผมหลา ยต่อหลายครั้ง
แม้ว่าผมจะไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นว่าคนในคําทํานายเป็นใคร แต่ผมมั่นใจหกสิบเปอร์เซ็นว่าคนที่จะออกมาปรากฏตัวตามคําทํานาย ก็คือมู่หลงเหยียน
แน่นอน ผมไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่ท่านนักพรตตู๋ที่พูด ไม่แน่ผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นเซียนจิ้งจอกสาวก็ได้
ผมเพิ่งคิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นไหล่ของผมก็ถูกตบ “ คิดอะไรอยู่”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ สติของผมก็กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ผมเห็นคนตบคือเหล่าเฟิง
เฟิงเฉ่วหานพยักหน้าเล็กน้อย “ คําทํานายนี่ ปกติมักซับซ้อนมาก ไม่ว่าอาจารย์ฉันจะทํานายสักกี่ครั้งมันก็ไม่เคยเหมือนเดิม นายไม่ต้องคิดมาก แค่รู้ไว้ก็พอแล้ว จะดีห รือร้ายก็ชั่ง ถ้าไม่ดีแค่หนีไปก็จบแล้ว !”